พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่956 ฐานยิน



บทที่956 ฐานยิน

พรภวิษย์มองคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏกลางสนาม สีหน้าถอดสี จากนั้นก็ ส่งเสียงตกใจว่า “ฐานยิน! แก!”

ผู้ที่ถูกเรียกว่าฐานยินเป็นผู้เฒ่าร่างผอมเพศชายที่สวมฉาง ยาวผ้าลินิน หนวดยาว จมูกตุ้มแบบเหยี่ยว ดูลักษณะแล้วชั่วร้าย

ฐานยืนจ้องพรภวิษย์ดูแคลน แล้วกล่าว “เหอะเทอะ โครตแม่ง เอ้ย ตอนนั้นจึงมายุ่งเรื่องของกู ถ้าไม่ใช่เพราะมึง หญิงงามคน นั้นเป็นของกูไปนานแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางลืมได้ตลอดชีวิต”

“วันนี้ กูจะล้างแค้นถึง และให้มึงรู้ว่าไอการที่มึงมายุ่งเรื่อง ของกูจะพบกับจุดจบยังไง!

พรภวิษย์มองไปรอบๆ จากนั้นก็รีบพูดกับเมธชนั้นว่า “คนนี้ เป็นคู่แค้นของฉันเมื่อหลายปีก่อน ไม่คิดว่าวันนี้จะมาหาถึงที่ ความสามารถของมันยากที่จะคาดเดาได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับ พวกคุณ คุณรีบพาพวกเขาออกไปให้ไกลๆ

เมธชนันเคร่งเครียด เขาสามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่ออกมาจาก ฐานยิน ว่าเก่งกว่าพรภวิษย์

การต่อสู้ระหว่างแดนดั่งเทพ พวกเขาไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้

เขาตะโกนใส่ทุกคนของตระกูลจันวราสกุลแล้วเพื่อนเหล่านั้น ว่า “ทุกคนกลับไปคฤหาสน์กับผม เรื่องนี้ พรภวิษย์จะจัดการ เอง”
ทุกคนรู้ดีจู่ๆก็ปรากฏคนที่ไม่ควรแตะต้องมากะทันหัน ดังนั้น จึงรีบเข้าไปในคฤหาสน์กับเมธุชนันทันที

เป้าหมายของฐานยืนในวันนี้คือพรภวิษย์ ดังนั้นจึงไม่สนใจ

คนอื่น พรภวิษย์หันไปมองปรวีร์ แล้วกล่าว “ฐานยินนี้มันซับซ้อน วัน

นี้เกรงว่าจะไปคงไม่ได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะต่อสู้กับมัน ถ้าเห็นฉันท่า

ไม่ดี แกรีบหนีไป อนาคตถ้าฝีมือดีแล้ว ค่อยล้างแค้นให้ฉัน ”

ปรวีร์รู้ว่าพรภวิษย์ไม่ได้ล้อเล่น จึงได้พยักหน้า

ตอนนี้เขาทำได้เพียงเชื่อฟังพรภวิษย์ เพราะแดนครึ่งแดน ปรมาจารย์ ในสายตาของแดนดั่งเทพ ไม่ต่างอะไรกับมด

รพีพงษ์อยากสนใจฐานยิน จากลักษณะท่าทางแล้ว ความ สามารถของคนนี้น่าจะเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว ถือว่าเป็น ยอดฝีมือที่รพีพงษ์รู้มา รองจากธัชธรรมและนิรภัฏสองคน

แต่นี่คือความแค้นระหว่างพรภวิษย์และฐานยิน เขาเข้าไปยุ่ง ไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้อยู่เงียบๆจะดีกว่า

ในคฤหาสน์ที่ทุกคนกลับไปพร้อมกับเมธชนัน เปิดม่าน หน้าต่างอยู่ในคฤหาสน์ เพื่อดูสถานการณ์ด้านนอก

พรภวิษย์เห็นทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ในใจก็เป็นกังวล

น้อยลง แล้วหันไปมองฐานยืนอย่างโกรธา

“ฐานยิน มึงไอ้เลว ตอนนั้นจะชิงพรหมจรรย์ของหญิงสาวเค้า ไป แล้วยังให้เธอเป็นเครื่องมือในการฝึกวิทยายุทธ เรื่องไร้ซึ่งคุณธรรมแบบนี้ กูเห็นเข้าจะนิ่งเฉยไม่ได้หรอก วันนี้จึงยังมีหน้า มากอีก ตลกฉะมัด!” พรภวิษย์ดูแคลน

ฐานยืนเยาะเย้ย แล้วกล่าว “ถ้าไม่ใช่เพราะมึงเข้ามายุ่ง กูก็ไม่

ต้องใช้เวลานานขนาดนี้ จึงจะบรรลุได้!” “ฐานยิน จะบอกให้นะ ปัจจุบันนี้ ตอนนี้เป็นแดนดั่งเทพชั้น กลาง แค้นนี้ต้องชำระแค้นในปีนั้น วันนี้ต้องชำระให้ได้

สีหน้าพรภวิษย์เปลี่ยนเป็นดุดัน แต่ไม่นานก็นิ่งสงบลง แม้ ความสามารถของเขาเพียงแดนดั่งเทพขั้นต้น แต่ถ้าต่อสู้กัน จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องแพ้ให้ฐานยินเสมอไป

“แดนดั่งเทพขั้นกลางแล้วไง อย่างแกสําส่อนขนาดนี้ แม้ฝีมือ จะแข็งแกร่ง น่าจะไตอ่อนแอไปนานแล้ว!!

พรภวิษย์ตะโกน ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ พุ่งไปที่ฐานยิน

โดยตรง

ฐานยืนหลับตา ชาตินี้เขาเกลียดที่สุดคือคนอื่นว่าเขาว่าได อ่อนแอ พรภวิษย์ได้พูดกระทบจิตใจเขาอย่างที่สุดแล้ว

บนมือเขา ปรากฏแสงขึ้นมา จากนั้นออร่าลักษณะที่เป็นมีดได้ ปรากฏอยู่บนมือของเขา

หลังจากที่พรภวิษย์พุ่งไปข้างหน้าของฐานยิน ทันใดนั้นในมือ ก็ปรากฏแม้ยาว ฟาดไปที่ฐานยิน

ฐานยืนใช้มีดที่อยู่ในมือขวางแส้ไว้ ทันใดนั้น ล่าแสงดาบได้ฟันไปที่พรภวิษย์
พรภวิษย์ไม่กล้าตั้งรับท่านของฐานยิน แต่ลอยอย่างเร็ว แล้ว หลบ

ลำแสงดาบฟันไปที่ประตูรั้วของคฤหาสน์ ตัดเหล็กของประตู

รั้วขาดเป็นท่อน จากนั้นก็ไปอีกไกล ผู้คนที่อยู่ในคฤหาสน์เห็นเหตุการณ์นี้ก็ตาโต ไม่คิดว่าพลัง

ทําลายล้างของแดนดั่งเทพจะน่ากลัวได้ขนาดนี้

ถ้าล่าแสงเมื่อกี้ฟาดไปที่พวกเขาล่ะก็ ผู้คนเกือบครึ่งอาจต้อง เสียชีวิต

“นี่คือพลังของแดนดั่งเทพหรอ น่ากลัวไปนะ?” ทัตตาพิมพ์ กับตัวเอง

จากนั้นเธอก็หันไปมองรพีพงษ์ ตอนนั้นที่เธอเข้าไปเห็นร พงษ์นั้น ก็เห็นเป็นภาพลวงตา และรู้สึกว่าประหลาดกว่าแดนดั่ง เทพทั้งสองที่กำลังประลองกันอยู่

“น่าจะเป็นเพราะฉันคิดมากไป ต่อให้พรสวรรค์ของรพีพงษ์จะ เยี่ยมขนาดไหน ก็ไม่มีทางเก่งกว่าพวกเขาได้ เขาก็พูดเอง ว่าเขา เป็นแดนครึ่งดั่งเทพ ต้องไม่เก่งเท่าด้านนอกสองคนนั้นแน่นอน ทัตตาพิมพา

สีหน้าปรวีร์เคร่งเครียด เขาสังเกตเห็นพรภวิษย์ตกอยู่ใน สถานการณ์ที่ยากเย็น แม้จะไม่รู้ว่าใครเก่งกว่าใครอ่อนกว่า แต่ ตอนนี้ชักจะไม่ไหวแล้ว

“คุณปู่ คุณปู่ต้องชนะมันให้ได้นะ!” ปรวีร์กำหมัดแน่น ในสมองได้เตรียมใจไว้บ้างแล้ว

ประตูคฤหาสน์ของตระกูล นวราสกุลเป็นป่าละเมาะ เพื่อไม่ ให้การประลองกระทบกับคนในคฤหาสน์ พรภวิษย์จึงได้พุ่งไปที่ ป่าละเมาะนั้น

ทุกคนในคฤหาสน์ไม่สามารถมองการประลองที่อยู่ในป่า ละเมาะได้ แต่ก็กลัวว่าจะโดนลูกหลง ดังนั้นจึงไม่กล้าออกไป

แต่เสียงจากภายนอกด้านนอกดึงสนั่น และแว็บๆพลังที่ปล่อย ออกมาทำให้พวกเขารับรู้ได้ แค่พวกนี้ ก็ทำให้พวกเขาใจสั่น แล้ว

ผ่านไปไม่นาน ต้นไม้ในป่าละเมาะเริ่มหล่นลงมาเป็นแผ่นๆ ทุกคนพอจะได้เห็นบ้างบางเหตุการณ์

ไม่นาน มีร่างพุ่งเข้ามาในคฤหาสน์ เป็นร่างของพรภวิษย์

พรภวิษย์ขณะนี้เต็มไปด้วยเลือด อยู่ในสถานการณ์ลำบาก

เสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่ง ตอนที่พุ่งเข้ากับคฤหาสน์นั้น ก็ล้มลง

พรภวิษย์ที่พุ่งเข้ามาในคฤหาสน์โบกมือ ส่งสัญญาณให้เขา

รีบหนีไป

ปรวีร์เห็นคุณปู่ของตัวเองท่าทางอนาถ จะหนีได้ยังไงกัน อยากจะเข้าไปช่วยเขาในบัดนั้น

ขณะนี้ฐานยินได้ตามมาจากด้านหลัง เขาหยุดอยู่ด้านหลังของ พรภวิษย์ ด้วยความดูแคลน แล้วกล่าว “ไอ้เลว จะหนีหรอ ไม่ ง่ายหรอกนะ!”
“ถ้าเราไม่ผิดล่ะก็ หลานชายของมึงอยู่ในกลุ่มนี้ใช่มั้ย? วางใจได้ รุ่นหลังของมึง กูจะไม่ปล่อยไว้สักคน

พูดจบ ฐานยินก็มองไปที่หน้าต่าง

“หลายชายของไอ้เลวพรภวิษย์ รีบออกมา แล้วก็สาวสวยคน นั้นด้วย ซึ่งก็ออกมาด้วย เพียงแค่พวกมึงทั้งสองเชื่อฟัง วันนี้จะ ไม่ทำอะไรใคร ไม่งั้น พวกมึงทุกคนที่อยู่ที่นี่ จะต้องตายไปพร้อม กับไอ้เลวพรภวิษย์!”

พูดพลาง เขาก็ยกมือขึ้น ชี้ไปที่หน้าต่าง สายตาทอดไปที่ ทัต ดาผู้สวยงาม

ของดีขนาดนี้ ไอ้เลวฐานยิน จะพลาดได้ยังไง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ