พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่828 แดนครึ่งดั่งเทพ



บทที่828 แดนครึ่งดั่งเทพ

อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่เหตุการณ์นี้ ด้วยสีหน้าตกใจอย่างสุดขีด แม้ว่ายอดฝีมือเนี่ยจิ้งขั้นกลางสามารถบดขยี้หินด้วยมือเปล่าได้ แต่ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ที่ผ่อนคลายของรพีพงษ์ กลับกระแทกก้อนหิน นั้นให้แตกกระจายไปทั่ว แตกเป็นก้อนกรวดเล็กๆไปทั่วบนพื้น เดียวกัน เมื่อเทียบกับเนยจึงขั้นกลางที่แบ่งก้อนหินออกเป็นครึ่ง หนึ่ง ซึ่งน่ากลัวมากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นอุเอสึงิ ฮารุค่อนข้างแน่ใจว่า เมื่อกี้นี้หล่อนเห็น แสงสีขาวบนฝ่ามือของรพีพงษ์ สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์ แบบนี้ได้ เกรงว่าจะมีแต่พลังผีสางเทวดา

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ฝ่ามือของตัวเองด้วยความ ประหลาดใจเล็กน้อย ฝ่ามือเมื่อกี้นี้ เขาแค่ฟาดออกไปตามใจ แต่พลังนั้นเหนือกว่าระดับฝ่ามืออันเดอร์ที่แสดงออกมาจาก สถานะใช้วิธีลับหลายเท่า ซึ่งทำให้รพีพงษ์ตกใจจริงๆ

ในช่วงครึ่งเดือนของการแช่ตัวในบ่อน้ำแห่งนี้ รพีพงษ์ได้ไหล เวียนพลังวิเศษเสนนับไม่ถ้วนในร่างกายทุกวัน ฤทธิ์ยาที่ดูดซึม เข้าสู่ร่างกายจากน้ำในบ่อน้ำจะถูกส่งไปยังทุกส่วนของร่างกาย ฤทธิ์ยาในน้ำบ่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นของแท้จริง ในการเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพทาง กายรวมถึงศักยภาพ

ภายในครึ่งเดือน ร่างกายของรพีพงษ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหัศจรรย์ อย่างน้อยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เพิ่มมากกว่าที่ผ่านหลายเท่า

ยิ่งไปกว่านั้นฤทธิ์ยาที่รุนแรงเหล่านั้นต้องไหลเวียนไปมาใน เส้นลมปราณของรพีพงษ์ คล้ายกับฝึกฝนอย่างรุนแรงในเส้น ลมปราณของรพีพงษ์ หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เส้นลมปราณ ของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งอย่างมาก พลังที่สามารถแบก รับได้ก็นำมาเปรียบเทียบไม่ได้

ร่างกายเป็นตัวนำพาพลัง สาเหตุที่แดนปรมาจารย์แข็งแกร่ง มากกว่าเนยจิ้งชั้นกลาง ก็เป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งทาง ร่างกายของแดนปรมาจารย์นั้นมากกว่าเนยจึงขั้นกลาง

กำลังที่แฝงอยู่ในร่างกายของคนเราสามารถออกแรงได้มาก น้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับพลังที่ร่างกายสามารถแบกรับได้มาก น้อยเพียงใด ตอนนี้ร่างกายของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้น และเพิ่ม ถึงขีดจำกัด ดังนั้นแดนของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้นกว่าก่อนหน้านั้น

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา รพีพงษ์เพื่อที่จะต้านทานความเจ็บ ปวดที่เกิดจากการล้างร่างกายด้วยฤทธิ์ยาจากในบ่อน้ำ ทำให้ ตัวเองเข้าสู่สภาวะของการทำสมาธิ ระลึกถึงสิ่งสำคัญของพลัง วิเศษเสนอย่างละเอียด โดยหวังว่าจาก โอกาสนี้สามารถเพียง พอ ที่จะก้าวหน้าได้

อย่างไรก็ตามเขาประเมินความยากของพลังวิเศษเสนชั้นสูง บรรลุถึงพลังวิเศษเสนชั้นยอดต่ำไป แม้ว่าน้ำในบ่อของสำนัก เทพยาเซียนจะทำให้เขาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก แต่เขากับระยะทางพลังวิเศษเสนชั้นยอด ยังคงห่างไกลกันครึ่งก้าว

รพีพงษ์ได้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนนี้ที่พลังวิเศษเสนชั้น ยอด ก็จะสามารถเพียงพอบรรลุถึงแดนดั่งเทพที่อาจารย์เคย กล่าวไว้ ยังไม่พอตอนนี้เขาอยู่ห่างจากพลังวิเศษเสนชั้นยอดไป ครึ่งก้าว ดังนั้นแดนของตอนนี้ น่าจะเท่ากับระดับแดนครึ่งคั่ง เทพ

ที่เรียกว่าแดนครึ่งดั่งเทพ ก็คือความสามารถเพียงพอที่จะ ปลดปล่อยพลังในร่างกายของตัวเองเข้าสู่ร่างกายภายนอกได้ แต่ไม่สามารถทำให้พลังของในร่างกายออกจากร่างกายได้ เหมือนกับแดนดั่งเทพ

ตอนนีรพีพงศ์ทำได้เพียงยึดติดพลังวิเศษเสนของร่างกายไป กับพื้นผิวของฝ่ามือ ซึ่งทำให้พลังของพลังวิเศษเสนออกแรงได้ ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถควบคุมรูปร่างที่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหัศจรรย์ของพลังวิเศษเสนที่ปลดปล่อยสู่ ร่างกายภายนอกได้ แต่ก็ไม่มีผลมากนัก เพราะไม่ว่ารพีพงษ์จะ เปลี่ยนแปลงรูปร่างออกมาเป็นแบบไหน ตราบใดที่พลังวิเศษ เสนไม่สามารถออกจากร่างกายได้ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งหมดอันที่จริงก็เหมือนกัน

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์มีความรู้สึกในใจว่า ในสถานะนี้เขา สามารถส่งผ่านฝ่ามือของเขาได้ ส่งพลังวิเศษเสนผ่านการสื่อสาร บางอย่าง

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังวิเศษเสนเปลี่ยนแปลงเป็นดาบฆ่าคนได้ตรงๆ อาจารย์ของเขาสามารถถือดาบได้หนึ่งเล่ม จาก นั้นโดยผ่านฝ่ามือ ส่งพลังวิเศษเสนไปที่บนตัวดาบ แบบนี้ดาบก็ สามารถเพียงพอที่จะพัฒนาขยายพลังของพลังวิเศษเสนให้ใหญ่ สุด พลังก็จะไม่แย่กว่ายอดฝีมือแดนดั่งเทพที่แท้จริงมากนัก

เนื่องจากพลังวิเศษเล่นของรพีพงษ์มีสภาพแวดล้อมคอย เป็นใจคอยอำนวย ยอดฝีมือแดนดั่งเทพเหล่านั้นผ่านเนยจึงเข้า สู่การเปลี่ยนแปลง โดยพื้นฐานของพลังแล้ว รพีพงษ์จะต้อง แข็งแกร่งออกมาไม่น้อย ต่อให้มีช่องว่างในแดนก็ตาม ก็ยังคง สามารถอาศัยความเป็นใหญ่ของพลังวิเศษเสนซ่อมแซม

นอกเหนือจากความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถออกจากร่างกาย ได้แล้ว รพีพงษ์รู้สึกว่าถ้าตัวเองเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนดั่ง เทพแท้จริง ต่อสู้กันหนึ่งครั้งก็ยังไม่มีปัญหา แน่นอนว่า ต่อสู้ไว หรือเปล่าค่อยว่ากัน แต่หลบหนีไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน

จุดสำคัญที่สุดคือ แต่ตอนนี้รพีพงษ์เกือบจะเป็นพลังวิเศษเสน ชั้นยอด ก็คือเหมือนกันกับระดับแดนปรมาจารย์ และสามารถ พอที่จะแสดงความแข็งแกร่งของยอดฝีมือเนยจิ้งแดนดั่งเทพ ออกมา

ซึ่งนี่เกือบจะเทียบเท่ากับยับยั้งยอดฝีมือเนยจิ้งไปได้หนึ่งแดน ใหญ่ ข้อได้เปรียบนี้ยังค่อนข้างน่ากลัวมาก

ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากรพีพงษ์บรรลุถึงพลังวิเศษเสนชั้นยอด แล้ว ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จะบรรลุถึงแดนแบบไหน กลัวแต่ว่า แดนดั่งเทพตอนนั้น อยู่ในสายตาของรพีพงษ์ ก็เหมือนราวกับมดเท่านั้นเอง

เมื่อดึงความคิดของเขากลับมา รพีพงษ์ปล่อยพลังวิเศษเสน อีกครั้ง เมื่อมองไปที่แสงสีขาวจางๆ รพีพงษ์อยู่ในนั้นรู้สึกถึง ความผันผวนของพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

ตามที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ แดนดั่งเทพและแดนปรมาจารย์เป็น คนละอย่าง แดนปรมาจารย์ก้าวหน้าถึงแดนดั่งเทพไม่ใช่เพียง แค่เพิ่มแดน แต่เป็นการเพิ่มพลังขั้นพื้นฐาน

คนที่บรรลุถึงแดนดั่งเทพ สามารถที่จะมองแดนปรมาจารย์ ทั้งหมดเป็นมดได้ ต่อให้จะมีความสามารถมากแค่ไหน ไม่ว่าจะ มีฝีมือมากแค่ไหนก็ตาม ถูกเรียกได้ว่าเป็นแดนปรมาจารย์ที่ไม่มี ใครสู้ได้ อยู่ในสายตาของยอดฝีมือแดนดั่งเทพ ก็เป็นเพียงมดที่ แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยก็เท่านั้น

ดังนั้นแม้ว่ารพีพงษ์จะมีเพียงความแข็งแกร่งของแดนครึ่งคั่ง เทพ ยังคงสบประมาทยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหมดได้

ตอนนี้ต่อให้รพีพงษ์จะถูกยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ยี่สิบกว่า คนรุมโจมตี ก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบ ที่สำคัญ มั่นใจได้ว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

นี่คือความเชื่อมั่นที่มาพร้อมกับพลังที่แท้จริง

เมื่อเก็บพลังวิเศษเสนกลับไป รพีพงษ์ก็ถอนหายใจยาวออก มา ร่างกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาครึ่งเดือน เขาก็รู้สึกอ่อนเพลีย ด้วย ดังนั้นจึงยึดกระดูกกล้ามเนื้อ
ในตอนนี้เขาสังเกตเห็นอุเอสึงิ ฮารุที่จ้องมองมาที่เขาอย่างตก ตะลึงอยู่ไม่ไกล บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปหา หล่อน

เดิมที่เขาคิดว่าอุเอสึงิ ฮารุจะใช้ประโยชน์จากตอนที่เขาเพิ่ม ความแข็งแกร่งอยู่ในบ่อน้ำ ฉวยโอกาสออกไป คาดไม่ถึงว่าผู้ หญิงคนนี้จะซื่อสัตย์ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเรื่องที่ตัวเองรับปากกับ หล่อน ก็ต้องทุ่มเทสุดกำลังทำให้ได้

“มืดค่ำขนาดนี้แล้ว ทำไมเธอยังอยู่ที่อีก ไม่กลับไปพักผ่อน รพีพงษ์เอ่ยปาก

ทันใดนั้นอุเอสึงิ ฮารุก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะตอบร พงษ์อย่างไร หล่อนคงจะไม่สามารถพูดได้ว่าช่วงนี้หล่อนถือว่า รพีพงษ์เป็นคู่รักระบายความในใจมาโดยตลอด ทุกคืนจะมาพูด คุยกับเขามากมาย

ในตอนนี้ อุเอสึงิ ฮารุเพิ่งสังเกตเห็นปัญหาที่มองข้ามไปเพราะ

หล่อนตกใจเกินไป

บนตัวรพีพงษ์ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเลย!

ที่สำคัญรพีพงษ์เองก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะอยู่ในน้ำเป็นเวลา นานเกินไป และลืมปัญหานี้ไปแล้ว

แก้มของอุเอสึงิ ฮารุเปลี่ยนเป็นสีแดง ในทันที รพีพงษ์เดิน วางมาดมาทางหล่อน ทุกสิ่งที่ควรเห็นหรือไม่ควรเห็นหล่อนก็ เห็นทั้งนั้น
หล่อนรีบใช้มือปิดตาตัวเอง และเอ่ยปากว่า “คุณ….คุณชาย เสื้อผ้าของคุณ…..

ในเวลานี้เองรพีพงษ์ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองออกมาจากบ่อน้ำ โดยที่ยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า บนใบหน้าก็ปรากฏความ กระอักกระอ่วน รีบกระโดดไปหลังก้อนหินอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษด้วย เวลานานเกินไป ฉันลืมไปเลย” เสียงของรพีพงษ์

ดังขึ้นมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนที่สุดในชีวิตของเขา

เมื่ออุเอสึงิ ฮารุเห็นรพีพงษ์ซ่อนตัวอยู่หลังหิน ก็ถอนหายใจ ด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ แต่มีรอยยิ้มสวยงามปรากฏขึ้น บนใบหน้า

“คุณชายรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปเอาเสื้อผ้าให้คุณชายเดี๋ยวนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ