วิวาห์หวาน นายซาตาน ที่รักของฉัน

บทที่ 942 เจอกันในสุสาน



บทที่ 942 เจอกันในสุสาน

“อย่าเพิ่งโมโหนะ คุณอย่าเพิ่งใจร้อน เวลานี้แล้วเขายังไม่ กลับมามันไม่ปกติจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ที่จะหนีไปแน่นอน อย่างนี้ละ กัน พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่มออกไปหาดู มีข่าวอะไรก็โทรบอก กันหน่อย”

ลู่วิ่งเป็นพยักหน้า “ผมเห็นด้วย

เฉียว ก็ยกมือเห็นด้วยเช่นกัน

กู้ซื้อเฉียนเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

จิ่งหนิงก็ได้กำชับอีกว่า “ถ้าคุณหาท่านเจอแล้วอย่าเพิ่งโมโห ใส่นะ พาคนกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เขามองวิ่งหนึ่งแวบหนึ่งและส่งเสียงไม่พอใจ ในที่สุดก็ไม่ได้

คัดค้านอะไรอยู่ดี

คนกลุ่มหนึ่งออกไปหาโดยแบ่งเป็นสองทาง ก็ต้องเป็นเฉียว ฉีกับกู้ซื้อเฉียนไปทางหนึ่ง จึงหนิงกับลู่วิ่งเซ็นไปทางหนึ่งอยู่แล้ว

ตอนกลางวันกี่คนนี้ได้ทำงานแล้วไม่น้อย ความเป็นจริงเวลานี้ คือเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ ของอยู่ในมือท่านปูชิว ถ้า ไม่หาคนให้เจอภายในคืนนี้ สงสัยคนนี้ถึงนอนแล้วก็สบายใจ ไม่ได้อยู่ดี

เวลานี้บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านปิดไฟกันหมดแล้ว
สี่คนหาได้นานมากแล้ว แทบจะหาได้ทั่วหมู่บ้านแล้ว สุดท้าย กลับเป็นลู่จิ่งเซินที่หาเขาเจอในสุสานแห่งหนึ่ง

พอเจอท่านปู เขาก็รีบโทรหากู้ซื้อเฉียนทันที

ยังดีที่กู้ซื้อเฉียนกับเฉียวไม่ได้อยู่ไกลพวกเขามากเท่าไหร่ รีบมารวมตัวกันทันที

รอบข้างมีลมหนาวพัดมาไม่หยุด ไม่ว่าทางไหนก็เต็มไปด้วย หลุมฝังศพ คน ในชนบทไม่เหมือนในเมืองนิยมฌาปนกิจ ปัจจุบัน ยังใช้วิธีการฝังศพอย่างโบราณอยู่

หลุมฝังศพของหมู่บ้านแทบจะอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมดแล้ว คนดู ไปที่ศูนย์กลางของสุสานนั้น ชายชราหลังค่อมท่านหนึ่งพิงอยู่บน ศิลาจารึกหลุมฝังศพแผ่นหนึ่ง กำลังพูดพึมพำอะไรสักอย่างด้วย เสียงต่ำอยู่ สายลมพัดในค่ำคืนไม่หยุด เสียงร้องทุ่มของนก ฮูกดังมาในท่ามกลางความมืด ดูยังไงก็รู้สึกภาพฉากนี้ ประหลาดเกินไป อดขนลุกทั้งตัวไม่ไหว

เฉียวฉีพูดเสียงเบาว่า “ท่านกำลังทำอะไรอยู่อา ลู่จิ่งเซินกับจิ่งหนิงต่างสายหัวกัน

สีหน้าของกู้ซื้อเฉียนดูไม่ค่อยดี กำลังจะก้าวเท้าออกไปก็ถูกจึง หนิงดึงไว้แล้ว

“คุณจะทําอะไร”

กู้ซือเฉียนพูดเสียงเย็นซาว่า: “เขากล้าหลอกพวกเรา ผมก็จะ จับเขากลับไป
จิ่งหนิงขมวดคิ้ว ดึงเขาไว้แรงๆ พูดด้วยเสียงเบาว่า “คุณอย่า ทำชั่วเลยนะ ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ไม่ว่ายัง ไง พวกเรากลับไปก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า”

เฉียว ก็พูดคล้อยตามด้วย “ใช่สิ บรรยากาศที่นี่ประหลาด มาก พวกเราอย่ามีเรื่องกันที่นี่เลย ทุกอย่างรอกลับไปแล้วค่อย ว่ากันเถอะ”

กู้ซื้อเนียนมองเธอแวบหนึ่ง ทีนี้จึงไม่ได้พูดอะไรอีก เดินไป ตามพวกเขาด้วยกัน

คงเป็นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าตั้งนานแล้ว ท่านปูซิวไม่ได้หัน หน้ากลับก็รู้ว่าคือพวกเขามาแล้ว

ท่ามกลางดึกดื่นค่อนคืน เขาที่เป็นชายชราอายุแปดสิบกว่าปี กำลังนั่งอยู่ข้างๆ ศิลาจารึกหลุมฝังศพ เสื้อวงกลมสีเทารองไว้ ด้านล่าง ข้างๆ ยังมีเหล้าวางไว้หนึ่งเหยือก ลมแห่งค่ำคืน โดยผม สีเงินของเขาขึ้นมา มีความเคยผ่านอนิจจังหลายๆ อย่างที่ทำให้ คนรู้สึกเศร้าใจอย่างหนึ่ง

“พวกแกคนตั้งเยอะมาหาฉันแบบนี้ ทำไม กลัวฉันหนีหรือไง”

เขาดื่มเหล้าไปด้วยพูดไปด้วย

จิ่งหนิงเม้มปากและเดินขึ้นไป

“ท่านปู่ คือพวกหนูกลับไปแล้วเห็นท่านไม่อยู่ กังวลว่าท่านจะ เจอเรื่องอันตรายจึงมาหาท่าน

“กังวลว่าฉันจะเจอเรื่องอันตรายงั้นเหรอ”
ท่านปู่หัวเราะเยาะเสียงหนึ่งเหมือนกับได้ยินเรื่องตลกใหญ่ หลวงเพียงใดอย่างนั้น “เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่จริงใจเลยจริงๆ กังวล ของที่พวกแกอยากได้อันนั้นก็พูดตรงๆ เลยดีกว่า เล่นละครที่เส แสร้งขนาดนี้ให้ใครดูเนี่ย”

พูดจบก็ดื่มเหล้าเข้าไปอีก

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้ว

แม้เธอจะห่างกับท่านชิวได้ครึ่งเมตรกว่า ก็ได้กลิ่นเหล้าอัน ฉันนั้นอยู่ดี ดึกขนาดนี้แล้ว อากาศหนาวอย่างนี้ เขาซึ่งเป็นชาย ชราที่มีชีวิตอยู่ต่ออีกไม่นานแล้วดื่มเหล้าเย็นและถูกลมกลางคืน พัดอยู่ตรงนี้ อีกไม่นานคงจะป่วยแน่เลย

จึงขี้เกียจพูดกับเขาอะไรมาก ถามตรงๆ เลยว่า: “ท่าน เวลา ดึกแล้ว พวกเรากลับไปกันเถอะ?”

แต่ท่านปูซิวกลับส่ายหัว

“พวกแกจะกลับก็กลับไปเองเลย ฉันไม่กลับ!!

หน้าตาดื้อร้านแบบนี้ของเขา ทำให้ซื้อเฉียนโมโหจนพุ่งเข้า

มาอยากต่อยคน

ถูกเฉียวฉีดึงไว้แล้วทันที

เธอเดินขึ้นไป ดูศิลาจารึกหลุมฝังศพแผ่นนั้นและถามเสียงเบา ว่า: “ท่านปู่ คนที่ถูกฝังอยู่ในนี้เป็นใครเหรอ”

ท่านมองศิลาจารึกหลุมฝังศพสีเทาอันหนาวเย็นนั้น เหม่อลอยได้เนิ่นนาน จากนั้นจึงถอนหายใจ

“คนที่ฝังอยู่ในนี้คือภรรยาของฉัน ตายสีสิบกว่าปีแล้วละ

เขาพูดไปด้วยหันข้างไปด้วย เช็ดฝุ่นที่อยู่บนศิลาจารึกหลุมฝัง ศพนั้นอย่างรักใคร่ สายตาที่มองมันอยู่ก็เหมือนกับมองสมบัติที่ ล้ำค่าที่สุดในบนโลกนี้อย่างนั้น

จิ่งหนึ่งขมวดคิ้ว สายตาหยุดอยู่ตรงศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้น ได้สักพัก

อาจเป็นเพราะกาลเวลาเนิ่นนานเกินไป ชื่อที่แกะสลักอยู่บน ศิลาจารึกหลุมฝังศพเริ่มลอยหายไปกับสายลมแล้ว บวกกับฟ้า มืดเกินไปด้วย เห็นไม่ชัดเลยว่าข้างบนนั้นแกะสลักว่าอะไร

แต่ยังไงท่านปูซิวก็บอกแล้วว่าคนที่ฝังอยู่ข้างในเป็นภรรยา ของเขา ในใจวิ่งหนึ่งก็รู้สึกเคารพขึ้นมา

ยืนตัวตรง สองมือพนมไว้ คำนับอย่างมีมารยาทหนึ่งครั้ง

เฉียวก็ลากกู้ซื้อเนียนมาทำความเคารพให้กับท่านยายที่ไม่ อยู่บนโลกนี้แล้ว

พอทำทุกอย่างนี้เสร็จเรียบร้อย พวกเขาจึงมองไปที่ท่านปูชิว

เห็นแต่ท่านปูชิวลูบไล้ศิลาจารึกหลุมฝังศพนั้นเนิ่นนาน จาก นั้นจึงถอนหายใจและพูดว่า “ยายแก่ ฉันจะกลับไปแล้วนะ เธอ อยู่ที่นี่คนเดียวดีๆ นะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะลงมาหาเธอไม่ช้าก็นาน ถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่โดดเดี่ยวเหงาหงอยอีกแล้ว”
คำพูดของคนแก่ทำให้จิ้งหนึ่งและเฉียวต่างอยากร้องไห้กัน

พวกเธอเป็นผู้หญิงด้วยกัน แม้ว่าปกติจะเข้มแข็งเคร่งขรึมแค่ ไหน แต่ในลึกๆ แล้วสุดท้ายก็นุ่มนวลอยู่ดี

พวกเธอไม่ชอบท่านปูชิว เพราะว่าดื้อร้านและความชอบหา เรื่องของเขา แต่ก็ไม่ได้หมายถึงพวกเธอไม่ยอมรับความรักของ เขา

โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นคนแก่เหมือนกับเทียนที่ใกล้ดับ ท่ามกลางสายลมแล้วด้วยตาของตัวเอง บอกคำพูดเหล่านี้ให้กับ คนแก่อีกคนที่ถูกฝังไว้ใต้ดินนานสีสิบกว่าปีแล้ว ในใจก็จะมี ความรู้สึกอีกอย่างพุ่งขึ้นมา

จึงหนิงถอนหายใจคำหนึ่ง เดินขึ้นไปพยุงท่านปูชิวลุกขึ้นมา “ท่าน พวกหนูส่งท่านกลับไปนะ”

ท่านปูชิวมองเธอ ในที่สุดก็ไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้า

คนหนึ่งกลุ่มกลับไปถึงวิลล่า ท่านปูชิวนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง รับแขกสูบยาเส้นเงียบๆ

ลู่จิ่งเซินและคนอื่นๆ มองเขาอยู่ข้างๆ โดยที่ไม่ขยับตัวเลย

จิ่งหนิงพูดว่า “ท่านปู่ ที่พวกหนูมาในครั้งนี้คืออยากจะขอให้ ท่านช่วยเหลือด้วยความจริงใจของพวกหนู หนูรู้ ความจริงท่าน ไม่ใช่คนที่ไม่เห็นใจคนอื่นแบบนั้น ส่วนพวกหนูก็ไม่ใช่อยาก ละโมบสมบัติของท่าน แผ่นหยกนั้นเมื่ออยู่ในมือของท่านก็เป็น แค่วัตถุโบราณธรรมดาๆ อย่างหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในมือของพวกหนูก็จะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้

ดังค่ากล่าวที่ว่า ช่วยชีวิตคนคนเดียว ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ภรรยาของท่านเสียชีวิตหลายปีแล้ว ท่านก็หวังว่าสามารถทำบุญ ให้เธอได้ ชาติหน้าจะได้เป็นคู่สร้างคู่สมอีกไม่ใช่เหรอ ขอให้ ท่านเมตตากรุณา เอาของออกมา พวกหนูจะยอมรับเงื่อนไขทุก อย่างของท่าน”

ท่านปูชิวหรี่ตามองเธอด้วยหางตา พูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา

“ทำบุญ? เธอคิดว่าฉันท่านจะเชื่อเรื่องเหล่านี้เหรอ”

เขาพูดไปด้วย เคาะถุงยาเส้นที่สูบหมดตั้งนานแล้วไปด้วย จากนั้นก็ใส่ยาเส้นใหม่เข้าไปอีก

แกล้งทำเป็นพูดว่า “ฉันอยู่มาแปดสิบกว่าปีแล้ว บนโลกนี้คน แบบไหนก็เคยเจอมาหมด เรื่องแบบไหนก็เคยผ่านมาหมดแล้ว ที่พวกแกบอกช่วยชีวิตคนคนเดียว ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นนั้น เหรอ ฮ่า!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ