บทที่ 34 รอเขากินข้าว
เธอรู้สึกอึดอัด มีความรู้สึกเหมือนถูกทรมาน
แต่ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย
เขาเปลี่ยนชุดนอน และนอนลงข้างๆเธอ แล้วโอบกอดเธอ จากด้านหลัง และขังเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
จึงหนิงท่ำหลังแข็งที่อ
อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆของไม้สน บนหมอน ก็เต็มไปด้วยกลิ่นลมหายใจเย็นๆของผู้ชายคนนี้
ประกอบกับอุณหภูมิความร้อนที่ส่งผ่านจากด้านหลัง มัน ทำให้เธอรู้สึกว่า ถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นของเขา เหมือนตัว เองเป็นนกที่ถูกจับมา และถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา
โชคดีที่ลู่จิ่งเซินยังรักษาคำพูด
แม้ว่าจะกอดเธออยู่แบบนี้ ทำให้เธอไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ ก็ไม่ได้กระทำการอื่นใด
จริงๆเธอง่วงมาก ตอนแรกยังที่จะแข็งใจไม่หลับได้ แต่ต่อ มา เมื่อได้ยินมีเสียงหายใจของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง เธอ ก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอหนักขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ หลับไป
บทที่ 34 รอเขากินข้าว
เธอรู้สึกอึดอัด มีความรู้สึกเหมือนถูกทรมาน
แต่ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย
เขาเปลี่ยนชุดนอน และนอนลงข้างๆเธอ แล้วโอบกอดเธอ จากด้านหลัง และขังเธอไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
จึงหนิงท่ำหลังแข็งที่อ
อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆของไม้สน บนหมอน ก็เต็มไปด้วยกลิ่นลมหายใจเย็นๆของผู้ชายคนนี้
ประกอบกับอุณหภูมิความร้อนที่ส่งผ่านจากด้านหลัง มัน ทำให้เธอรู้สึกว่า ถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นของเขา เหมือนตัว เองเป็นนกที่ถูกจับมา และถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา
โชคดีที่ลู่จิ่งเซินยังรักษาคำพูด
แม้ว่าจะกอดเธออยู่แบบนี้ ทำให้เธอไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ ก็ไม่ได้กระทำการอื่นใด
จริงๆเธอง่วงมาก ตอนแรกยังที่จะแข็งใจไม่หลับได้ แต่ต่อ มา เมื่อได้ยินมีเสียงหายใจของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง เธอ ก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอหนักขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ หลับไป
“รอพร้อมเขาดีกว่า!”
จึงหนิงตอบ และเดินขึ้นไปชั้นบน
เดินไปครึ่งทาง ก็จับท้อง และพูดว่า “ถ้ามีของกินอะไร เอา มาให้ฉันกินก่อนก็แล้วกัน ฉันกินรองท้องสักหน่อย”
ป้าหลิวตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะ”
ป้าหลิวนำซุปไก่แสนอร่อยหนึ่งชามและขนมคุกกีไปให้
เธอ
จึงหนิงนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา กินของอย่างเอร็ดอร่อย ขณะเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อเช็กข่าวล่าสุดของตระกูลจิ่ง
ในเมืองจิ้นตระกูลจิ่งยังไงก็เป็นครอบครัวที่ร่ำรวย ประกอบกับฐานะจึงเสี่ยวหย่าด้วยแล้ว จากที่เมื่อวานเกิด ความวุ่นวายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวเศรษฐกิจหรือนักข่าว บันเทิง ต่างไม่ยอมปล่อยข่าวใหญ่นี้ให้หลุดมือไปแน่นอนนี้ ไป
ดังนั้น วันนี้เมื่อเปิดอินเทอร์เน็ต ก็จะเห็นข่าวสารที่พวกเขา เผยแพร่ออกไปล่าสุดได้ทันที
ตามที่เธอคาดไว้ ทุกคนในตระกูลจิ่งต่างได้รับการประกัน ตัวออกมาแล้ว
ถึงแม้ หวังเสว่เหมยไม่ได้มีส่วนร่วมในการลอบสังหารจิ่ง
หนิง
แม้ว่าบนโลกออนไลน์มีการวิจารณ์เรื่องของเธออย่างหนัก แต่ทางตำรวจไม่พบหลักฐานใดๆ และไม่สามารถควบคุมตัว บุคคลดังกล่าวไว้ได้ พวกเขาจึงต้องปล่อยตัวคนไป
แต่เฉินหย่งตำก็ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
ตามเบาะแสที่จิงหนิงให้ไป ตำรวจพบแก้วใบนั้นที่เฉิน หย่งต่ำใส่ยาลงไปแล้ว และคำให้การของพนักงานเสิร์ฟ ก็ ยืนยันได้ว่าเฉินหย่งตำเป็นคนวางยาด้วยตัวเอง
หลักฐานการฆาตกรรมถูกรวบรวมครบแล้ว เฉินหย่งตำจะ ต้องถูกดำเนินคดีทางอาญาต่อไป
จึงหนิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
ตระกูลจึงได้รับการประกันตัวออกมา เธอเองไม่แปลกใจ
เลย
เพราะหวังเสว่เหมยไอ้จิ้งจอกเฒ่าคนนั้น ทำเรื่องเลวร้าย ไม่เคยทิ้งหลักฐานไว้ข้างหลังเลย
แม้ว่าจะมีวิดีโอที่ถ่ายโดยลู่จิ่งเซินเป็นหลักฐาน แต่วิดีโอ ดังกล่าว มากสุดก็ทำได้แค่กระตุ้นให้สาธารณชนประณาม เธอ ไม่สามารถเป็นหลักฐานยืนยันความผิดได้
เพราะเธอพูดได้ว่า นั่นคือสิ่งที่เธอต้องพูด เมื่อเธออยู่ใน สถานการณ์ที่ถูกคุกคาม
และในความเป็นจริงลู่จึงเซินใช้วิธีที่เหนือกว่าเพื่อคุกคามL50
เมื่อนึกถึงตรงนี้ จึงหนิงก็ลูบคางตัวเองขบคิด
เธอรู้ว่า เหตุผลที่ลู่จิงเซินต้องการบันทึกและเผยแพร่วิดีโอ ดังกล่าวนั้น เป็นเพราะว่ามีหลายคนเห็นเธอกับเฉินหย่งตำมี ความสัมพันธ์ที่พัวพันกันอย่างไม่ชัดเจนเมื่อคืนนี้
แม้ว่าต่อมาเขาจะปรากฏตัว และช่วยเหลือเธอไว้แต่คน ส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉิน
หย่งต่ำ
เพราะเมื่อห้าปีก่อน ซื่อเสียงของจิ่งหนิงในเมืองจิ้นไม่ได้ดี
มากนัก
ถ้ามีเหตุการณ์นี้ถูกเพิ่มเข้ามา ชื่อเสียงของเธอก็จะถูก ทำลายหมดสิ้น!
บางทีอาจไม่ใช่แค่ความผิดข้อหาขโมยเท่านั้น แต่ยังมี ความผิดฐานมีชู้ด้วย!
ถึงตอนนั้น แม้ว่าเธอจะมีสิบปากก็พูดยืนยันอะไรไม่ได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ถ้าจะเอาโทษเสีย อย่างแล้วทำไมจะหาเหตุใส่ร้ายไม่ได้!
แต่เห็นได้ชัดว่าลู่จิ่งเซินอ่านความคิดของหวังเสว่เหมยอ
อกมานานแล้ว
ดังนั้นจึงบังคับให้เธอเล่าสิ่งที่น่ารังเกียจออกจากปากด้วย ตนเอง จากนั้นบันทึกวิดีโอไว้เพื่อเทน้ำสกปรกนี้กลับคืนไป!
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้ว กลายเป็นว่าได้ผลดีมาก
ตอนนี้ความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตเกือบทั้งหมดมีความ ลำเอียงต่อบนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าจะมีคนไม่กี่คนที่ตาบอดที่ ยังคิดว่าตระกูลฉิ่งไม่มีความผิดก็ตาม
แต่ก็เป็นเพียงข้าวเมล็ดหนึ่งในมหานทีเท่านั้น สามารถ เพิกเฉยไปได้เลย!
แต่หุ้นของบริษัทตระกูลจิ่ง ร่วงลงทั้งกระดาน เนื่องจากสิ่ง ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้!
มีกิจการที่ก่อตั้งมายาวนานไม่กี่แห่ง ที่มีการเติบโตที่ดี และดำเนินการอย่างราบรื่นเป็นเวลาหลายปี โดยอ้างเหตุผล ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เป็นเพียงเรื่องอื้อฉาวในครอบครัว และไม่ควรส่งผลกระทบใหญ่หลวงเช่นนี้
แต่หุ้นก็ยังลดลงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสี เขียวในชั่วข้ามคืน
จึงหนิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วก็เข้าใจว่าเป็นฝีมือของใคร เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ออกมา และโทร
ออก
ในขณะเดียวกัน ณ บริษัทลู่ชื่อกรุ๊ป
ลูจึงเป็นกำลังประชุมอยู่
บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียด สมาชิกผู้บริหารระดับ สูงของสาขาย่อยอยู่พร้อมกันทั้งหมด ต่างจ้องมองเจ้าพ่อที่ นั่งอยู่อย่างประหม่า
ทันใดนั้น ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของใครส่งเสียงดังและสั่นถึง สองครั้ง
สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยน ต่างมองหน้ากัน คุณมองฉัน ฉันมอง คุณ ด้วยสีหน้างุนงง
หลังจากนั้น ก็เห็นท่านประธานนั่งอยู่จู่ๆก็หยิบโทรศัพท์ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และมองไปที่โทรศัพท์ และใบหน้าที่ ตึงเครียดก็เปลี่ยนไปราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ และยิ้มที่ มุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็ประกาศให้หยุดการประชุม แล้ว ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
ทุกคนต่างก็ตกใจ
ใครไม่รู้บ้างว่าเจ้านายของตัวเองเกลียดการถูกรบกวน มากที่สุดในระหว่างการประชุม
ไม่ต้องพูดถึงโทรศัพท์ แม้แต่ข้อความ ก็ทำให้เขา โมโห
ได้
แต่วันนี้ลมพัดเปลี่ยนมาจากทิศไหนกัน
ท่านประธานไม่เพียงแต่รับโทรศัพท์ แต่ยังประกาศระงับการประชุมขณะอยู่ในเวลาสำคัญที่สุดด้วย
ทุกคนต่างทันไปมองซูมู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที ชูมู่ที่นั่งอยู่ตำแหน่งด้านข้าง ก็ทำเสียงกระแอมไปเมื่อเห็น
เหตุการณ์ และพูด
“เอ่อ….คือว่า ช่วงนี้ธุรกิจใหญ่อยู่ ใช่ ท่านประธานกำลัง คุยเรื่องธุรกิจ!”
ทุกคนต่างตะลึง
ทำให้ผู้ช่วยพิเศษที่สามารถจัดการเงินหลายหมื่นล้านของ ท่านประธานพูดออกมาได้ว่าเป็นธุรกิจใหญ่ ธุรกิจนี้จะต้อง ใหญ่มากแน่นอน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท่านประธานถึงได้มีความ ยืดหยุ่น ถึงขนาดยอมละเมิดหลักการของการไม่รับโทรศัพท์ ขณะมีการประชุมได้
ท่านประธานสุดยอดจริงๆ
บรรดาผู้บริหารระดับสูงต่างรู้สึกชื่นชมลู่จิ่งเซินเป็นอย่าง
มาก
อีกด้านหนึ่ง ลู่จิ่งเซินที่กำลังคุยโทรศัพท์เกี่ยวกับ “ธุรกิจ ใหญ่” ก็หยุดเดินอยู่ตรงทางเดิน ก็พูดขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอ”
จึงหนิงตอบด้วยความรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “อิมใช่ คุณ บอกว่าจะปลุกฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมปล่อยให้ฉันนอนจนถึง ตอนนี้ละ”
สู่จิงเซินหัวเราะเบาๆ มองด้วยดวงตาที่อ่อนโยนของเขา และพูด “ขอโทษนะ ฉันยุ่งแล้วก็ลืมไปเลย”
จึงหนิงนิ่งไปชั่วครู่ แล้วถามว่า: “คุณจะกลับมาเมื่อไหร่”
“หะ”
“ฉัน…ก็รอคุณกินข้าวไง!”
น้ำเสียงของเธอดูอีกอัก เหมือนไม่คุ้นชินกับวิธีการพูด แบบนี้ แต่ก็ซ่อนความห่วงใยในน้ำเสียงนั้นไว้ไม่ได้
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ได้เวลากินข้าวและพัก
ผ่อนแล้ว!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ