พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่699 บุคคลอันตราย



บทที่699 บุคคลอันตราย

ในห้องนิรนามไชน่าทาวน์

ชายทั้งเจ็ดผิวเหลืองผมดำกำลังนั่งอยู่ด้วยกัน ลักษณะของคนทั้งเจ็ดไม่เหมือนกัน รูปร่างแตกต่าง กัน ถ้ามาที่นี่ ก็จะดูออกว่าทั้งเจ็ดคน เป็นยอดฝีมือ ทั้งหมด

พลังที่พวกเขามี ก็สามารถทําให้คนธรรมดา กลัวจนฉี่แตกได้

แต่ตอนนี้หนึ่งในเจ็ดคนเหมือนมีเรื่องหนักอก หนักใจ สีหน้าไม่สู้ดี ราวกับเจอกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน ขึ้น

คนนี้คือผลบุญ และคนที่อยู่ทั้งหมด เป็น สมาชิกของผู้ดูแลทั้งหมด

สองในเจ็ดคนเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง ห้าคนเป็น เน่ยจิ้งชั้นต้น อยู่รวมกันแล้วก็เป็นพลังน่าเกรงขาม

“ผลบุญ แกมีเรื่องอะไรกันแน่ ดึกๆดื่นๆเรียก พวกเรามา แค่ไชน่าทาวน์สถานที่เล็กๆขนาดนี้ จะมี อะไรที่ให้พวกเราออกโรงพร้อมกันงั้นหรือ?” ชายขี้ เกียจถามขึ้นมา

นอกจากหัวหน้าของผู้ดูแลคนนี้คือยอดฝีมือ เน่ยจิ้งขั้นกลาง ชื่อวิกรานต์ เพราะนอนพักผ่อนไม่ เพียงพอ ดังนั้นจึงเหมือนมึนๆตลอดเวลา

ผลบุญดึงสติกลับมา ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เขานึก กลับไปยังตอนที่ออกมาจากสนามมวยใต้ดินพร้อมกับ รพีพงษ์
ในฐานะที่เป็นผู้ดูแล ผลบุญพูดกับรพีพงษ์ อย่างเคร่งครัดว่า ฝีมือเขาเก่งกาจขนาดนี้ ทำอะไร มั่วๆไม่ได้ มิเช่นนั้นจะถูกผู้ดูแลเพ่งเล็ง รพีพงษ์ตอบ เขากลับมาว่า นอกจากกระทำต่อตระกูลนิธิวรสกุล แล้ว เขาไม่มีทางทำแบบนี้กับใคร

นี่ทำให้เขากังวล เพราะทั้งตระกูลนิธิวรสกุล นอกจากอนันยชที่เป็นเน่ยจิ้ง ที่เหลือก็เป็นแค่คน ธรรมดา ถ้ารพีพงษ์ลงมือกับพวกเขาล่ะก็ จะผิด กฎหมาย

ตอนที่เขาเตือนรพีพงษ์ในจุดนี้ รพีพงษ์เพียงแค่ ยิ้ม แล้วก็จากไป นี่ทำให้เขาเป็นกังวลว่ารพีพงษ์จะ ลงมือกับคนของตระกูลนิธิวรสกุล

“ผลบุญ หยุดหลอกล่อได้แล้ว คุณเจออะไรมา ก็พูดมาสิ” หัวหน้าศรัณย์กล่าว ความสูงเกือบสอง เมตรของเขาทำให้เขาเหมือนกับยักษ์อย่างไรอย่าง นั้น

ผลบุญสูดหายใจลึกๆ มองไปที่ทุกคน แล้ว กล่าว “ถ้าผมพูด ว่าไชน่าทาวน์มียอดฝีมือเน่ยจิ้งใหม่ ปรากฏตัวมาสองคน พวกคุณจะรู้สึกยังไง?”

“ก็แค่เน่ยจิ้งสองคน ก็ปกติไม่ใช่หรอ?” วิกราน ต์กล่าว ที่เหลือก็พยักหน้าตาม “ถ้าฝีมือของเน่ยจิ้งทั้งสองถึงระดับเน่ยจิ้งขั้น

กลางล่ะ?” ผลบุญพูดต่อ

ทั้งห้องเงียบลง วิกรานต์ที่เดิมทีไม่ใส่ใจกับ เรื่องนี้ก็เริ่มให้ความสนใจขึ้นมา

“คุณพูดจริง?” ศรัณย์จ้องผลบุญ ยอดฝีมือเน่ย จิ้งขั้นกลางสองคน ก็พอที่จะทำให้เขาให้ความสนใจได้

ผลบุญพยักหน้า แล้วกล่าว “จริง แล้ว ยอดฝีมือ เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง ก็อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น”

ตอนนี้ทุกคนเริ่มไม่สงบ วิกรานต์ยืนขึ้น แล้วก ล่าวอย่างตะลึงว่า “ยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางสองคน อายุยี่สิบกว่าปี ตลก ถ้ามีแค่คนเดียว ผมรับได้ แต่นี่ สองคนในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เน่ยจิ้งขั้นกลางมีค่า ขนาดนี้เลยหรอ?”

ศรัณย์ถูกคำพุดของผลบุญทำให้ตกใจ แล้วรีบ ถาม “รีบๆพูดมา ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ผลบุญเล่าที่ตัวเองสังเกตรพีพงษ์ตั้งแต่ต้นจน จบ เมื่อวานเจอรพีพงษ์ และเรื่องที่วันนี้เจอเขาและ อนันยชประลองกันที่สนามมวยใต้ดินก็พูดออกมา

เมื่อพูดจบ ทั้งเจ็ดก็เงียบไปสองนาที ล้วนรู้สึก คาดไม่ถึง

“ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าอนันยชจะเป็นเน่ยจิ้งขั้น กลางแล้ว ไม่แปลกที่เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ วิ กรานต์สะบดออกมา

“แล้วไง ไม่ใช่ว่าถูกรพีพงษ์ฆ่าตายแล้วหรือไง รพีพงษ์นี่ก็โหดเหี้ยมเหมือนกันนะ แม้แต่ลูกศิษย์ของ ปรมาจารย์ก็กล้าฆ่า มันไม่กลัวโดนล่าบ้างหรือไง?” ชายที่นั่งข้างวิกรานต์กล่าวขึ้นมา

“ผมทำความเข้าใจประวัติของรพีพงษ์มา คร่าวๆ เขาคือครของตระกูลลัดดาวัลย์เกียวโต ประเทศจีน ตระกูลลัดดาวัลย์และตระกูลนิธิวรสกุล น่าจะมีแค้นกัน ดังนั้นรพีพงษ์จึงได้มาที่นี่เพื่อฆ่า อนันยช แล้วเขายังคิดจะลงมือกับทุกคนของตระกูลนิธิวรสกุล” ผลบุญกล่าว

ศรัณย์ขมวดคิ้ว ไม่นาน ก็ถอนหายใจ แล้ว กล่าว “ตอนนี้ระบุให้รพีพงษ์เป็นบุคคลอันตรายไว้ ก่อน ช่วงนี้เดี๋ยวผมจะสังเกตเขาเอง ถ้าเขาผิดสังเกต ทุกคนลงมือ”

“หวังว่าเขาจะเคารพกฏของยอดฝีมือเน่ยจิ้ง มิ เช่นนั้นพวกเราทำได้เพียงลงมือกับเขา”

“หลายปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้ารพีพงษ์ไม่เคารพกฏกติกา ฆ่าคนธรรมดาของตระ กูลนิธิวรสกุลล่ะก็ เขาต้องติดคุกที่ห้าหรือไม่?” วิ กรานต์กล่าว

ได้ยิน “คุกที่ห้า” คำนี้ ทุกคนก็สั่นคลอน

วันต่อมา

สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน

หลังจากที่รพีพงษ์ตื่น ก็มาที่สนามซ้อม กับ โศศุจ ซ้อมมวยกัน ปลุกตัวเองให้ตื่น หลังจากที่ฆ่า อนันยชแล้ว ก้อนหินที่อยู่ในใจได้ถูกวางลง สบายใจ ขึ้นมาก

ตอนนี้ชาลิสาเดินมาถึงที่นี่ หลังจากที่ชักตาไป ที่รพีพงษ์แล้ว ก็ชกมวยตาม

“ความจริงวันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ปกติผมจะต่อย กับผู้ชาย ดังนั้นจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ ดังนั้นต้องขอ โทษจริงๆ” รพีพงษ์กล่าว

“ใครจะสนว่าคุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ยังไงคุณก็ คือไอ้ลามก!” ชาลิสากล่าว
รพีพงษ์ยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย ไม่ใส่ใจเรื่องนี้ อีก แล้วกล่าว “คุณสามารถโยกย้ายกำลังพลของ เทือกเขากิสนา เพื่อต่อกรกับตระกูลนิธิวรสกุล”

ชาลิสาชะงัก แล้วกล่าว “ตอนนี้อนันยชเป็น ศัตรูหลักของคุณ คุณร้อนใจลงมือกับคนของตระกู ลนิธิวรสกุลทำไม เมื่อทำแบบนี้ จะทำให้อนันยชไหว ตัวทันได้

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “คุณไม่ต้องคำนึงถึง ปัญหานี้แล้ว อนันยช ผมได้ฆ่ามันแล้วหล่ะ

ชาลิสารู้สึกว่ามีเสียงกระทบเข้ามาในหู ตาทั้ง สองโตขึ้น

“คุณว่าอะไรนะ! คุณฆ่าอนันยชแล้ว???” ชาลิ สาตะลึง จนทำให้คนรอบๆตกใจไปตามๆกัน รพีพงษ์พยักหน้าให้กับชาลิสาอย่างตั้งใจ

“นี่……..นี่เป็นไปได้ยังไงกัน เกิดขึ้นเมื่อคืน?” ชา ลิสาถาม

“อืม เมื่อคืน แนันยชไปสนามมวยใต้ดิน ผม ประลองกับเขา แล้วฆ่าเขา” รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำ เสียงสงบ ราวกับพูดเรื่องทั่วไปอย่างไรอย่างนั้น

ขณะนี้โศศุจก็เดินมา เห็นรพีพงษ์และชาลิสา กำลังคุยกันอยู่ ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “พวกคุณกำลังคุย อะไรกัน? ลิสา เป็นอะไร ดูท่าทางเหมือนตกใจนะ เกิด อะไรขึ้น?”

ชาลิสากลืนน้ำลาย หันหน้าไปที่โศศุจ แล้ว พึมพำา “ร…รพีพงษ์ฆ่า อนันยชแล้ว!”

“ก็แค่ฆ่าอนันยชป่ะ ต้องขนาดนี้..….….…….
“คุณพูดว่าอะไรนะ?พูดอีกครั้งสิ! รพีพงษ์ฆ่า อนันบบแล้ว???


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ