พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่280 ฉันกล้าพนันได้เลยว่าไม่เคยแพ้มา



บทที่280 ฉันกล้าพนันได้เลยว่าไม่เคยแพ้มา

ก่อน

บุญสิตาที่นั่งที่เคาท์เตอร์โดนเสียงดังรบกวน ทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา หลังจากที่หันไปมองที่ฟลอร์เต้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด

เธอเดินไปที่ฟลอร์เต้นนั้น ถึงแม้จะบอกว่าเป็นผู้ หญิงที่อ่อนแอ แต่ก็มิได้หวั่นกลัวคนที่มาสร้างปัญหา แต่อย่างใด

คนที่ดูสถานการณ์ของผับสิตาอยู่นั้นก็รีบพุ่ง เข้ามา ยืนด้านหลังของบุญสิตา

คนพวกนี้เป็นพวกพ้องของบุญสิตา ธฤตญาณ เป็นผู้สร้างผับสิตาขึ้นมากับมือ บุญสิตาไม่อยากให้ ผับนี้ถูกฆนาคมและนายหญิงฝนทิพย์แย่งไป ดังนั้น คนที่ถูกจัดมาอยู่ที่นี้เป็นคนที่เธอไว้ใจที่สุด

“นนท์ปวิธ เดือนนี้คนของแกมาหาเรื่องในที่ของ ฉันสามครั้งแล้วนะ คนที่พวกแกจัดมาสุดท้ายมี จุดจบยังไง แกเองก็เห็นอยู่ หรือแกอยากเป็นเหมือน พวกนั้น ที่ถูกคนอุ้มออกไปนะหรอ?” บุญสิตาจ้องไป ที่ผู้ชายร่างบึกบีนคนนั้น กล่าวด้วยความรู้สึกที่หึก เหิม
นนท์ปวิธหัวเราะบุญสิตา แล้วกล่าว “ก่อนหน้านี้ ก็แค่มาทดสอบพวกแกแค่นั้นแหละ หรือแกคิดว่าคน ที่มาก่อนหน้านี้ สามารถเป็นตัวแทนบ่งบอกฝีมือของ ฉันนนท์ปวิธได้หรอ?”

“บุญสิตา หลังจากที่ธฤตญาณเสียชีวิตแล้ว ผับ สิตาของพวกแกก็เกือบจะไม่รอดแล้ว ตอนนี้แกก็แค่ พึ่งสามพี่น้องตระกูลภัทร์รัฐชัยอยู่ วันนี้เพียงแค่ฉัน จัดการกับสามพี่น้องตระกูลภัทร์รัฐชัย นับตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป อำนาจทั้งหมดของเมืองกรีนโคล ก็จะเป็น ของฉันนนท์ปวิธ!”

ผู้ชายสามคนที่ยืนอยู่หลังบุญสิตาโมโหขึ้นมา ทันใด แล้วเดินไปข้างหน้า มองไปที่นนท์ปวิธอย่าง ไม่เห็นด้วย

“พี่บุญ ไอหยิ่งผยองตัวนี้กล้าที่จะมายโสโอหัง ในที่ของเรา ฉันคนเดียวจะจัดการมันเองแล้วยัง มีหน้าจะบอกว่ามาขอเธออีก ชั่งหน้าอับอายจริงๆ!” ผู้ ที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลภัทร์รัฐชัยกล่าว

พี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัยเป็นผู้ ซัพพอร์ตที่แข็งแกร่งที่สุดของผับสิตา อำนาจในเมือ งกรีนโคลยังรวมเป็นหนึ่งได้นั้น ก็เพราะความ เก่งกาจของสามพี่น้อง

สามคนนี้เป็นกลุ่มคนสุดท้ายที่อยู่กับธฤตญาณนานที่สุด ตระกูลรัตนชัยนันท์รู้ถึงความซื่อสัตย์ของ ทั้งสามคนนี้ว่ายังไงก็ยังเป็นคนของธฤตญาณ

ดังนั้นทุกคนที่มีคนมาหาเรื่องฆนาคมจะให้คน พวกนั้นที่สนิทกับธฤตญาณออกหน้า ถ้าพวกเขา โดนทำร้ายจนตาย ฆนาคมถึงจะนำพวกตัวเองออก มา

ดังนั้นทุกครั้งที่มีปัญาหา จะเป็นพี่น้องสามคน ของตระกูลภัทร์รัฐชัยออกโรง นานเข้าความ สามารถของทั้งสามยิ่งพัฒนาขึ้นอย่างมาก

ธฤตญาณเห็นพี่น้องสามของตระกูลภัทร์รัฐชัย ยังคงปกป้องบุญสิตา รู้สึกซาบซึ้งใจ แต่เขาก็รู้สึก กังวล เพราะตอนที่เขารวบรวมอำนาจของเมืองกรีน โคลนนท์ปวิธเป็นตัวขัดขวางที่ร้ายกาจที่สุด ถึงแม้ สุดท้ายนนท์ปวิธจะยอม แต่กำลังทั้งหมดก็ไม่ง่ายที่ จะล้มเขาได้

โดยเฉพาะความสามารถส่วนตัวของนนท์ปวิธ รูปร่างของเขาเปรียบเสมือนภูเขาก็ไม่ปราณ ไม่ใช่ เพราะกินเยอะ สนามมวยทั้งหมดในเมืองกรีนโคล ไม่มีใครไม่รู้จักนนท์ปวิธชื่อนี้

“ครั้งนี้ผับสิตามีปัญหาใหญ่แล้ว ในตอนนั้นที่ นนท์ปวิธยอมจำนน ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาความ สามารถของตนอยู่เรื่อยๆ รวบรวมกำลังเพื่อจะล้างแค้นในสักวัน ก่อนหน้านี้เขาใช้ความสามารถส่วนตัว เอาชนะนักมวยฝีมือดีทั้งสิบแปดคนของเมืองกรีน โคลได้ ไม่แพ้ผู้ใดเลยแม้กระทั่งหัวหน้าตระกูลยัง ต้องตะลึงกับความสามารถของเขา ถ้าคุณกลัวคน ของบุญสิตาต่อกรไม่ได้ละก็ ผมสามารถเรียกคน ของตระกูลธนาพัชร์กุลมาจัดการได้” ณัฐพูดกับธ ฤตญาณ

ธฤตญาณไม่ได้พูดอะไร รพีพงษ์พูดว่า “รอก่อน แล้วกัน ตอนนี้ถ้าคนของตระกูลธนาพัชร์กุลออก หน้า เกรงว่าจะเป็นจุดสังเกตให้กับตระกูลรัตนชัย นันท์”

ณัฐทำได้เพียงพยักหน้า

บุญสิตามองไปที่สามพี่น้องตระกูลภัทร์รัฐชัย แล้วกล่าว “ความสามารถของนนท์ปวิธไม่ใช่จะ ต่อกรได้ง่ายๆ พวกแกทั้งสามเข้าพร้อมกันเลยถ้าสู้ ไม่ไหว ก็อย่าฝืน”

พี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัย ไม่ได้ขัดขึ้น คำสั่งของบุญสิตา

ทั้งสามเดินไปที่ฟลอร์เต้นพร้อมกัน มองไปที่ นนท์ปวิธด้วยสายตาอาฆาต

นนท์ปวิธเห็นทั้งสามออกหน้า ก็ยิ้มเยาะเย้ยออก มา แล้วหันไปมองลูกน้องเหล่านั้นของตนเอง ส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยออกไปยืนข้างหลัง

เขาหมุนข้อมือของตัวเอง พร้อมทั้งขยับคอไปมา แล้วมีเสียงกรอกแกรักดังขึ้น

ในวันนี้เมืองกรีนโคลไม่มีใครเป็นศัตรูกับเขา แล้ว เพียงแค่เอาชนะพี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์ รัฐชัยให้ได้ นนท์ปวิธก็จะถือเป็นเป็นที่หนึ่งในด้าน การต่อยมวยของเมืองกรีนโคล ตอนนั้นที่ถูกธฤต ญาณเยียดหยามตอนนี้เขาสามารถเอาคืนได้หมด แล้ว

“ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันเสียดายคือ คนที่ยืนอยู่ตรง หน้าฉันไม่ใช่ธฤตญาณแต่รอให้ชนะพวกแกแล้ว ฉัน จะเอาความเกลียดชังทั้งหมดที่มี ลงไปที่บุญสิตา ทั้งหมด ฉันจะทำลายผู้หญิงที่รักที่สุดของธฤต ญาณ ให้ทุกคนได้รู้ว่า ธฤตญาณ เป็นแค่อดีตไป แล้ว!”

เมื่อพี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัยได้ยิน นนท์ปวิธพูดแล้วก็โมโหขึ้นทันใด แล้วพุ่งไปที่เขา ทันที

อย่าว่าแต่พวกเขาทั้งสามเลย ธฤตญาณเองก็ เกือบทนไม่ไหว ที่จะพุ่งไปยังกลางฟลอร์เต้นนั้น ดีที่รพีพงษ์กันเขาไว้ทัน ไม่งั้นนนท์ปวิธได้ต่อ

ยกับธฤตญาณแน่
ฝีมือของพี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัยไม่ ธรรมดา ถ้าร่วมมือกัน ฝีมือก็ถือเป็นแนวหน้าเช่นกัน

แต่ทว่าตอนที่นนท์ปวิธลงมือนั้น รพีพงษ์แน่ใจ ว่าทั้งสามคนนี้ไม่มีทางชนะนนท์ปวิธได้

ฝีมือของนนท์ปวิธเก่งกาจ และพละกำลัง มากมาย กำลังของทั้งสองฝ่ายก็ไม่เท่ากัน แม้จะใช้ สมองเท่าไหร่ก็ไม่เท่าการใช้กำลัง ถึงร่วมมือกันแล้ว ก็ยังต้านทานไม่อยู่

เมื่อคนรอบข้างเห็นทั้งสองฝ่ายกำลังจะมีเรื่อง กันคนจำนวนไม่น้อยเริ่มพนันกัน เอาฟลอร์เต้นเป็น สนามมวยแล้ว

“พี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัยถึงแม้จะ เก่งกาจ แต่ร่างกายของนนท์ปวิธเหมือนยิ่งใหญ่ดั่ง ภูเขาก็มีปราณ ไม่ใช่จะชนะได้ง่าย “คนที่ยืนข้างรพี พงษ์กล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วถาม “พูดงี้ แสดงว่าคุณคิดว่า นนท์ปวิธจะชนะหรอ?”

“แน่นอนสิ นี้เป็นการเปรียบเทียบใครกำลัง มากกว่าไม่ใช่หรอพี่น้องทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐ ชัยถึงแม้จะมีสามคน แต่หัวเล็กไป สุดท้ายต้องแพ้ นนท์ปวิธแน่นอน” คนนั้นกล่าว
“การใช้พลัง ไม่ใช่ดูที่หัวเล็กหรือใหญ่ นนท์ปวิธ ใช้กำลังในการต่อสู้ ก็แค่ใช้กำลังทั้งหมดเท่านั้น คุณคิดว่าถ้าผมต่อสู้กับนนท์ปวิธนั้น ใครจะชนะ?” รพิพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

คนนั้นมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า อดที่จะ หัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วกล่าว “เพื่อน คุณอย่ามา ตลกหน่อยเลยร่างกายแบบนี้ของคุณ เกรงว่าแค่ นนท์ปวิธต่อยหมัดเดียว คุณก็น่าจะตายเลยล่ะ คุณ ไม่ต้องพูดเรื่องการบังคับพละกำลังใดๆอีกต่อไปแล้ว ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

ผ่านไปประมาณสิบนาที สามพี่น้องตระกูลภัทร์ รัฐชัยใช้กำลังมหาศาล พลังของนนท์ปวิธยังเท่าเดิม เขาจับแขนคนเล็กที่สุดในสามพี่น้องเอาไว้โดยตรง จากนั้นก็ยกขาขึ้น แล้วถีบไปที่เข่าของเขา เสียงดัง กรอบแกรบขาของคนนั้นหักในทันที

สองพี่น้องที่เหลือเห็นเหตุการณ์ หน้าถอดสี ทันที รีบพาน้องสามกลับมาทันที แล้วรีบถอยหลังไป

บุญสิตาร้อนใจ เธอไม่คาดคิดว่าสามพี่น้องตระ กูลภัทร์รัฐชัยจะไม่ใช่คู่ต่อกรของนนท์ปวิธ ขาของ ในหนึ่งสามคนใช้ไม่ได้แล้ว ที่เหลืออีกสองคนก็ไม่ สามารถชนะนนท์ปวิธได้
“บุญสิตา คืนนี้แกหนีไปไหนไม่รอด กูจะเห็นถึง ดูว่าอะไรคือความแข็งแกร่ง เจ๋งกว่าธฤตญาณ แน่นอน! ” นนท์ปวิธยิ้มอย่างสีเลศนัย แล้วเดินไปที่ บุญสิตา

“พี่บุญ คุณรีบหนีไป พวกเราจะดึงมันเอาไว้เอง!” สองคนที่เหลือของพี่น้องตระกูลภัทร์รัฐชัยรีบยืน ขวางหน้าบุญสิตาไว้

นนท์ปวิธพุ่งเข้ามา ต่อยทั้งสองคนลงไปนอนบน พื้นทันที

บุญสิตาหวาดกลัว หันหลังเพื่อหลบหนี นนท์ ปวิธจับเธอเอาไว้ แล้วดึงมาที่ข้างกายตน

ตอนนั้นคนที่พูดคุยกับรพีพงษ์หันหน้ากลับมา แล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าถ้าหัว ใหญ่จะชนะได้ง่ายกว่า เหตุผลง่ายๆ คุณยังไม่เชื่อ อีก”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขา แล้วยื่นมาพุ่งไปดึงธฤต ญาณให้กลับมา “ตอนนี้แกยังไม่ควรที่จะออกหน้า ฉันทำเอง”

ณัฐเห็นรพีพงษ์จะลงมือ สีหน้าเปลี่ยนไป แล้ว

รีบกล่าว “คุณรพี ผมโทรหาคนของตระกูลธนาพัชร์ กุลดีกว่า กำลังของนนท์ปวิธไม่ธรรมดา ถ้าคุณ เข้าไปล่ะก็ เกรงว่า….
รพีพงษ์ไม่ฟังคำพูดเขา พุ่งเข้าไปที่ จุดศูนย์กลางฟลอร์เต้นนั้นโดยตรง

ณัฐเร่าร้อนใจ หันไปมองธฤตญาณ แล้วกล่าว “คุณรีบห้ามเขาไว้หน่อย ถ้าเขาไป เกรงว่าจะโดนยำ ตายนะ”

ธฤตญาณหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวอย่างนิ่งๆว่า “สบายใจได้ ถ้าเขาลงมือ แล้วตาย ก็มีแค่นนท์ปวิธ เท่านั้นแหละ”

ณัฐไม่คิดว่าธฤตญาณจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ ถึงความสามารถที่แท้จริงของรพีพงษ์ ดังนั้นก็ยัง รู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่ดี

ตอนนั้นคนที่พูดคุยกับรพีพงษ์ก็งงเช่นเดียวกัน ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเข้าไปจริงๆ นี่มันรนหาที่ตาย ชัดๆ

“เพื่อนคนนี้ไม่น่าจะป่วยใดๆใช่ไหม เขาคิดว่าตัว เองจะสู้ชนะเค้าได้จริงๆหรอเนี่ย” คนนั้นพึมพำกับตัว เอง

นนท์ปวิธกำลังอยู่ในความปลื้มปิติที่ชนะพี่น้อง ทั้งสามของตระกูลภัทร์รัฐชัยได้ มือหนึ่งคว้าบุญสิตา เอาไว้ เหมือนกับกำลังอวดรางวัลแห่งความสำเร็จ ของตนอย่างนั้น
ในขณะนี้รพีพงษ์ได้เดินไปอยู่ตรงหน้าของเขา แล้วกล่าวอย่างเรียบๆว่า “ปล่อยเธอไป” เมื่อนนท์ ปวิธได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็หันหน้าไปดู แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไม แกก็เป็นคนของ บุญสิตาหรอ? ทำไมไม่เคยเห็นแกมาก่อน?”

“เมื่อกี้มีคนพนันกับฉัน ว่าหัวแบบฉัน ไม่มีทาง ชนะแกได้ ดึงนั้นฉันจึงมาลองดู” รพีพงษ์สมมุติ เหตุผลไปจะบอกว่าเขานั้นเป็นตัวแทนของธฤต ญาณมาเคลียร์ปัญหาก็ไม่ได้

เมื่อนนท์ปวิธได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็ ชะงัก แล้วหัวเราะฮ่าฮ่าดังขึ้นมาในทันที แล้วกล่าว “จึงแม่งมาเล่นตลกหรือไง? รีบไสหัวไปซะ หัวแบบนี้ ของถึง กูตบไปฉาดเดียวหัวถึงก็หมุนติ้วๆเป็นเจ็ด ร้อยยี่สิบองศาแล้ว”

คนบริเวณรอบๆก็หัวเราะตามๆกัน ล้วนคิดว่ารพี พงษ์พนันแบบนี้กับคนอื่น เหมือนรนหาที่ตายชัดๆ

“เพื่อนคนนี้มีปัญหาทางสมองปะเนี่ย กล้าพนัน แบบนี้กับคนอื่น”

“อาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วมั้ง หัวแบบนี้ของ เขา เกรงว่าแม้แต่ฉันจะยังชนะได้เลยมั้ง”

รพีพงษ์เริ่มแสดงอาการท้าทาย แล้วกล่าว “เวลา

กูพนันกับใครไม่เคยแพ้มาก่อน ดังนั้นวันนี้ไม่อยากมีเรื่อง ก็ต้องมี ตั้งแต่มึงเริ่มลงมือกับผู้หญิงของเพื่อนกู จึงก็แพ้แล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ