พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 642 ลาจาก



บทที่ 642 ลาจาก

ระหว่างทางกลับตามาไม่ละสายตาจากร พงษ์

ผู้ชายคนนี้กลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในสายตาและในหัวใจ ของเธอไปแล้ว

ฝนสุดาสังเกตเห็นแววตาของดามา เธออดกังวลขึ้นมาไม่ได้ อย่าบอกนะว่าเธอจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

“พรพีพงษ์ พี่ฝนสุดา พะ..พวกพี่เป็นใครกันแน่ ห้างสรรพสิน ค้าเชร์สิง เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่มาหลายปีแล้ว พวกพี่ซื้อห้างนี้ จริงเหรอ” ผ่านไปนาน ในที่สุดดามาก็ถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจ ออกมา

รพีพงษ์ยิ้มให้ดามาแล้วพูดว่า “ก็แค่ตกที่นั่งลำบากเท่านั้น

ฝนสุดาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของดามา จากนั้นจึงพูดว่า “ดา ตัวตนของพวกเราค่อนข้างพิเศษ เธอรู้ไปก็ไม่ใช่ว่าจะมีผลดี เธอ เห็นพวกเราเป็นพี่ก็พอแล้ว รอเธอโตขึ้นจะรู้ว่าพวกเราเป็นใคร

ดามาพยักหน้า เธอรู้ดีว่า ตัวเอง ในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะไป รู้ตัวตนของรพีพงษ์กับฝนสุดา

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร สิ่งที่เธอรู้ในตอนนี้คือรพีพงษ์กับ ฝนสุดาดีต่อเธอเป็นอย่างมากก็พอแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน อาดุลกับป้าพิชาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ป้าพิชาจับมือของดามา แล้วเอ่ยถามว่า “ตาไปทำเรื่อง อะไรไม่ดีที่ข้างนอกหรือเปล่า ทำไมวันนี้มีแต่คนเอาของมาส่งให้ เธอ”

“ฉันดูของพวกนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ของราคาถูกๆ เฉพาะเสื้อผ้าพวกนั้น เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ทั้งนั้น เธอไปเอาเงิน มากมายขนาดนั้นมาซื้อของพวกนี้ได้ยังไง” โดย

พูดพลางป้าพิชาก็เอานิ้วชี้ไปยังกองเสื้อผ้ากางเกงและรองเท้า แถมยังมีของอีกมากมาย

ฝนสุดารีบเดินเข้ามาอธิบาย “ป้า เราเป็นคนซื้อของพวกนั้น ให้ดา พอดีวันนี้เจอร้านที่กำลังโต๊ะของเพราะไม่สามารถขายต่อ ไปได้อีก เขาลดราคาสินค้าทั้งหมด พวกเราเห็นว่ามันถูกก็เลย ซื้อมาเยอะ ทั้งหมดแค่ไม่กี่พันเอง”

ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ห้างได้กำชับว่าตอนที่ส่งของให้เอาป้าย ราคาออกให้หมด เพราะกลัวว่าอาดุลกับป้าพิซาเห็นแล้วจะ ตกใจ

เมื่อป้าพิชาได้ยินว่าไม่กี่พันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เธอก็ยังมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่มันทำให้พวกคุณ เสียเงินเยอะ ยัยเด็กนี่จะใช้ของเยอะขนาดนั้นทันได้ยังไง เดี๋ยว ฉันจะเอาเงินคืนให้พวกคุณ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ช่วงนี้พวกคุณช่วยเราเยอะมาก เราซื้อของ ให้นิดหน่อย ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้ว” ฝนสุดายิ้มแล้วพูด ออกมา
ป้าพิชายังไม่ยอม แต่เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของฝนสุดา เธอจึง ไม่พูดอะไรออกมาอีก

มีแค่ตามาเท่านั้นที่รู้ดีว่า ถึงครอบครัวของเธอจะพยายาม

ไปสิบปีก็ไม่สามารถซื้อของที่วางกองอยู่ตรงมุมนั้นได้ ช่วงค่ำ ดามาใช้โอกาสตอนที่ฝนสุดาอาบน้ำมาหารพิพงษ์

สีหน้าของเธอดูแปลกใจเล็กน้อย

“พรพีพงษ์ ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจผิด เพราะรู้สึกว่าพี่ฝนสุดา สวยขนาดนั้น แต่กลับเย็นชากับเธอ แล้วตำหนิว่าพี่เป็นผู้ชาย สวะ วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่าที่แท้พี่เก่งขนาดนี้ มิน่าล่ะพี่ฝนสุดาถึงชอบพี่ ขนาดนี้ แต่ฉันอยากรู้ว่าพี่ฝนสุดาทำเพื่อพี่ขนาดนั้น แต่ทำไมพี่ ยังเป็นห่างเหินกับเธอแบบนั้น

เมื่อได้ฟังคําถามของดา รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วเล่าเรื่องที่ ตัวเองแต่งงานแล้ว เขากับฝนสุดาจึงเป็นได้เพียงเพื่อนเท่านั้น

“ในใจของฉันมีเพียงภรรยาเท่านั้น แน่นอนว่าไม่สามารถมี ความสัมพันธ์อื่นกับฝนสุดา ความดีของเธอ ฉันจะจำไว้เป็นบุญ คุณ ต่อไปจะต้องตอบแทนเธอแน่นอน สำหรับความรู้สึกของเธอ ฉันคงต้องเคารพรักอยู่ห่างๆ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ดามาเข้าใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าจะมีสาเหตุนี้อยู่ตรง

กลางเรื่องนี้

“โลกของผู้ใหญ่มันช่างวุ่นวาย แต่ตามที่ฉันเข้าใจ ผู้ชายที่ ประสบความสำเร็จ จะมีผู้หญิงเยอะหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็น ไปไม่ได้ อีกอย่างคนที่ดีเลิศมักจะดึงดูดสายตาของผู้หญิง” ดาณิมาพูดแล้วยิ้มออกมา

รพีพงษ์กลอกตาใส่เธอแล้วพูดว่า “ไม่รู้จักทำตัวดีตั้งแต่เด็ก รีบไปนอนซะ

ดามาแลบลิ้นใส่รพีพงษ์ แล้วก็รีบกลับไปที่ห้องของตัวเอง

รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ แล้วมองไปยัง ห้องนํ้า แววตาของเขาดูสับสน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากนั้น เมื่อรพีพงษ์ฟื้นฟูบาดแผลอย่างสงบ ระหว่างนั้น

เขาก็ติดต่อกับอารียาตลอด

เมื่อแน่ใจว่าช่วงนี้ไม่มีปัญหาอะไรในตระกูลลัดดาวัลย์

ฝนสุดาพยายามทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจจากรพีพงษ์ หนึ่งในวิธีที่ทำให้รพีพงษ์หวาดกลัวที่สุดคือฝีมือการทำอาหาร ของฝนสุดา ถ้าไม่ใช่เพราะแผลของเขาใกล้จะหายดี เขารู้สึกว่า ตัวเองอาจจะไม่ได้ตายด้วยบาดแปล แต่จะตายเพราะการทำ อาหารของฝนสุดา

หลังจากผ่านเรื่องที่ห้างสรรพสินค้า เทพภวันกับญาณิศาไม่ กล้าหาเรื่องดามาอีก อีกทั้งป้าของเทพภวันยังไปโวยวายที่ บ้านของเทพกวัน ทำให้เทพภวันรู้ว่าปัญหาระหว่างชายหญิงที่มี มาแต่ช้านาน และเขาต้องนอนโรงพยาบาลจากเรื่องนี้

จากการแนะนำของฝนสุดาทำให้ดามากลายเป็นคนมีความ มั่นใจมากขึ้น เพื่อนในโรงเรียนของเธอก็เยอะขึ้น

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ บาดแผลบนตัวของรพีพงษ์สมานกันเรียบร้อย เขาตั้งใจบอกลาครอบครัวของดามา และกำชับ

ครอบครัวของดามาไม่ให้พูดเรื่องของพวกเขา จากนั้นเขาจึง

เริ่มเดินทางออกตามหาอาจารย์ หลังจากที่ครอบครัวของดามาส่งรพีพงษ์กับฝนสุดา

เรียบร้อย ก็ตรงกลับบ้านทันที

ขณะนี้มีชายแต่งตัวสุดเนี้ยบ เขาสวมสูทและรองเท้าหนังยืน รออยู่ที่หน้าบ้านของดามา ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้ม คนที่ว่าก็คือผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าเซร์สิง ผู้จัดการทั่วไปโอ ชวินนั่นเอง

เมื่ออาดุลกับป้าพิชาเห็นผู้จัดการทั่วไปโอซวิน ต่างพากัน แปลกใจ แต่ดามากลับตกใจ เพราะเธอรู้ว่าเขาคือผู้จัดการ ของห้างสรรพสินค้าเซร์สิง

“คุณคือใครครับ” อาดุลเดินเข้าไปถามอย่างมีมารยาท

ผู้จัดการทั่วไปโอซวินยิ้มให้ทั้งสามคน จากนั้นจึงพูดว่า “ผม คือผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าเซร์สิงครับ การที่ผมมาโดยไม่ บอกกล่าว เพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาแจ้งกับทั้งสามท่านครับ”

“เรื่องน่ายินดี?” ทั้งสามคนอึ้งไป

ผู้จัดการทั่วไปโอชวินดึงกระดาษและบัตรสีทองออกมาจากสูท แล้วพูดว่า “ลูกสาวของคุณทั้งสองคน ซึ่งก็คือคุณดามา เธอถูก ใส่ร้ายตอนที่อยู่ในห้างของเราเมื่อไม่นานมานี้ เราไม่ได้ชดเชย ให้ทันเวลา พอดีกับตอนนี้ห้างของเราจัดตั้งทุนการศึกษา เพื่อ ช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม โดยเฉพาะ พวกเราได้ตรวจสอบผลการเรียนของคุณดาฌิมา และเห็นว่าเธอตรงตาม เงื่อนไขที่จะได้รับทุนการศึกษา

“เพราะฉะนั้นครั้งนี้ผมจึงมามอบทุนการศึกษาให้คุณดามา นี่คือหนังสือยินยอมรับทุนการศึกษา แค่คุณเซ็น คุณก็จะได้รับ ทุนการศึกษาจํานวนหนึ่งล้าน และบัตรสีทองใบนี้คือการชดเชย จากห้างของเรา เมื่อใช้บัตรนี้พวกคุณสามารถเอาของในห้าง

ของเราได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการทั่วไปโอซวินพูดขึ้น ทั้งสามคนอึ้งไปใน ทันที อาดุลและป้าพิชาสีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่ดา มากลับมีสีหน้าตื้นตัน จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

เธอรู้ดีว่า รพีพงษ์กับฝนสุดาเป็นคนทำสิ่งนี้ให้กับครอบครัว ของเธอ ทุนการศึกษากับสิ่งชดเชยมันแค่ข้ออ้างเท่านั้น

“พรพีพงษ์ พี่ฝนสุดา พวกพี่วางใจได้เลย ฉันจะขยันเรียนเพื่อ

ตอบแทนบุญคุณของพวกพี่ในอนาคต!

แต่สิ่งที่แม้แต่ดามาก็ยังไม่รู้คือ สิ่งที่รพีพงษ์ทิ้งไว้ให้ดามา ไม่ใช่แค่เงินหนึ่งล้านกับบัตรนั่น แต่เป็นห้างห้างสรรพสินค้าเช สิงทั้งห้าง

แต่มันจะเป็นผลก็ต่อเมื่อดามาจบมหาวิทยาลัย เมื่อถึงตอน นั้นผู้จัดการทั่วไปโอชวินจะเป็นผู้จัดการขั้นตอนทั้งหมด การที่รพีพงษ์ทำเช่นนี้ ก็เพราะเขากังวลว่าจะลำบากเพราะห้างแห่งนี้
แน่นอนว่ารพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าในอนาคตตามาจะเป็นเช่นไร แต่ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องจําเป็นที่เขาจะต้องเอาไปใส่ใจอีกแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ