บทที่ 832 ลองออกจากรู
เสี่ยวเยว่เห็นเช่นนั้นแล้วก็ฝืนยิ้มออกมา
“แต่ว่า ก่อนหน้านั้นได้ตรวจเจอแล้วว่ามีคนวางยาพิษในน้ำ ซุปให้คุณดื่มไม่ใช่หรือ? มีคนพยายามจะทำร้ายคุณ แล้วทำไม จู่ๆคุณชายถึงคิดว่าคุณเป็นคนวางยาพิษหลินเยว่เอ๋อร์? ”
เมื่อเฉียว ได้ยินเช่นนั้น นวดขมับราวกับปวดหัวเล็กน้อย
เธอกล่าวเสียงเรียบว่าบางที……….อาจเรียกว่าดอกไม้พราน ตาจนทำให้คนหลงใหล แม้หลักฐานอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่เชื่อ แต่ ไปเชื่อคำพูดหลินเยว่เอ๋อร์ข้างเดียว แล้วฉันจะทำอะไรได้อีก พูดจบก็ถอนหายใจอีก
“ฉันไม่ควรจะมีความหวังในตัวเขามานานแล้ว ไม่ใช่หรือ? เหตุการณ์ตกน้ำในครั้งก่อน และเหตุการณ์หกล้ม ฉันก็ควรจะดู ออกแล้วว่า ที่จริงฉันจะทำหรือไม่นั้นไม่สำคัญ เขาเกลียดฉัน ต้องการให้ฉันเศร้าใจ เขาถึงจะมีความสุข”
“ดังนั้น ความจริงจะเป็นเช่นไรนั้นสำคัญที่ไหน ? สำหรับเขา แล้ว สามารถทิ่มแทงใจของฉันอย่างเจ็บๆถึงจะสำคัญที่สุด
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย
“ช่างมันเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งกับเขาอีกแล้ว เสี่ยวเยว่ หลัง จากที่ฉันจากที่นี่ไปแล้ว คุณจะต้องดูแลตัวเองดีๆ หลินเยว่เอ๋อร์เกลียดฉัน เพราะว่าคุณอยู่ข้างกายฉันในระยะเวลาช่วงนี้ หลัง จากที่รอให้ฉันไปแล้วเธออาจจะโกรธคุณไปด้วย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลาออกไปหางานที่อื่นทำเถอะ ใต้ฟ้าที่กว้างใหญ่ ไม่มีที่ไหนที่ คุณไปไม่ได้”
ในดวงตาของเสี่ยวเยว่ฉายแววหวั่นไหวเล็กน้อย
“คุณเฉียว………..
เฉียวฉีโบกไม้โบกมือ ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ฉันได้ตัดสินใจ แล้ว ”
ในที่สุดเสียวเยวก็หักห้ามไว้ แล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณจะ ไปที่ไหน? ”
เฉียวฉีครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “ข้างนอกตอนนี้มีคนพยายามจะ
ทำร้ายฉัน ฉันไปที่อื่นก็ไม่ปลอดภัย ดังนั้น คิดว่าจะกลับไปอยู่
เมืองบ้านเกิดสักระยะหนึ่ง ถึงแม้ว่าคณบดีจะเสียไปแล้ว แต่ว่า
บ้านที่เขาทิ้งไว้ให้ยังอยู่ ฉันไปอยู่สักพักเชื่อว่าคงไม่มีใครพูด
อะไร ”
เสี่ยวเยวจึงพยักหน้า
“งั้นคุณจะต้องระวังตัวให้ดี
เฉียวฉพยักหน้า”ฉันรู้
ทั้งสองคุยกันต่อสักพัก เสี่ยวเยวถึงไปช่วยเธอเก็บข้าวของ อย่างอาลัยอาวรณ์
บ่ายสี่โมงเย็น
เฉียว นั่งอยู่ในรถคนเดียวออกจากประตูใหญ่ปราสาทไป แน่นอนว่า เพราะว่าตอนนี้สุขภาพของเธอไม่ดี ก็ไม่สามารถ จะเดินออกไปได้จริงๆ
ดังนั้น กู้ซื้อเฉียนยังจัดรถให้เธอหนึ่งคันอย่างมีน้ำใจ แน่นอน ว่า รถคันนี้ก็ไม่ใช่รถดีอะไรแน่นอน เป็นเพียงรถออดี้ธรรมดาคน หนึ่ง
และคนขับรถนั้น แน่นอนว่าก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่ก็ฉินเยว่ หรือไม่ก็คนข้างกายเขาที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่เป็นเพียงโชเฟอร์ทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
รถเคลื่อนออกจากประตูปราสาทอย่างช้าๆ ด้านหลัง มีหลิน เยว่เอ๋อร์กระตุกมุมปากยิ้มอย่างได้ใจ
ส่วนกู้ซือเฉียนนั้น ดวงตาเคร่งขรึม จ้องมองไปทางรถที่จากไป อย่างเนิ่นนานไม่ขยับ
ในรถ
อารมณ์เฉียวฉนั้นสงบนิ่ง
แผนการครั้งนี้ เธอกับกู้ซื้อเฉียนตกลงกันลับๆแล้ว ดังนั้น เธอ จึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
เพราะว่าจะต้องแสดงให้เห็นว่าเธอจะไม่กลับมาอีกหลังจากที่ เธอจากไปแล้ว ดังนั้นตอนที่จากไป จึงให้เสี่ยวเยวช่วยเก็บข้าวของ มองดูเธอเก็บข้าวของที่เธอใช้เป็นประจำพวกนั้นแล้ว เฉียว ฉีก็ไม่ได้ห้าม
จากเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้ ทำให้เธอรู้ว่า ในปราสาทนี้
จะต้องมีคนของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นจะต้องทำให้เหมือนจริงมากที่สุด อีกฝ่ายถึงจะยิ่งจะเชื่อ มากเท่านั้น ว่าตอนนี้เธอตัวคนเดียวแล้ว สามารถลงมือได้แล้ว
ที่จริง ตอนแรกเฉียวอยากจะแสดงเป็นคู่รักที่กลับมาคืนดีกัน กับกู้ซื้อเฉียน แล้วไปเที่ยวดูโคมไฟในเทศกาลเดียวกัน
ความคิดนี้ สอดคล้องกับกู้ซื้อเนียน
แต่ว่า ขณะที่เธอได้พบกับกู้ซื้อเฉียน เมื่ออีกฝ่ายผลักเธอกลับ เข้าไปในห้องนอน ความคิดของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
จู่ๆเธอก็คิดได้ว่า เมื่อเทียบกับการที่ตัวเองกับกู้ซื้อเนียนไป งานโคมไฟด้วยกันอย่างรักใคร่นั้น เธอกับกู้ซื้อเฉียนทะเลาะ กันแล้วเธอจากไปคนเดียวยิ่งจะสามารถทำให้คนอื่นเชื่อง่ายกว่า หรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลินเยว่เอ๋อร์ถูกวางยางพิษ ก็ได้ให้วัสดุที่ดี ที่สุดกับพวกเขาแล้ว
ขณะนั้นทางตึกรองถึงแม้จะมีคนเป็นจำนวนมาก แต่ว่าคน เหล่านั้นแม้จะฟังพวกเขาวิเคราะห์เรื่องการวางยางพิษในสวน ในความเป็นจริงล้วนเป็นการคาดเดาที่ไม่มีความกระจ่าง
ยังไม่ทันได้ตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าใครเป็นคนวางยาพิษกันแน่น
เพียงแต่หลังจากนั้น คนที่ซื้อเฉียนส่งออกไปตรวจสอบ ได้ สิ่งของมานิดหน่อย สิ่งของนี้เป็นหลักฐานที่ชี้ไปทางเดียว
ดังนั้นเขาก็มีเหตุผลที่จะโมโหใส่ตัวเอง จากนั้นตัวเองก็จะ โต้ตอบกลับไปอย่างมีเหตุผล ทำให้ซื้อเนียนโกรธจนไล่เธอไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายก็จะรู้สึกเพียงว่า เธอกับกู้ซื้อเฉียนทะ เลาะกันเพราะการมีอยู่ของมือที่สาม จะไม่คิดเป็นอย่างอื่นอย่าง แน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เฉียวจอดไม่ได้ที่จะหันหน้า มองไปนอก หน้าต่างแวบหนึ่ง
คนเหล่านั้น จะต้องลงมือในวันนี้อย่างแน่นอน! อย่าพลาดโอกาสครั้งนี้ไปเด็ดขาด เธอรออยู่ เชื่อว่าพวกเขา จะต้องมาอย่างแน่นอน
รถได้ขับเคลื่อนออกจากประตูใหญ่ไป จนกระทั่งเวลาสองทุ่ม ก็ถึงในเมืองเล็กๆ เธอลืมตาขึ้น พบว่ารถได้จอดอยู่ข้างทาง คนขับรถหันหน้ามามองดูเธอ แล้วถามว่า “คุณเฉียว ถึงที่อยู่ที่ คุณบอกก่อนหน้านั้นแล้ว คุณดูว่าใช่ที่นี่หรือเปล่า? ” เธอหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นเพียงอาคารสีเทาหลังเล็กปรากฏตรงหน้า มันเป็นที่พักอาศัยก่อนหน้านั้นของคณบดี เธอพยักหน้า ตอบรับ” ใช่ ที่นี่แหละ”
พูดจบ จับประตูรถแล้วลงจากรถไปอย่างยากลำบาก
เมื่อคนขับรถเห็นเช่นนั้น รีบเอารถวีลแชร์จากกระโปรงหลัง รถออกมา หลังจากให้เธอนั่งลงแล้ว ช่วยเธอน่าสัมภาระออกมา
จริงๆแล้วแม้จะนำของใช้ชีวิตประจำวันทั้งหมดของเธอมา ด้วย สัมภาระของเฉียว ก็มีไม่เท่าไหร่ อย่างมากก็กระเป๋าเดิน ทางสองใบเท่านั้นเอง
เธอยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวคำว่าขอบคุณ
คนขับรถมองดูลานหน้าบ้านสีเทาตรงหน้าแล้วถามว่าจะให้ ผมส่งคุณเข้าไปไหมครับ?
เฉียวส่ายหัว ไม่ต้อง คุณไปเถอะ ฉันเข้าไปเอง”
เมื่อคนขับรถเห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดอะไรอีก จึงหันหลังขึ้นรถจาก
ไป
เฉียวไม่ได้เร่งรีบที่จะเข้าบ้าน มองดูรถจากไป จากนั้นถึงก้ม หน้ามองดูกระเป๋าเดินทางที่ข้างเท้า
ขณะที่จะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง อีกทีกครึกโครมดังมาจากฝั่งตรงข้ามถนน
ตามด้วย คนทั้งหมดล้วนวิ่งไปทางทิศทางนั้น เธออึ้งไปครู่หนึ่ง หยุดความเคลื่อนไหวในมือไปโดยปริยาย
เห็นทุกคนบนถนนวิ่งไปทางทิศทางนั้น เธอรีบยกมือขึ้น คว้า ไว้คนหนึ่งแล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ”
เพราะว่าเธอจากเมืองนี้นานเกินไป คนอื่นก็ไม่รู้จักเธอ เห็นผู้ หญิงตัวคนเดียว ดูเหมือนยังพิการ นั่งรถวีลแชร์อีก ดังนั้นจึงอธิบายอย่างใจดีว่าทางนั้นมีคนตาย ได้ยินว่าขุดศพ
ขึ้นมาหนึ่งศพ ทุกคนล้วนจะไปดูความครึกครื้นกันทั้งนั้น คุณเป็น
ผู้หญิงรีบกลับเข้าบ้านเถอะ อย่าไปดูเลย ระวังจะทำให้คุณกลัว ”
พูดจบก็ดึงแขนเสื้อแล้ววิ่งหนีไป
เฉียว อึ้งไปเล็กน้อย
คนตายหรือ? ศพหรือ?
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทันใดนั้น ในใจเธอรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี ขึ้นมา
ทั้งๆที่ตามหลักการแล้วน่าจะไม่เกี่ยวกับตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ จึงนำกระเป๋าเดินทางไว้ข้างประตู แล้วบังคับรถวีลแชร์ตามขึ้นไป
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ