บทที่ 940 จงใจทำให้รู้สึกล่าบากใจ
ชายชราที่มีเคราและผมสีขาว ถือไม้เท้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า ทุกคน
อายุของเขาจวนจะเก้าสิบปีแล้ว ต่อให้สุขภาพแข็งแรงขนาด ไหน เขาก็แก่มากแล้ว แผ่นหลังของชายที่อยู่ตรงหน้าเริ่มค่อม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่นลึก ดวงตาของเขาขุ่นมัวและ เฉียบคม เขาเงยหน้าขึ้นมองที่พวกเขา
“มีอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
ผู้นำทางท้องถิ่นอธิบายทันทีว่า “ท่านปู่ คนพวกนี้เป็นพวกผู้สูง ศักดิ์จาก ในเมือง พวกเขามีเรื่องบางอย่างและอยากจะมาหา ท่าน ท่านคุยกับพวกเขาเอาแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ”
หลังจากพูดจบ ราวกับกลัวถูกเทพ โรคระบาดเข้าสิง เขาก็จาก
ไปทันที
ท่านปูชิวไม่ได้สนใจ เขาหรี่ตาย่นๆ ของเขา และมองพวกเขา อย่างเฉียบขาด
“พวกคุณเป็นใคร? มาหาฉันมีเรื่องอะไรงั้นเรอะ?”
ลู่วิ่งเซินก้าวไปข้างหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ท่าน ฉันเป็นหลานชายของ เชินซิ่วเฟิงก่อนหน้านี้เธอได้บอกท่านไป แล้ว ว่าพวกเราจะมาเยี่ยมคุณวันนี้”
ท่านปูซิวขมวดคิ้วทันที
ผ่านไปนาน เขาก็เยาะเย้ย “เข้าใจแล้ว พวกคุณมาเพื่อสิ่งนั้น ใช่ไหม! ได้สิ เข้ามาเลย
แม้ว่าเขาจะก้าวถอยหลัง และให้พวกเขาเข้าไป แต่หลายคน รู้สึกได้ชัดเจน ว่าเขาดูไม่มีความสุข และน้ำเสียงของเขาก็ไม่ ค่อยดีนัก
ทุกคนต่างแอบมองหน้ากัน และก้าวเข้ามาในบ้าน
จิ่งหนิงเดินอยู่รั้งท้าย จึงเอื้อมมือไปปิดประตู จากนั้นจึงเดิน เข้าไปในห้องนั่งเล่นกับท่านชีว
“ย่าของพวกคุณบอกฉันแล้วเรื่องของพวกคุณ ฉันรู้ว่าพวกคุณ มาที่นี่เพราะหยกชิ้นนั้น แต่ฉันไม่กลัวที่จะบอกพวกคุณอย่างตรง ไปตรงมาว่า สิ่งนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่หยก ข่าวลือข้างนอกนั้นฉันรู้ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งทั้งหมด ว่ากันว่ามันสามารถฟื้นคืนชีพคน ตาย และทําให้เป็นอมตะได้
พูดแล้วเขาก็ยิ้มเยาะเย้ย
“ความเป็นอมตะอะไรกันเล่า? จะโกหกพวกคุณที่เป็นเด็กน้อย ไร้ประสบการณ์ก็คงไม่ได้ พอพวกคุณถึงวัยเดียวกับฉันก็จะ เข้าใจเอง ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก บนโลกนี้มีสมบัติล้ำค่าที่หา ยากอะไรบ้างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน? ยาอายุวัฒนะฉันก็เห็นมา ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง อันไหนได้ผลบ้างล่ะ? ล้วนแต่เป็นเพราะความ โลภที่อยากจะเจริญรุ่งเรือง ในโลกนี้ ปุถุชนทั้งหลายจึงคิดเพ้อ ฝันกันขึ้นมา”
จิ่งหนิงคล้อยตามอย่างรวดเร็ว
“ความเห็นอันสูงส่งของท่าน เมื่อฟังจากคำพูดของท่าน ก็รู้ แล้วว่าท่านไม่ได้ฝักใฝ่ทางโลก ไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป
ท่านปูชิวหันไปมองเธอ แล้วเยาะเย้ย
“สาวน้อย ไม่ต้องคิดที่จะพูดจายกยอฉันหรอก คุณคิดว่าการ ที่คุณพูดจาดีๆ แค่สองประโยค แล้วฉันจะยอมยกของสิ่งนั้นแก่ พวกคุณแต่โดยดีอย่างนั้นเหรอ?”
ใบหน้าของงหนังนิ่งไป
กู้ซือเฉียนพูดอย่างใจเย็นและเคร่งขรึมว่า “ในเมื่อท่านรู้จุด ประสงค์ของการมาของพวกเราแล้ว ถ้างั้นฉันก็จะไม่อ้อมค้อม ท่านพูดมาตรงๆ ได้เลยว่า ต้องทำยังไงท่านถึงจะยอมยกของสิ่ง นั้นให้เรา?”
โดยไม่คาดคิด ท่านปูซิวเพียงแค่ส่ายหัว และโบกมือ
“ไม่ให้”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของจิ่งหนิงเปลี่ยนไป เฉียวฉีก็เช่นกัน
ทั้งหมดขมวดคิ้วพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ลู่วิ่งเซินอธิบายว่า “ท่านปูชิวครับ หากของสิ่งนี้อยู่ในมือของ ท่าน มันก็ไร้ประโยชน์ แต่หากพูดตรงๆ แบบไม่ปิดบัง พวกเรา ต้องพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อช่วยชีวิต ได้โปรดเห็นแก่คุณย่า และให้การสนับสนุนด้วยเถอะครับ
ท่านปูซิวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ และมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“หมายความว่ายังไงที่ว่าให้การสนับสนุน? ฉันกับย่าของคุณ เรารู้จักกันก็จริง แต่นั่นก็เป็นเรื่องตั้งแต่ตอนที่เรายังหนุ่มยังสาว เราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เธอเป็นนายหญิงของ ตระกูล เป็นผู้มีเกียรติ แล้วฉันล่ะ เป็นแค่คนแก่ที่เละเทะคน หนึ่ง ไม่มีอะไรสักอย่าง จะกล้าเอื้อมไปหาเธอผู้สูงศักดิ์คนนั้นได้ ยังไง
สําหรับพวกคุณ จะเป็นจะตายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ทำไม ฉันถึงต้องช่วยพวกคุณ? มีคนตายมากมายทุกวันในโลกนี้ แล้ว ถ้าทุกคนต้องพึ่งพาฉันเพื่อช่วยชีวิต ฉันจะไม่ยุ่งจนเหนื่อยตาย เลยเหรอ? ”
น้ำเสียงของเขา ดูค่อนข้างดีอกดีใจที่เห็นความโชคร้ายของ คนอื่น
ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของเฉียวแท้ๆ แต่มัน กลับทําให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา
คิ้วของกู้ซื้อเนียนยิ่งผูกเป็นปมแน่นขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียวฉีดึงเขาไว้ เกรงว่าเขาจะพลิกโต๊ะและแย่ง ของมาทันที
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ระงับความ โกรธ ในหัวใจลงได้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ท่านปู่ไม่จําเป็นต้องพูดจาแดกดันยั่วยุคนอื่นแล้ว หากท่านมีข้อกำหนด ใดๆ ก็พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาได้เลย หากทำให้ท่าน พอใจได้ กู้ซื้อเฉียนคนนี้ก็จะไม่ปฏิเสธ
ลู่วิ่งเซินยังกล่าวอีกว่า “ฉันก็ยินดีที่จะยอมรับเงื่อนไขของท่าน ปูชิวเช่นกัน หากเป็นสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันก็จะไม่มีวันปฏิเสธ”
ท่านปูชิวหรี่ตามองพวกเขาอย่างลึกซึ้ง จากนั้นมองไปที่วิ่ง
หนังและเฉียวฉี
“แล้วพวกคุณล่ะ?”
จิ่งหนิงตกตะลึง
เฉียวก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ทั้งหมดมองหน้ากัน จึงหนิงจึงยิ้มและ กล่าวว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำขอของท่าน หากท่านต้องการ สั่งอะไร เพียงแค่เอ่ยปาก พวกเราก็จะทําค่ะ”
ท่านปูชิวลูบเคราที่คางของเขา ดูเหมือนพอใจกับทัศนคติของ
เธอ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันมีเสื้อผ้าที่ยังไม่ ใต้ซักอยู่ข้างหลังเยอะมาก ฉันคิดว่าเด็กสาวอย่างพวกคุณสอง คนก็ดูเป็นคนที่ขยัน ทำไมไม่ไปซักเสื้อผ้าพวกนั้นให้ฉันก่อนล่ะ
ทั้งสี่คนต่างตกใจ และไม่คิดว่าเขาจะขอแบบนี้
สีหน้าของลู่วิ่งเซินและกู้ซือเฉียนไม่สู้ดีนัก ทั้งสองเป็นภรรยา ของพวกเขา ปกติแล้วแม้แต่เสื้อผ้าของพวกเขาเอง ก็ไม่ได้ให้ พวกเธอซัก ให้ แต่ตอนนี้พวกเธอต้องช่วยซักเสื้อผ้าของคนอื่นอย่างนั้นเหรอ?
อย่างไรตาม ก่อนทั้งสองจะเวลาคัดค้าน พวกถูก ขัดจังหวะโดยหนิงและเฉียวฉี
“ได้สิคะ ไม่มีปัญหา งั้นเราไปกันเถอะ”
พูดจบ เธอมือกัน และเดินไปที่ลานหลังบ้านภายใต้ การนำทางของปู
กัน นอกจากนี้ การซักเครื่องซักแล้ว
เพื่อความเจ็บป่วยของเฉียว นี่ได้หนักหนาอะไรเลย แต่กระนั้น พอมาถึงลานหลังบ้านถึงพบว่า เอาไหนมาเสื้อผ้าเยอะ
เห็นได้ชัดว่าเยอะมาก!
หลังมีเสื้อผ้ากองหลายกิโล เสื้อผ้าสกปรกมากราวกับใส่แล้วแค่ไกลๆ ได้ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยมาจากเสื้อผ้าที่อยู่ข้างบนแล้ว
ไม่ที่กองเสื้อผ้า แล้วพูดว่า นั่นไง อยู่ตรงนั้น ก่อนพระอาทิตย์เสื้อผ้าพวกนั้นให้หมดก็พอ”
สีหน้าของลู่วิ่งเซินและกู้ซื้อเฉียนยิ่งบูดบึงขึ้นอีก จิ่งหนึ่งจึงรีบพูดว่า ไม่มี
ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกบางอย่าง ท่านชิวตากและหัวเราะอย่างประชดประชัน
เครื่องซักผ้าสาวน้อย เธออย่ามาล้อเล่นชนบท ฉันจะของพวกนี้ที่ไหน และอีกอย่าง เสื้อผ้าของฉัน ทำด้วยผ้าล้ำค่าที่สุด มีปัญญาชดใช้หรือเปล่า
สีหน้าของจิ่งหนึ่งเปลี่ยนไป
ท่านหมายถึง ซักด้วยมือเหรอ”
แน่สิ ถ้ามือซัก คุณใช้เท้าชักหรือไง
วิ่งเป็นไม่ได้จะเปิดปากพูด แต่ถูกจิ้งหนิงรั้งไว้
เธอสูดหายใจกังวลนะคะ ก่อนพระอาทิตย์แน่นอน”
เมื่อเห็นทัศนคติของเธอค่อนข้างใช้ได้ ปู่ชีวพยักหน้า ด้วยความพึงพอใจ และมองไปซื้อเฉียนและจึงเขา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ