พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่817 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์



บทที่817 ทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์

เมื่อปัณณธรเห็นกระท่านของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วย ความมึนงง เอ่ยปากว่า “คุณหมายความว่ายังไง? หรือว่ากลัว ว่าฉันได้ใบทํายาแล้วจะกลับค่าเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย เหตุผลที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้ต่อปัณณธร เมื่อออกมาจากข้างใน ทั้งหมดเป็นเพราะไม่อยากต่อสู้กับปัญ ธรแล้วกระทบต่อเด็กเหล่านั้น

ตอนนี้แน่ใจว่าปัณณธรเป็นคนจิตวิปริตเสียสติ รพีพงษ์ตั้งใจ ว่าจะไม่เกรงใจเขาแล้ว

แม้ว่าที่นี่จะเป็นสำนักเทพเซียน แต่เมื่อเห็นปัณณธรแม้แต่เด็ก ไม่กี่ปีและเด็กทารกก็ไม่ยอมปล่อย รพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความ โกรธ

คนแย่ๆแบบนี้ ถ้าไม่กำจัด มันจะทำให้เกิดความหายนะกับ ผู้คนมากขึ้นในอนาคต ต่อให้ยาที่เขากลั่นออกจะมีผลที่ดี เกรง ว่าจะถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

รพีพงษ์ได้วางแผนไว้แล้วในใจ ตอนนี้เขาลงมือกับปัณณธร แต่มั่นใจได้ว่าจะสามารถฆ่าเขาได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อ พิจารณาแล้วสิ่งนี้จะทำให้คนอื่นๆ ในสำนักเทพยาเซียนแตกตื่น

หากคนอื่นๆ ในสำนักเทพยาเซียนไม่รู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่กำลัง ทำสิ่งชั่วร้ายที่ไม่อาจแพร่งพรายแบบนี้ และยังคงเป็นคนจิตใจที่อีกด้วย ถ้าอย่างนั้นก็แค่นั้น แต่ถ้าคนในสำนักเทพยาเซียนเป็น คนจําพวกเดียวกันกับปัณณธรแล้วล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นการต่อสู้ครั้ง ใหญ่ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ยี่สิบกว่าคน ด้วยพลังของรพีพงษ์ อยากที่จะจัดการ ก็ยังคงยากไปบ้าง แต่ถ้ารพีพงษ์ต้องการจะ หนี พวกเขาก็ห้ามไม่อยู่

อย่างไรก็ตามสำนักเทพยาเซียนไม่มีทางย้ายสถานที่ ไม่ สามารถฆ่าสิ่งเหล่านี้ที่ไร้จิตสำนึกให้หมดภายในวันเดียวได้ ก็ แบ่งออกไปฆ่าหลายๆวัน ต้องสักวันที่ฆ่าหมด

“แกมีสิทธิ์อะไรได้ใบทำยาทั้งสามใบนี้ไป? แกเป็นถึงผู้อาวุโส ใหญ่ของสำนักเทพยาเซียน แต่ลับหลังแม้แต่เด็กกลับไม่ปล่อย

“วันนี้ฉันรพีพงษ์จะทวงความยุติธรรมแทนสวรรค์เอง กำจัดไอ้ เชียที่ไร้มโนธรรมอย่างแก!”

สีหน้าของปัณณธรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ เอ่ยปากว่า “รพีพงษ์? นายไม่ใช่คนของตระกูลอุเอสึง! นายคือ รพีพงษ์ที่ท้าทายแวดวงศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนเหรอ?!!!”

รพีพงษ์เปิดปากยิ้มให้กับเขา แล้วพูดว่า: “ยินดีกับแกด้วย ตอบถูก!”

หลังจากพูดจบ รพีพงษ์พุ่งไปที่ปัณณธรอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

ในห้องพิพากษาของสํานักเทพยาเซียน
ในเวลานี้เจ้าสำนักจิรภัทรกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งหลัก ผู้อาวุโส ผอมและอ้วนสองคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ในห้องโถงยังมี ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ทุกคนกำลังจ้องมองไปที่ผงหนึ่งกำมือที่วางอยู่ บนโต๊ะอย่างไม่ละสายตา

แม้ว่าสํานักเทพยาเซียนส่วนมากที่มีจะเป็นปรมาจารย์ทั้งหมด แต่ปรมาจารย์เหล่านี้มักจะไม่ค่อยอยู่ในสำนักเทพยาเซียน มี บางคนออกไปปฏิบัติภารกิจบางอย่าง ดังนั้นตอนนี้ปรมาจารย์ ทั้งในสำนักเทพยาเซียน มีทั้งหมดสิบหกคน

“เจ้าสำนัก ก้อนหินทดสอบความแข็งแกร่งกลายเป็นแบบนี้ หลังจากที่ฉันฟาดไปด้วยกำลังทั้งหมดจริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไร ขึ้น อาจจะเป็นในตอนนั้น เส้นลมปราณสองเส้นของฉันทะลุ ดัง นั้นจึงระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา ทำให้ข้างในก้อนหินนั้นสั่น กลายเป็นผง”ผู้อาวุโสอ้วนเอ่ยปาก

ผู้อาวุโสผอมที่อยู่ด้านข้างมองไปที่เขาอย่างดูถูก และเอ่ยปาก ว่า: “พอได้แล้ว ความสามารถแค่นั้นของท่าน คนที่อยู่ใน เหตุการณ์ใครบ้างที่ไม่รู้ ฉันประลองฝีมือกับท่านเมื่อกี้นี้ ก็ไม่เห็น ว่าความแข็งแกร่งของท่านจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน

หลังจากพูดเสร็จ เขามองไปที่จิรภัทร เอ่ยปากว่า “ฉันรู้สึกว่า ในสํานักของพวกเรา น่าจะมีผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากเข้ามา ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป้าหมายของผู้ แข็งแกร่งคนนี้คืออะไร ถ้าคนชั่วมีเจตนาไม่ดี ถ้าอย่างนั้นสำนัก เทพยาเซียนของพวกเรากำลังจะเผชิญกับหายนะ”
เมื่อจิรภัทรได้ยินเขาพูดเช่นนี้ รู้สึกว่ามีเหตุผล ถามทันที “วัน นี้ในสำนักมีคนนอกมาหรือเปล่า?”

ศิษย์พี่ที่พารพีพงษ์พวกเขาเข้ามาในสำนักเทพยาเซียนใน เวลานี้ก็อยู่ในห้องโถงด้วยเช่นกัน หลังจากได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโส ผอมบอก ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาทันที จึงรีบลุก ขึ้นยืนและพูดว่า “เจ้าสำนัก วันนี้มีคนนอกสองกลุ่มเข้ามาใน สํานัก”

“ผมพาพวกเขาไปทดสอบความแข็งแกร่ง แต่ว่าผู้ที่แข็งแกร่ง ที่สุด ก็แค่เนียจิ้งชั้นต้น แต่ตอนที่คนสุดท้ายทดสอบ โจมตีด้วย พลังทั้งหมด มีเพียงเสียงโครมดังออกมา แต่การไหลของน้ำไม่มี การเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ตอนนี้คิดดู แล้ว ที่หินก้อนนั้นกลายเป็นแบบนี้

ที่สำคัญตามเวลาที่ผู้อาวุโสทั้งสองบอกกล่าว การทดสอบ ของคนคนนั้น ก็อยู่ก่อนหน้าผู้อาวุโสทั้งสองท่านไม่นาน

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็นิ่งสงบ คาดไม่ ถึงว่ายังมียอดฝีมือที่น่าสงสัยเข้ามาที่สำนักเทพยาเซียนจริงๆ

“คนคนนั้นอยู่ที่ไหน?”จิรภัทรเอ่ยปากถาม

“เขาคือคนที่ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการพบ หลังจากที่เข้ามาที่ สำนัก ผมก็พาเขาไปที่ผู้อาวุโสใหญ่”ศิษย์พี่ตอบอย่างตรงไป ตรงมา

จิรภัทรขมวดคิ้วทันที เอ่ยปากว่า “ช่วงนี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่รู้ ว่ากำลังยุ่งอยู่กับอะไร มักจะทำตัวลึกลับ ฉันไปถามเขาดู เขายังไม่บอกฉัน คาดไม่ถึงว่าตอนนี้กลับพาผู้แข็งแกร่งมาที่น่าสงสัย มาสำนักอีก ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่าง แน่นอน”

หลังจากคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังสักพัก จิรภัทรมองไปที่ทุกคน เอ่ยปากว่า “เรียกรวมตัวผู้อาวุโสทั้งหมด ในสำนัก ตอนนี้รีบไป ที่พักของผู้อาวุโสใหญ่ทันที ฉันต้องการจะดูว่า เขากำลังทำอะไร กันแน่”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้น และเดินออกจากห้องโถง บนถนนลีกของสํานักเทพยาเซียน

ดรัณและเพ็ญรตีทั้งสองคนต่างก็เดินไปรอบๆด้วยความอยาก รู้อยากเห็น เพราะเวลาถึงตอนเย็นแล้ว การต้อนรับของสำนัก เทพยาเซียนก็ทั่วถึงเช่นกัน จัดที่พักให้พวกเขาทั้งสองคน และ อนุญาตให้เดินเล่นในสำนักเทพยาเซียนได้

และพวกเขาก็ใช้ข้อต่อรองที่มากเพียงพอแลกเปลี่ยนยาที่ตัว เองต้องการได้แล้ว

สํานักเทพยาเซียนไม่ได้กีดกันห้ามผู้คนภายนอกเข้ามาขอรับ ยาที่ในสำนัก เนื่องจากคนในสำนักก็จําเป็นต้องใช้ชีวิต พวกเขา จำเป็นต้องบรรลุสภาพความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานบางประการ และ ที่นี่ สิ่งเหล่านี้ล้วนได้มาจากผู้คนจากภายนอกที่มาขอยา

“ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นที่มาจากประเทศ ญี่ปุ่นกับผู้อาวุโสสำนักเทพยาเซียนตกลงว่าเป็นอะไรกันแน่ กลับ ได้รับการต้อนรับในฐานะแขกผู้มีเกียรติของผู้อาวุโสใหญ่”ดรัณเอ่ยปากพูด

“เชอะ จะมีความสัมพันธ์อะไรได้ ในความคิดของฉัน ไม่แน่นั่ง จิ้งจอกนั้นอาจมีอะไรกับผู้อาวุโสคนนั้น เพ็ญรตีพูดอย่างไม่หลีก เลี่ยงคําต้องห้าม

ดรับขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “น้องสาว เธอพูดอะไรระวังบ้าง

“ฉันพูดผิดเหรอ แม้ว่าพลังของนังจิ้งจอกนั้นจะแข็งแกร่งไป บ้าง แต่ผู้ชายที่มาพร้อมกับเขาเป็นขยะที่ฉันไม่ได้ อย่างพวก เขานะเหรอ ยังสามารถมีความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสของสำนักเทพ ยาเซียนได้

“พูดถึงขยะนั้นฉันก็โมโห ทั้งที่ตัวเองอะไรก็ไม่ใช่ กลับยังคง เสแสร้งทำเป็นว่ามีความแข็งแกร่งมาก ไม่รู้ไปเอาความกล้า หาญมาจากไหน ฉันเกลียดคนที่เสแสร้งแบบนี้ที่สุด”

“ถ้าเขาต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองจริงๆ ถ้า อย่างนั้นมีความสามารถไปต่อสู้กับผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทพ ยาเซียนได้มั้ย เกรงว่าให้ความกล้าหนึ่งร้อยเท่ากับเขา เขาก็ไม่ กล้า”

เพ็ญรตีพูดตัดรากถอนโคน

ทันทีที่เขาพูดจบ หลังคาบ้านที่อยู่ไม่ไกลก็พังลงมา รพีพงษ์ และปัณณธรทั้งสองคนพุ่งออกมาจากด้านใน ยืนอยู่บนหลังคา

เห็นเพียงหัวของปัณณธรเต็มไปด้วยเหงื่อ หายใจหอบมาก ใบหน้าซีดเซียว มองไปที่รพีพงษ์อย่างระมัดระวัง ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้น ที่มาพร้อมกับความหวาดกลัว เมื่อครัณและเพ็ญรที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกตะลึงในทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ