พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 440 หนึ่งฝ่ามือ



บทที่ 440 หนึ่งฝ่ามือ

รพีพงษ์เงยหน้ามองธนเทพที่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาไม่รู้จักคน คนนี้ และก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทําอะไร อยู่ๆ ถูกคนแปลกหน้าข่มขู่ ให้ออกไป เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงไม่มีใครทำตาม

ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ยังมีเรื่องที่ต้องสอบถามฝนสุดา ที่นั่ง ตรงนี้ไม่ได้เขียนว่าเป็นของใครคนเดียว เขาไม่รู้สึกว่าตัวเอง นั่งตรงนี้จะมีปัญหาอะไร

“ถ้าฉันไม่ไปละ? ” รพีพงษ์ย้อนถามธนเทพ

ธนเทพคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์ถึงกับใช้ท่าทีเช่นนี้พูดกับเขา ในสายตาของเขา รพีพงษ์เป็นเพียงแค่คนระดับล่างที่เทือก เขากิสนาฝึกฝนเพื่อเอามาใช้แสดงเท่านั้น คนประเภทนี้มี สิทธิที่ไหนมาพูดจายั่วยุกับเขา

ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์ตอนนี้ยังนั่งอยู่ด้านหน้าของฝนสุดา นี่แทบจะเท่ากับเป็นการยั่วยุเขาอย่างโจ่งแจ้ง ตอนนี้คนใน บาร์จํานวนมากกำลังมองอยู่ ถ้าวันนี้เขาไม่สามารถจัดการ ลงโทษรพีพงษ์ได้ งั้นก็เสียหน้ายิ่งแล้ว

ครั้งก่อนธนเทพอยากจัดการพีพงษ์ จ่ายเงินว่าจ้างเทส ไปโดยเฉพาะ แต่ว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด เตซัสกลับไม่ สามารถจัดการรพีพงษ์ได้
ในตอนนั้นธนเทพคิดอยากจะใช้วิธีการอื่นจัดการพีพงษ์ แต่ภายหลังทางตระกูลด้านนั้นมอบหมายงานหนึ่งให้เขา เขาออกจากเทือกเขาสนาไป ถัดมาจึงลืมเรื่องของรพีพงษ์

เพราะว่าเวลาพักผ่อนในเทือกเขาสนาของฝนสุดาครั้งนี้ ‘นานมาก ดังนั้นหลังจากธนเทพจบงานแล้ว ก็กลับมาเทือก เขากิสนาอีกครั้ง

เรื่องที่เตชัสยอมแพ้โดยตรงบนสนามประลองเขาก็ได้ยิน มาแล้วนิดหน่อย เพียงแต่เวลาผ่านไปหลายวัน เขาจึงหมด ความสนใจต่อรพีพงษ์ไปนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้เอาเรื่อง ของรพีพงษ์มาใส่ใจอีก

ใครจะคาดคิดว่าวันนี้เขามาหาฝนสุดาที่บาร์ ถึงกับเห็น คนคนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามของฝนสุดาอย่างนึกไม่ถึง นี่สำหรับ เขาแล้ว เป็นการยั่วยุอย่างหนึ่ง โดยไม่ต้องสงสัย

ธนเทพกําหมัดแน่น ในสายตาไอสังหารพุ่งออกมาเป็น ระยะ ใช้เสียงต่ำพูดขึ้น : “แกไม่รู้ฐานะของฉันหรือไง? สุนัขที่ ไม่รู้จักดีชั่วอย่างแกรู้ว่าจุดจบของการที่แกยั่วโมโหฉันคือ อะไรไหม? ”

“ขอโทษที ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายเป็นใคร ฉันกับนายไม่เคย พบกันมาก่อน นายกลับบอกให้ฉันไสหัวไป นายมันมากเกิน ไปแล้วมั้ง? ” รพีพงษ์พูด
ธนเทพเดิมทีคิดว่ารพีพงษ์รู้ว่าเขาเป็นใครคิดไม่ถึงว่าอีก ฝ่ายถึงกับไม่รู้จักตนแม้แต่น้อย ทำให้ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่รู้ ว่าควรจะรับช่วงต่อคําพูดของรพีพงษ์อย่างไร –

หลังจากคนโดยรอบได้ยินคําพูดของรพีพงษ์ ใบหน้าล้วน เผยรอยยิ้มดูถูก เยาะหยืนขึ้นมาอย่างไม่กังวลเลยแม้แต่ น้อย

ในมุมมองของพวกเขา สถานะอันดับเทพเจ้าแห่งสงคราม ลำาดับที่สิบสามของรพีพงษ์คนนี้ ก็เพียงแค่มีดีแต่ชื่อเท่านั้น เอง

ทําให้ฉันหัวเราะแทบตายแล้ว เจ้าโง่คนนี้ถึงกับไม่รู้ว่า คุณชายธนเทพเป็นใคร นี่เขารู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตมานานเกิน ไปแล้วหรือไง? ”

“ดูท่าทางของคุณชายธนเทพ น่าจะโมโหแล้วนะ รพีพงษ์ คนนี้เป็นยอดฝีมือของการหาเรื่องเสียจริง ระหว่างเขากับ คุณชายธนเทพ ไม่ได้อยู่ในระดับชั้นเดียวกันโดยสิ้นเชิง คุณชายธนเทพคนนั้นมาเที่ยวเล่นที่นี่ อยากได้ชีวิตของพ พงษ์ ก็เป็นเพียงเรื่องที่ต้องจ่ายเงินเล็กน้อยเท่านั้น ”

“ทั้งน่าหัวเราะและน่าสงสารจริงๆ สวะที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คนหนึ่ง ถึงกับวิ่งมาทาโง่ที่นี่ ดูท่าทางยังคิดจะตีสนิทกับคุณ ฝนสุดา ถ้าฉันเป็นคุณชายธนเทพล่ะก็ ฉันไม่มีทางปล่อยเขา ไปแน่”
รพีพงษ์ได้รู้ฐานะของคนที่ไม่ให้เขาออกไปได้จากคำ วิพากษ์วิจารณ์ผู้คนโดยรอบ ที่แท้คุณชายธนเทพคนนี้ก็คือ คนที่จ่ายเงินให้เตชัสมาต่อสู้กับเขา

แล้วถึงจะรู้ฐานะของคนผู้นี้ รพีพงษ์ก็ไม่หวาดกลัวเลย แม้แต่น้อย เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองจะต่ำต้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อ หน้าธนเทพ

ฝนสุดามองท่าทางสถานการณ์ตึงเครียดของทั้งสองคน มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ตอนนี้เธออยากจะดูว่ารพีพงษ์จะ จัดการสถานการณ์ตรงหน้านี้อย่างไร

เธอมีความสนใจต่อรพีพงษ์อย่างมากจริงๆ ผู้ชายคนนี้ ทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างเล็กน้อย เพียงแต่ว่าเธอไม่รู้ว่า รพีพงษ์แสร้งทําออกมาหรือไม่ ไม่แน่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าธน เทพ รพีพงษ์ก็ไม่มีความกล้าที่จะแสร้งทำต่อไปแล้ว

ในความคิดของเธอ ผู้ชายทุกคนใต้หล้านี้ก็ล้วนเหมือน กัน รพีพงษ์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นนั้น เขาก็แค่มีความพิเศษนิต หน่อยในวันนั้น เธอยินดีอย่างยิ่งที่จะเห็นรพีพงษ์ก้มหัวยอม แพ้ต่อหน้าธนเทพ

แกมันก็แค่สุนัขตัวหนึ่ง ฉันสั่งให้แกไสหัวไป นายก็ควร จะใสหัวออกไปให้ฉันแต่โดยดี สุนัขตัวหนึ่งถึงกับกล้ามาก ล่าวหาว่าฉันทำเกินไป แกแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้กำลังพูดเรื่องตลกหรือไง? ” ธนเทพพูดอย่างเย็นเยียบ

รพีพงษ์เบ้ปาก จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็ ใช้ฝ่ามือหนึ่งฟาดไปบนหน้าของธนเทพโดยตรงอย่างรุนแรง ดังเพียะเสียงหนึ่ง เสียงฝ่ามือดังกังวานไปทั่วทั้งบา

ภายในบาร์ทั้งหมดเงียบลงทันที

ทุกคนต่างมองฉากนี้อย่างปากอ้าตาค้าง ไม่มีใครคาดคิด ว่า รพีพงษ์ถึงกับฟาดธนเทพไปหนึ่งฝ่ามือ โดยตรง

“นี่…นี่เจ้าหมอนบ้าไปแล้วหรือ? เขาถึงกับฟาดคุณชายธน

เทพไปฝ่ามือหนึ่ง!” “โอ้โห นี่มันดุดันเกินไปแล้ว เขากำลังฆ่าตัวตายโดยแท้

คุณชายธนเทพไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน”

เป็นคนโง่คนหนึ่งจริงๆ เขายังไม่ชัดเจนถึงฐานะของตัว เองอีกหรือไง แม้กระทั่งคุณชายธนเทพก็ยังกล้าตี เขาคิดจริง หรือว่าตัวเองมีกำลังความสามารถน้อยนิด ก็สามารถไม่ เคารพกฎได้แล้ว”

ฝนสุดาเดิมทีบนใบหน้ายังมีสีหน้าอมยิ้ม พลันปรากฏร่อง รอยแข็งทื่อออกมา เธอนึกถึงฉากที่มีความเป็นไปได้หลาย ฉาก แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้คิดไว้ก็คือรพีพงษ์ถึงกลับฟาดธนเทพ ไปตรงๆ ฝ่ามือหนึ่ง
ถึงแม้ว่าตระกูลก้องวณิชกุลจะมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลช รากิจกุล ธนเทพอยู่ต่อหน้าฝนสุดายังต้องก้มหัวให้ แต่เธอก็ ไม่เคยคิดว่าตนเองสามารถตบหน้าธนเทพตามใจได้ ซึ่ง อย่างไรถ้าตระกูลวัชรากิจกุลดึงดันที่จะแก้แค้น ตระกูลก้อง วณิชกุลก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรโดยสิ้นเชิง

แต่คนผู้นี้ที่ออกมาจากคุกใต้ดินของเทือกเขาสนา ถึงกับ ทําเช่นนี้โดยไม่ลังเลสักนิด อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ของเธอจริงๆ

ธนเทพทั้งหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงขึ้นอยู่ที่เดิม ยกมือข้างหนึ่งที่สั่นเล็กน้อยขึ้นมา ลูบใบหน้าของตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโต ครั้งนี้คือครั้งแรกที่มีคนกล้าฟาดหน้าเขา ถึง จะเป็นพ่อเขาก็ไม่เคยทําเช่นนี้

หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ ธนเทพ สายตาที่ธนเทพมอง รพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความดุร้าย เดิมทีเขาคิดจะ ลงมือกับรพีพงษ์โดยตรง แต่รู้ตัวว่าคนเองอาจจะไม่ชนะร พงษ์ ดังนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา

“แกตายแน่! วันนี้แกอย่าได้คิดจะเดินออกไปจากบาร์นี้! ” ธนเทพกล่าวหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ยอดฝีมืออันดับเทพเจ้าแห่งสงครามพวกนั้นต่างเข้ามา ล้อมรพีพงษ์ไว้ทันที หนึ่งในนั้นพูดว่า : “คุณชายธนเทพ พวก เราหยุดเขาแทนคุณเอง วันนี้เขาไม่มีทางออกจากที่นี่ไปได้แน่นอน!”

ธนเทพโทรศัพท์ไปสายหนึ่ง พูดไปกี่ประโยค หลังวางสาย แล้ว สายตาที่มองไปทางรพีพงษ์เผยร่องรอยดุร้าย

“วันนี้ฉันจะให้คนถลกหนังของแก เอาแกแขวนไว้ที่หอ

แข่งขันศิลปะการต่อสู้สามวันสามคืน! แกมันหมาบ้าที่ในหา

ทีตาย แกรอรับความตายให้ฉันได้เลย! ”

รพีพงษ์มองเขาอย่างเยียบเย็น พูดขึ้น : “กลัวแต่ว่านายจะ ไม่มีความสามารถนั้น! ”

“ไอ้บ้าเอ๊ย แกอย่ามาทำโง่ที่นี่เลย แกสามารถท้าประลอง ยมราชเตสสําเร็จ ก็แค่อาศัยโชคเท่านั้น คิดจริงหรือว่าตัว เองมีกาลังความสามารถของอันดับเทพเจ้าแห่งสงคราม สําดับที่สิบสามหรือไง? วันนี้พวกเราก็สามารถจัดการแก แทนคุณชายธนเทพแล้ว! ”

คนหนึ่งเปิดปากตะโกนออกมา จ้องมองกับคนรอบๆ สายตาหนึ่ง ราวกับบรรลุข้อตกลงกันเช่นนั้น หลังจากนั้นคน เหล่านี้ก็เข้าใกล้ไปทางรพีพงษ์

ครอบครัวตระกูลวัชรากิจกุลเป็นตัวแทนของอะไรพวกเขา เข้าใจชัดแจ้ง ถ้าสามารถยืมเรื่องนี้มาสร้างไมตรีกับธนเทพ ได้ พวกเขาก็อาจจะได้รับผลประโยชน์ไม่น้อย ดังนั้นพวกเขา ถึงได้ตัดสินใจลงมือกับรพีพงษ์
รพีพง ไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด ในตอน ชายคน นมาถึงด้านหน้าของเขาแล้วลงมือ

ชายคนนั้นส่งเสียงเย็น คิดจะจับแขนของรพีพงษ์ไว้ แต่ เขาตกตะลึงพบว่าพละกําลังของตนไม่อาจขัดขวางรพีพงษ์ไว้ ได้ คําปั้นของรพีพงษ์ก็ต่อยเข้าไปบนท้องของเขาตรงๆ ทั้ง อย่างนี้

หนึ่งหมัด ร่างของคนคนนั้นก็ล้มลงไปทางด้านหลัง ถูกคน านหลังรับไว้ได้

“พละกำลังของเจ้านี่ทำไมถึงมากมายขนาดนี้? ” ชายคน นั้นพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

คนที่เหลือลงมือกับรพีพงษ์พร้อมกัน คิดจะควบคุมรพีพงษ์ ไว้ให้ได้ เงาร่างของรพีพงษ์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ไม่ กังวลที่จะลงมือแม้แต่น้อย อย่างไรเสีย ฆ่าคนตายที่นี่ก็ไม่มี ใครสนใจ เขาไม่ต้องกังวลอะไร

หลายกระบวนท่าผ่านไป กลุ่มคนที่ล้อมอยู่ด้านหน้าร พงษ์ล้มลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง คนอีกครึ่งที่เหลือหลังจากสัมผัส ชัดเจนถึงพลังที่แท้จริงของรพีพงษ์ ชั่วขณะก็ไม่กล้าก้าวขึ้น ไปด้านหน้าแล้ว

พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าพลังของรพีพงษ์จะแข็งแกร่งขนาด นี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเตซัสยอมแพ้ตรงๆ เพราะมีการซื้อขาย ลับอะไร ตอนนี้ดูแล้ว รพีพงษ์อาจจะไม่ได้ง่ายดายอย่างที่พวกเข คิด

“สวะกลุ่มหนึ่ง” ธนเทพค่าเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ กับคนพวกนี้อย่างอย่างมาก

ผ่านไปไม่นาน นอกบา มีเงาคนหนึ่งคนเดินเข้ามา หลัง จากธนเทพเห็นคนคนนั้นเดินเข้ามา ดวงตาเจิดจ้าขึ้นมาทันที “ดัมพ์รงค์ นายช่วยฉันฆ่าไอ้หมอนี่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดิน ฉันให้ค่าตอบแทนนายห้าร้อยล้าน! “

ที่เขาโทรศัพท์เมื่อสักครู่ คือแจ้งให้คนที่ชื่อดัมพ์รงค์คนนี้ เข้ามา

ทุกคนต่างหันหน้ากลับไปมองทันที หลังจากคนในอันดับ เทพเจ้าแห่งสงครามเหล่านั้นมองเห็นดัมพ์รงค์ พลันถอน หายใจทันได ในขณะเดียวกันบนใบหน้าก็เผยความตื่นเต้น

ออกมา ราชาดัมพ์รงค์! อันดับเทพเจ้าแห่งสงครามลำดับที่หนึ่ง

ธนเทพถึงกับเรียกลูกพี่ใหญ่ท่านนี้มา วันนี้รพีพงษ์ต่อให้มี สามหัวหกแขน ก็ไม่อาจหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน!

ดัมพ์รงค์อยู่ในเทือกเขาสนา ก็เทียบเท่ากับตำนานที่ยัง มีตัวตน กำลังความสามารถของเขาถึงระดับที่ไม่อาจวัดได้ แล้ว คนที่เคยประมีอกับเขา แต่ไหนแต่ไรมาแทบจะไม่เคย หยั่งถึงขีดจํากัดของเขา
เป็นเพราะแข็งแกร่งเกินไป ดัมพ์รงค์ถึงได้รับสมญานาม ราชา ในเทือกเขา สนาขณะนี้เขาก็คือคนที่มีโอกาสปีน บันไดสูงสําเร็จ

ดัมพ์รงค์ไว้ผมสั้น ใบหน้าไร้อารมณ์ แววตาสงบนิ่ง รวม ทั้งพลังความน่าเกรงขามนั้น ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นราชา แห่งนักฆ่าที่ไร้ความรู้สึกคนหนึ่ง สามารถเอาชีวิตใครก็ตาม ได้ทุกเวลา

ดัมพ์รงค์เดินไปถึงรพีพงษ์และธนเทพด้านนั้น รพีพงษ์ อด ไม่ได้ที่จะสังเกตคนคนนี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง รับรู้ว่าบน ร่างของคนคนนี้ถึงกับมีความรู้สึกอันตรายจางๆ ชนิดหนึ่ง ธนเทพยิ้มเย็นมองไปที่รพีพงษ์ พูดขึ้น : “ไม่ว่าแกจะแกล้ง

โง่อย่างไร แต่ก็ไม่มีทางสู้ชนะดัมพ์รงค์แน่นอน วันนี้แกก็จง

ยอมรับชะตากรรมซะเถอะ! ”

พูดจบเขาก็มองทางดัมพ์รงค์ ถามขึ้น “ห้าร้อยล้าน เอา ชีวิตสุนัขตัวหนึ่ง ฉันคิดว่านายคงไม่ปฏิเสธ

ดัมพ์รงค์สังเกตรพีพงษ์อย่างละเอียด จากนั้นกล่าวตอบ

เบาๆ “ตกลง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ