พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่692 ความกรุณาของรพีพงษ์



บทที่692 ความกรุณาของรพีพงษ์

บนเวที ชายร่างใหญ่ทั้งสองกำลังประลองอยู่บนเวที คนที่อยู่ ด้านล่างเวทีต่างตะโกนโหวกเหวก สนามมวยใต้ดินเต็มไปด้วย เสียงดังกึกก้อง

คนอเมริกาเป็นคนสูงใหญ่ พวกที่กล้าขึ้นประลองบนเวที ต้อง มั่นใจในฝีมือตัวเอง ดังนั้นในสนามมวยใต้ดิน ผู้ที่เข้าประลอง ล้วนมีร่างกายคล้ายกับภูเขาอย่างไรอย่างนั้น

บวกกับร่างกายของคนพวกนี้ที่มีกล้ามเนื้อ ทำให้รู้สึกการแข็ง ขันมีรสชาติมากขึ้น

รพีพงษ์และชาลิสาทั้งคู่เดินไปถึงขอบเวที มองไปยังคนที่

ประลองอยู่ในขณะนี้

“ฝีมือของคนของตระกูลนิธิวรสกุลนั้นยอดเยี่ยม ดังนั้นใน ทุกๆวันจะจัดคนมาแค่คนเดียวเท่านั้น ทั้งคืน ถ้าคุณอยากเป็น จุดสนใจของอนันยช ต้องมาที่นี่สักครั้ง เพื่อเอาชนะคนของตระกู ลนิธิวรสกุล” ชาลิสากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่พูดอะไร

การรวมตัวกันของเขาทั้งสองนั้นค่อนข้างแปลก คนหนึ่งคือ สาวสวยแห่งตะวันออกอันเซ็กซี่ อีกคนเป็นชายที่ใส่หน้ากาก การ์ตูน ดึงดูดสายตาคนจำนวนไม่น้อย แต่หลังจากที่คนจำนวน มากเห็นหน้ากากของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็เยาะเย้ยออกมาทันที
ไม่นาน สองคนบนเวทีได้จบการประลองลง ผู้แพ้โดนต่อยจน จมูกบวมเขียวลงจากเวที ผู้ชนะก็ครามอยู่บนเวทีสักพัก

แต่คนนั้นก็ไม่ได้อยู่ประลองบนเวทีต่อ หลังจากที่คำรามแล้ว นั้น ก็กระโดดลงจากเวทีทันที เพราะเขาได้สังเกตเห็นคนๆหนึ่ง กำลังเดินมาที่เวที

คนนั้นคือ ยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุล

รพีพงษ์ก็สังเกตเห็นคนนั้นเช่นกัน เอกสารที่ชาลิสา ให้เขาก็มี ข้อมูลของคนนี้อยู่ เขาจำได้ว่าคนนี้ชื่อกรกริช เป็นสมาชิกยอด ฝีมือกลุ่มที่สองที่อนันยชฝึกฝนมา

กรกริชมาถึงเวที กระโดดขึ้น บนเวทีโดยตรง จากนั้นก็ใช้ สายตาเหยียดหยามมองไปรอบๆ แล้วกล่าว “ใครอยากประลอง กับฉันบ้าง ขึ้นมา”

ที่ๆเคยเสียงดังโหวกเหวกกลับกลายเป็นเงียบสงัดทันใด คน ที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครกล้าเสนอตัว รวมถึงนักมวยที่เวทีใต้ดิน ฝึกฝนออกมาด้วยเช่นกัน

ช่วงนี้ยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลได้ชนะนักมวยของเวที ใต้ดินทั้งทั้งมีชื่อเสียงและไม่มีชื่อเสียงมาหลายคนแล้ว ทุกคน ล้วนรู้ดีถึงความน่าเกรงขามของคนพวกนี้ของตระกูลนิธิวรสกุล ว่าถ้าขึ้นเวที ก็คือรนหาที่ตายนั่นเอง ส่งผลให้ตอนนี้เมื่อเห็นคน ของตระกูลนิธิวรสกุล ล้วนไม่มีใครกล้าขึ้นเวทีทั้งนั้น

ดูไปยังด้านล่างที่เงียบสงบ ไม่มีใครขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ของตน กรกริซบึนปาก แล้วกล่าว “การประลอง ในเวทีใต้ดินของวันนี้จบลงแบบนี้งั้นหรอ ไม่มีใครขึ้นบนเวทีแล้ว?”

ผู้ดูแลสนามมวยเริ่มอึดอัดขึ้นมา พวกเขารู้ดีถึงความร้ายกาจ ของคนบนเวที ถ้าจัดนักมวยขึ้นไปชก ก็มีเพียงแต่จะโดนชก เท่านั้น ทำให้สนามมวยเสียหายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าไม่จัดคน ขึ้นไป คนดูจะต้องไม่พอใจเป็นแน่ พวกเขาจึงค่อนข้างสับสน

ในขณะที่ผู้ดูแลสนามมวยกำลังถอนหายใจอย่างเซ็งอยู่นั้น ก็ มีคนขึ้นไปบนเวที

ทุกคนมองขึ้นไปบนเที พบว่าคนที่อยู่บนเวที เป็นคนที่สวม

หน้ากากการ์ตูน

ทุกคนล้วนรู้สึกประหลาดใจ มองรพีพงษ์ ด้วยสายตาดูถูก

ถึงแม้ผู้ดูแลจะแปลกใจที่คนที่ขึ้นเวทีนั้นทำไมใส่หน้ากาก การ์ตูน แต่มีคนขึ้นไปดีกว่าไม่มีใครขึ้นไปเลย เขารีบถือไมค์ แล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “ดูๆแล้วคืนนี้พวกเรามีเพื่อนที่กล้า เสี่ยงอันตราย เชื่อว่าเขาจะทำให้การประลองนี้คุ้มค่าแก่การรับ ชม”

ผู้คนด้านล่างเวทีหัวเราะเสียงดัง

“การประลองที่คุ้มค่าแก่การดู? ฉันว่าเป็นตลกที่คุ้มค่าแก่การ ดูมากกว่า มันยังใส่หน้ากากการ์ตูนด้วย มาแสดงการ์ตูนหรือ ยัง?” คนหนึ่งเยาะเย้ยออกมา

ผู้ดูแลยิ้มอย่างอึดอัด แล้วกล่าวต่อว่า “สหาย ก่อนที่จะ ประลอง พวกเราอยากรู้ฉายาของคุณก่อน กรุณาพูดเสียงดังๆให้ทุกคนได้ยินด้วย!

“เทพมรณะรพีพงษ์ ให้เสียงโทน เปล่งคำว่าเทพมรณะออก ไปเป็นภาษาอังกฤษ

ด้านล่างเต็มไปเสียงหัวเราะ ราวกับรู้สึกว่ารพีพงษ์มา เล่นตลกอย่างไรอย่างนั้น

ไอ้นี่ ยังกล้าตัวเองเทพมรณะอีก ว่าตัวเองใส่ หน้ากากเทพมรณะไม่ทัน เสียชีวิต ล่ะจะ”

คงใช่หรอกนะ ถ้าแบบเจ๋งอยากจะเห็นมันต่อยอย่างรุนแรงแล้ว

ชาลิสาอยู่เวทีมองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีอย่างเซ็ง คิดในว่าแล้วยังทำตัวเป็นเด็กปหรือคำพูดว่าผู้ชาย คือเด็ก

ขณะชายบึกบึนเดินข้างชาลิสา เห็นมาพร้อมกับคนบนเวที คุณก็เห็นแล้ว ว่ามันตลก คุณ มากับเขา มีแต่จะหน้า คืนคุณกับผม ผมทำให้หยุดไม่ได้

พูดๆ คนนั้นกล้ามให้ชาลิสา ชาลิสาจ้องไปคนนั้นด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แล้วกล่าว”ไสหัวไป!”

กรกริชจ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาเลศนัย แล้วกล่าว “ฉันไม่รู้ ว่าแกเป็นเทพมรณะหรือไม่ แต่จากหน้ากากที่แกใส่ในวันนี้ ฉัน สามารถส่งแกไปหาเทพมรณะตัวจริงได้

ภายใต้หน้ากากรพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย คนที่อยู่ด้านหน้า เขานั้นไม่รู้เลย ว่าคู่แข่งที่เขาจะประลองด้วยในวันนี้ เป็นคน อย่างไรกันแน่

“เกรงว่าแกจะไม่มีความสามารถพอน่ะสิ ฝีมือแก ก็แค่ ธรรมดาเท่านั้น วันนี้ฉันมาเพื่อจะทำให้แกรู้ พลังที่แท้จริงเป็นยัง ไง” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ใบหน้าของกรกริชแอบซ่อนความเหยียดหยามเอาไว้ จากนั้น เขาก็ไม่เสียเวลา เริ่มวอร์มอัพตัวเอง แล้วลงมือต่อรพีพงษ์

“ไร้ซึ่งยางอาย ก็แค่ตัวตลก ยังกล้าจะพูดเรื่องพลังกับฉันอีก รับหมัดซะ!”

กรกริชพุ่งไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ชกไปที่กระโหลกศีรษะของ

รพีพงษ์

ความเร็วนี้ของเขาถ้าเทียบกับคนธรรมดาถือว่าเร็วอย่างมาก แต่ในสายตาของรพีพงษ์ ช้าอย่างกับเต่า

รพีพงษ์ยกมือขึ้นเบาๆ แล้วจับข้อมือของกรกริชไว้ จากนั้นก็ ผลักไปด้านหลัง ข้อมือของกรกริชก็หักลง

กรกริชที่เชื่อมั่นในตัวเองตอนนี้สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ถอยหลังไป

แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ได้เตะไปที่เข่าของเขา

เสียงดังก๊อก กรกริชคุกเข่าลง ตอนนี้เหงื่อไหลเต็มหัวเขา ใช้ เวลาเพียงแค่ไม่นาน เขาก็แขนหักขาหัก แม้ฝีมือเขาจะดีขนาด ไหน วันนี้ก็ไม่มีทางได้แสดงออกมาแล้ว

ที่ไม่ฆ่าเขา ก็ถือว่ารพีพงษ์มีความกรุณา ต่อคนของตระกู ลนิธิวรสกุลมากที่สุดแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ