พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 363 แม่ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย



บทที่ 363 แม่ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย

เมื่ออารียาเห็นกุญแจในมือของรพีพงษ์ ดวงตากลมทั้งสอง ข้าง แสดงออกถึงความเหลือเชื่อ

“ระ รพีพงษ์ นายล้อฉันเล่นใช่มั้ย? ปราสาทคริสตัลนี้ เป็น

ของนายเหรอ?”

รพีพงษ์ไม่ได้อธิบายให้อารียา หยิบกุญแจเปิดประตูเล็กๆ บานนั้นโดยตรง จากนั้นก็แสดงท่าทางยื่นมือออกไปเชิญอารี ยา และพูดอย่างจริงจังว่า: “ยินดีต้อนรับเจ้าหญิงของผมเข้า สู่ปราสาทคริสตัล”

อารียามองไปที่ประตูที่เปิดอยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความ ตกใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปชั่วขณะ

“ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?”อารียาถาม

“เอาแบบนี้มั้ย ฉันหยิกเธอดูหนึ่งที่?”รพีพงษ์กล่าวด้วย รอยยิ้ม

อารียากลอกตาไปที่รพีพงษ์ทันที จากนั้นก็เดินเข้าไปใน ปราสาทด้วยความตื่นเต้น

รพีพงษ์พาอารียาไปที่ห้องโถงของปราสาท ที่นี่สวยสง่า เจิดจ้าเปล่งประกายด้วยคริสตัลที่ประดับอยู่ การตกแต่ง ต่างๆล้วนทำให้ปราสาทแห่งนี้สวยงาม ในปราสาทนั้นจิตใจของคนก็เปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์มากขึ้น

อารียามองไปรอบๆ และคนทั้งคนราวกับว่าถูกปราสาท ระยิบระยับนี้พาเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย

เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียา ก็ยิ้มแล้วถามว่า: “ซอบ มั้ย?”

“ที่นี่ เตรียมไว้เพื่อฉันเหรอ?” อารียามองไปที่รพีพงษ์ด้วย ความไม่เชื่อ

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “งานแต่งงานของเราจะจัด ขึ้นที่นี่ ถึงเวลานั้นเราจะกลายเป็นจุดสนใจของเมืองริเวอร์ และเธอจะกลายเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดในโลกด้วย”

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้อารียารู้สึกดีใจ เธอเคย จินตนาการถึงงานแต่งงานของตัวเองจะจัดขึ้นที่สถานที่ไหน จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่ารพีพงษ์จะตั้งใจ สร้างปราสาทแห่งเดียวที่มีในโลกเทพนิยายเพื่อเธอโดย เฉพาะ

กล่าวได้ว่าบนโลกนี้ที่สามารถดื่มต่ำกับการปฏิบัติแบบนี้ ได้ คงจะมีไม่กี่คน

นี่คือช่วงเวลาที่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่สุด รพีพงษ์ นำพาสิ่งที่สวยงามมาให้เธอ มันไม่สามารถบรรยายเป็นคำ พูดได้อีกต่อไป
เธอมองไปที่รพีพงษ์อย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็กอดรพีพงษ์ แล้วโน้มตัวไปที่ข้างๆหูของรพีพงษ์แล้วพูดว่า: “ขอบคุณนะ นายเป็นคนที่โรแมนติกที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”

รอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของรพีพงษ์ สามารถถูกอารียาพูดว่าเป็นคนโรแมนติก สำหรับรพีพงษ์ แล้ว มันเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่จะมีความสุข

เขาก้มลงมองไปที่อารียา จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มตัวเข้ามา และจูบลงบนริมฝีปากของอารียา

ทั้งสองจูบกันเนิ่นนาน จนรพีพงษ์ไม่อยากจะแยกตัวออก มาจากอารียาเลย

ใบหน้าของอารียาแดง เหมือนหญิงสาวขี้อายที่เพิ่งได้ลิ้ม รสผลไม้ต้องห้าม

“ตามฉันขึ้นไปดูชั้นบนเถอะ ข้างบนยังมีหลายอย่างที่จัด เตรียมไว้ให้เธอเป็นพิเศษ”

รพีพงษ์พูดกับอารียา จากนั้นจับมือของเธอแล้วเดินไปที่ ขั้นสองของปราสาท

เนื่องจากปราสาททั้งหลังมีลักษณะเหมือนคริสตัล มี ลักษณะที่โปร่งแสง ผู้คนที่อยู่นอกปราสาท จึงสามารถมอง เห็นฉากบางส่วนภายในปราสาทได้อย่างเลือนราง

รพีพงษ์พาอารียาเดินมาชั้นสอง คนที่อยู่นอกปราสาทสามารถมองเห็นเงาของทั้งสองคนใต้ แต่ก็มองไม่ออกว่า

เป็นใคร

“พวกเธอดูสิ มีคนอยู่ในปราสาท!”คนคนหนึ่งชี้ไปที่ชั้น สองของปราสาทแล้วตะโกน

ทุกคนมองไปยังทิศทางที่คนคนนั้น ชี้ หลังจากที่ได้เห็นเงา ข้างใน ก็มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

ทั้งรพีพงษ์และอารียามีรูปร่างที่ดีมาก อยู่ในสถานการณ์ที่ สามารถมองเห็นเพียงเงาสลัว เงาของทั้งสองปรากฏใน สายตาของผู้คน ราวกับเจ้าชายและเจ้าหญิงที่อาศัยอยู่ใน ปราสาท ทำให้ผู้คนหลงใหล

“ว้าว มีเจ้าชายและเจ้าหญิงอยู่ในปราสาทนี้จริงๆเหรอ?”

“โอ้พระเจ้า มันน่าอิจฉาจัง ฉันก็อยากเข้าไปดูข้างใน ปราสาทนี้บ้างจัง”

“ด้านในนั้นคงไม่ใช่คู่สร้างคู่สมคู่หนึ่งนะ อยากจะเข้าไปดู ข้างในจริงๆว่าคู่นั้นเป็นใครกัน”

หลังจากวันนี้ผ่านไป เรื่องราวของเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ อาศัยอยู่ในปราสาทคริสตัลข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป อย่างรวดเร็วในเมืองริเวอร์ ผู้คนก็บอกว่ามีเจ้าชายและเจ้า หญิงอาศัยอยู่ในปราสาทคริสตัลจริงๆ หลายคนถึงกับบอกว่าเห็นเจ้าชายและเจ้าหญิงกับตาตัวเองและยังทานอาหาร เย็นกับพวกเขาในปราสาทด้วย

การคาดเดาแปลกๆทุกอย่างที่เกี่ยวกับปราสาทกลายเป็น เรื่องเล่าต่อกันปากต่อปากหลังจากที่ผู้คนรับประทานอาหาร เสร็จ บางคนถึงกับบอกว่าสาเหตุที่ไม่อนุญาตให้เข้า ปราสาท เป็นเพราะเจ้าชายที่อยู่ข้างในนั้นความจริงแล้วคือ มังกรชั่วร้ายแปลงร่างมา ตอนที่อยู่กับเจ้าหญิงเท่านั้น เจ้า ชายถึงจะคงสภาพความเป็นมนุษย์ได้ แต่เมื่อถูกคนอื่นมอง เห็น เจ้าชายก็จะกลายร่างเป็นมังกรชั่วร้าย จะแผ่เผา ปราสาททั้งหลังทิ้งด้วยเปลวไฟ

แน่นอนว่า ผู้ที่เชื่อในตำนานเหล่านี้เป็นเพียงเด็กน้อยที่ไร้ ความรู้เท่านั้น ผู้ใหญ่รู้ดีว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้าง ความลึกลับให้กับปราสาทคริสตัล ส่วนปราสาทคริสตัลนี้ เป็นของใคร เกรงว่าจะต้องรอจนกว่าเจ้าของปราสาทมา ประกาศด้วยตัวเอง

และเมื่อตอนที่ทุกคนคิดถึงเรื่องแปลกๆของปราสาท คริสตัล ในยามค่ำคืนนี้เจ้าของปราสาทก็อยู่ในระหว่าง ครึกครื้น มังกรร้ายก็กำลังแสดงเกมรักกับเจ้าหญิง.

เย็นวันนั้น ในร้านอาหารเมืองริเวอร์ รพีพงษ์และอารียานั่ง อยู่ข้างๆกัน และคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา ก็คือศศิ นัดดาที่มีสีหน้าไม่ดี และศักดาที่เงียบไม่พูดอะไร
เนื่องจากเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะจัดงานแต่งงานอีกครั้ง รพีพงษ์และอารียาจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะบอกกล่าวกับศศิ นัดดาและศักดา

ที่สำคัญอารียารู้สึกว่าหลายวันที่ผ่านไป ศศินัดดาน่าจะ ใจเย็นลงแล้ว ที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังคงเป็นครอบครัว เดียวกัน และมันไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาทั้งสองคนจะอยู่ที่ข้าง นอกต่อไป

“แม่ค่ะ ผ่านไปหลายวันแล้ว แม่น่าจะใจเย็นลงบ้างแล้วนะ แม่ไม่ควรเป็นเพียงเพราะคำพูดคนอื่นไม่กี่คำ ก็ไม่ให้รพี พงษ์เข้าบ้าน แม่ก็อย่าโกรธพวกเราเลย” อารียาพูดอย่าง จริงใจ

“หมายความว่ายังไงที่ว่าอื่นพูดไม่กี่คำ นั่นคือสิ่งที่ อาจารย์พูดนะ เขาทำนายออกมาว่ารพีพงษ์คือดวงหายนะ นี่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่โกรธก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ลูกก็อย่าเตือน แม่เลย ฉันไม่มีทางรับปากให้รพีพงษ์เข้าบ้าน”ศศินัตดา กล่าวอย่างหนักแน่น

อารียาถอนหายใจ เดิมทีเธอยังคิดว่าหลายวันมานี้ศศิ นัดดาใจเย็นลงจะเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองได้ แต่ว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอยังไร้เดียงสาเกินไป

“ตามที่ฉันบอก คุณไม่ควรปฏิบัติกับรพีพงษ์แบบนี้ ตอนนี้ ที่เราสามารถมีชีวิตแบบนี้ได้ ก็พึ่งพารพีพงษ์ทั้งนั้น แต่คุณกลับไม่ให้เขาเข้าบ้าน ทำแบบนี้มันก็ไม่ยุติธรรมเลยนะ” นานๆครั้งศักดาจะช่วยพูดแทนรพีพงษ์

ศศินัดดาก็หันไปมองเขาทันที แล้วพูดว่า: “พวกเรามีชีวิต

แบบไหนเหรอ? คุณรู้ไหมว่านังบ้าชลิดาขวางฉันอยู่ที่ชั้นล่าง

วันทุก? ฉันอารมณ์เสียทุกวัน นี่เป็นสิ่งที่รพีพงษ์ก่อขึ้นมา หรือนี่ไม่มีความหมายอะไรเลยเหรอ?” “ถ้าอย่างนั้นก็คุณกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเก่าเถอะ ที่นั่นไม่มี คนมาขวางคุณชั้นล่างแน่ๆ “ศักดาพีมพำเสียงเบาๆ

ศศินัดดายื่นมือออกมาและหยิกแขนของเขาอย่างแรง และพูดด้วยรัศมีที่บีบบังคับคน: “คุณนี่มันไอ้คนกอบโกย ประโยชน์เข้าตัวเอง คุณก็ไม่อยากเข้าบ้านด้วยใช่มั้ย? ตอน นี้คุณเริ่มที่จะพูดแทนไอ้รพีพงษ์ เขาให้ประโยชน์อะไรกับ คุณเหรอ?”

ศักดาก็ขี้ขลาดตาขาวขึ้นมาทันที คอหดอยู่ที่มุมที่นั่ง ไม่ กล้าที่จะพูดอะไรสักคำ

หลังจากที่ด่าศักตาเสร็จ ศศินัดดาก็หันหน้าไปมองรพีพงษ์ แล้วพูดกับอารียาว่า : “ลูก ความจริงแล้วลูกลองคิดดูดีๆนะ

รพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรดี ลูกอยู่กับเขา ไม่มีทางที่จะมีความสุข”

“ช่วงนี้ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องปราสาทคริสตัลลูกรู้มั้ย? แม่หาคนสอบถามมาโดยเฉพาะ อันที่จริงไม่มีคนอาศัยอยู่ ด้านใน ที่สำคัญก็ไม่มีอะไรที่เรียกว่าเจ้าชายหรอก คนที่สร้างปราสาทคริสตัล เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมาก เขาสร้าง ปราสาทนี้ ไม่แน่อาจใช้เพื่อแต่งงานกับภรรยาในอนาคต

“แม่มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าสามารถหาเจ้าของปราสาท คริสตัลนี้ได้ ด้วยรูปร่างหน้าตาของลูก มีไม่กี่คนในเมืองริ เวอร์สามารถเทียบได้ กลับไปแม่จะพาลูกไปเจอเจ้าของ ปราสาทคริสตัลนี้ บางที่เขาอาจจะตกหลุมรักลูก อยู่กับ เจ้าของปราสาทนี้ ดีกว่าอยู่กับรพีพงษ์เป็นหมื่นเท่า”

เมื่อได้ยินคำพูดของศศินัดดา รพีพงษ์และอารียาสบตา เข้าหากัน ทั้งคู่แสดงสีหน้าแปลกๆ

“แม่ครับ ความจริง….ผมก็คือเจ้าของปราสาทคริสตัล” รพีพงษ์กล่าว

ศศินัดดาเบะปากใส่รพีพงษ์ทันทีโดยที่ไม่คิดเรื่องนี้เลย มองดูรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไร้สมอง แล้วพูดว่า: “แกคิดว่า ฉันโง่หรือไง? แกยังใช้วิธีนี้มาหลอกฉัน ไม่มีทาง! เจ้าของ ปราสาทคริสตัลฉันเคยเจอแล้ว แม้ว่าจะไม่เคยพูดคุยกับเขา แต่ว่าดูจากรัศมีที่แสดงจากรูปลักษณ์ของเขา ก็มีสง่าราศี มากกว่าแก อย่างแกนะเหรออยากจะปลอมเป็นเจ้าของ ปราสาท หน้าด้านไปหรือเปล่า?”

รพีพงษ์เดาได้ทันทีว่าคนที่ศศินัดดาพูดถึงน่าจะเป็นเธียร วิชญ์ เนื่องจากทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับปราสาทคริสตัล เธียร วิชญ์เป็นคนจัดการทั้งหมด
ศศินัดดาสามารถรู้เรื่องที่เธียรวิชญ์เกี่ยวข้องกับปราสาท คริสตัลได้ ก็ทำให้รพีพงศ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อ คิดถึงว่าตอนนี้ภายใต้ชื่อของศศินัดดายังมีโรงแรมบลูสกา ยอินเตอร์เนชั่นเนล ก็ถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงอยู่ดี ยิ่งไปกว่า นั้นสิ่งที่ศศินัดดาได้รับนั้นไม่ใช่ข่าวสารที่ถูกต้อง มันเป็น เพียงการคาดเดาส่งเดชของตัวเธอเองเท่านั้นเอง

“แม่ค่ะ รพีพงษ์ไม่ได้หลอกแม่ เขา….”อารียาก็ช่วย

อธิบายแทนรพีพงษ์

“เอาล่ะ ลูกก็อย่ามาหลอกแม่พร้อมกับเขา ต่อให้เขาเป็น เจ้าของปราสาทคริสตัลจริง แม่ก็ไม่ให้เขาเข้าบ้าน นี่มันไม่ สำคัญว่าเขามีเงินหรือไม่มี เขาก็เป็นดวงหายนะ ต่อให้จะ ร่ำรวยแค่ไหน อยู่ใกล้เขา ก็มีจุดจบที่ดีไม่ดี”ศศินัดดากล่าว อย่างเด็ดเดี่ยว

รพีพงษ์ถอนหายใจเมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของศศินัดดา แต่ไม่ว่าท่าทีของศศินัดดาจะเป็นยังไง เขาก็จะจัดงาน แต่งงานครั้งนี้กับอารียาให้ได้

“แม่ครับ ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่จะให้เข้าบ้านหรือไม่ให้เข้า ครั้งนี้ที่พวกเราเรียกแม่และพ่อมา จริงๆแล้วอยากแจ้งให้ พวกคุณทราบว่า ผมและแคลร์กำลังวางแผนที่จะจัดงาน แต่งงานอีกครั้ง สถานที่จัดงานก็อยู่ในปราสาทคริสตัล หวังว่าตอนนั้นพวกคุณทั้งสองจะมานะครับ พวกคุณช่วยบอก กับพี่สาด้วย ถึงเวลานั้นให้หล่อนมาด้วย”รพีพงษ์กล่าว
ศศินัดดาตบโต๊ะโดยตรงๆ ยืนขึ้นมา แล้วตะโกนเสียงดัง ว่า: “แกว่าอะไรนะ! พวกเธอกล้าจัดงานแต่งงานอีกครั้งเห รอ? หรือว่างานแต่งงานครั้งนั้นยังขายหน้าไม่พออีกเหรอ? แก่นี้ไม่ปล่อยให้ฉันมีวันดีๆสักวันเลยจริงๆ!”

รพีพงษ์มองไปที่ศศินัดดาย่างสงบ และกล่าวว่า: “งาน แต่งงานครั้งนี้ ผมจะให้ทุกคนมองด้วยความประหลาดใจ”

“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม อารีเป็นลูกสาวของฉัน แกจะจัดงาน แต่งงานกับเธอ ต้องให้ฉันยินยอมถึงจะได้ ฉันไม่ยอม พวก เธอก็อย่าคิดที่จะจัดงานแต่งงานนี้!”ศศินัดดาจ้องมองไปแล้ว ตะโกน

ในเวลานี้อารียาก็ยืมขึ้นมา และพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่ะ “แม่ค่ะ คราวนี้เรามาที่นี่เพื่อแจ้งให้แม่รับรู้ไม่ว่าแม่จะยอม หรือไม่ยอม งานแต่งงานนี้ก็จะจัดขึ้น นี่เป็นเรื่องระหว่างหนู และรพีพงษ์ แม่ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ