พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 384 ตอนนี้พวกเราเข้าไปได้หรือยัง



บทที่ 384 ตอนนี้พวกเราเข้าไปได้หรือยัง

“เอ่อ ผมไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ คุณอธิชนม์เป็นคนที่เชิญผมมา จริงๆ เดี๋ยวผมโทรศัพท์คุณก็จะเข้าใจเอง” รพีพงษ์รู้สึกถึง ทำที

ของบริกร ไม่โกรธเขา และอธิบายอย่างอดทน

เห็นได้ชัดว่าพนักงานเสิร์ฟไม่เชื่อว่ารพีพงษ์มีหมายเลข โทรศัพท์ของคุณอธิชนม์ คุณอธิชนม์เป็นถึงผู้ประกอบการ รายใหญ่

ที่สุดในเมืองบาสแตร์ งานเลี้ยงการกุศลในวันนี้เขาเป็น คนจัด คนใหญ่คนโตประเภทนี้ ปกติเชิญคนอื่นมางานเลี้ยง

ไม่มี

การเชิญด้วยวาจา อย่างน้อยจะต้องมีบัตรเชิญ

ยิ่งไปกว่านั้นรพีพงษ์และภารจาดูเหมือนจะธรรมดาเกินไป คนที่มาร่วมงานในวันนี้ไม่มีใครที่ไม่แต่งตัวหรูหราดึงดูด

สายตา

พวกเขาทั้งสองคนไม่เหมาะสมกับงานเลี้ยงระดับนี้จริงๆ

“ภารจา นางแพศยาทำไมมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ อย่าบอกนะ ว่าเธอก็มางานเลี้ยงของวันนี้ด้วย และซู้รักอีกคน เป็นอะไร นี่

มา เป็นมิจฉาชีพในงานเลี้ยงการกุศลเหรอ?”

ไอศิราเดินมาถึงข้างๆรพีพงษ์และภารจา และพูดอะไร แปลกๆ

ภารจาหันศีรษะและมองไปที่ไอศิรา เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ พบไอศิราในสถานที่แห่งนี้ และสถานการณ์ที่ถูกบริกรขวาง

ไว้

ชั่วขณะใบหน้าของภารจาก็อึดอัดเล็กน้อย

“คุณไอศิรา สองคนนี้บอกว่าคุณอธิชนม์เป็นคนเชิญพวก เขามา แต่พวกเขาก็ไม่มีบัตรเชิญ ขอถามคุณรู้จักพวกเขา

ไหม ถ้า

คุณอธิชนม์เป็นคนเชิญพวกเขามาจริงๆ ผมจะปล่อยพวก เขาเข้าไป” บริกรรู้จักไอศิรา ก็เลยรีบถามอย่างรวดเร็ว

เมื่อไอศิราได้ยินคำพูดของบริกร เขาก็หัวเราะออกมาทันที ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่น่าตกใจ ซึ่งดึงดูดความสนใจ

จาก

ผู้คนรอบข้างมาก

“พวกคุณมาดูสิ สองคนนี้บอกว่าคุณอธิชนม์เป็นคนเชิญ พวกเขามา แต่ไม่มีบัตรเชิญ ช่างเป็นเรื่องตลกจริงๆ สมัยนี้

มิจฉาชีพมีทุกรูปแบบจริงๆ ยังมีพวกมิจฉาชีพในงานเลี้ยง

UCM การกุศล” ไอศิราตะโกนเสียงดัง

รอบๆมีคนมากมายมองไปที่เธอทันที พวกเขามองรพีพงษ์ และภารจาตั้งแต่หัวจรดเท้า และพบว่าทั้งสองไม่เหมือนคนที่

จะ

เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ได้”

ชายคนนี้ ขับรถซานตาน่าที่เกือบต้องโละทิ้งแล้ว และดู เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ คนแบบนี้จะมีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยง

ที่คุณ

อธิชนม์เป็นเจ้าภาพได้อย่างไร?”

“ผู้หญิงคนนี้ เป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน มีข่าวลือมากมาย ในมหาวิทยาลัย ว่าเธอเป็นผู้หญิงนั่งดริ้ง มีแต่จะยั่วยวน ผู้ชาย คุณคิด

ว่าคุณอธิชนม์จะเชิญคนแบบนี้มางานเลี้ยงไหม?””

ไอศิราแนะนำรพีพงษ์และภารจาอย่างดูถูกเหยียดหยาม ให้กับคนรอบข้าง โดยต้องการทำให้พวกเขาอายที่จะอยู่ต่อ

ใน

สถานแห่งนี้

หลังจากคนรอบข้างได้ยินคำพูดของไอศิรา ก็เริ่มพูดคุย ซุบซิบกันทันที สายตาที่มองรพีพงษ์และภารจาก็ดูแปลกๆ “ยังมีคนที่อยากแอบเข้าไปในงานเลี้ยงของคุณอธิชนม์ ช่างตลกจริงๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจำเป็นต้องมีบัตรเชิญ สำหรับ

งานเลี้ยงนี้”

งานเลี้ยงเพื่อการกุศลของคุณอธิชนม์ไม่ใช่ใครก็สามารถ เข้าร่วมได้ คนที่ขับรถซันตาน่ายังอยากแอบเข้าไปคงคิดว่า

สามารถหลอกตัวเองได้ คิดว่าจะกลายเป็นคนชั้นสูงได้

จริงๆ

“รีบไล่พวกเขาออกไป ให้คนแบบนี้ปรากฏตัวในงานเลี้ยง มันจะพาพวกเราตกต่ำไปด้วย รีบโทรเรียกรปภ. ฉัน

ไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้”

เมื่อเห็นว่าทุกคนรอบตัวเขาเริ่มล้อและประชดรพีพงษ์และ ภารจาไอศิราก็แสดงท่าทางที่ได้ชัยชนะ

ภารจารู้สึกอับอาย เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้ อย่างไร เธอจึงหันหน้าไปมองรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆเธอ

เธอเห็นว่าคุณอธิชนม์เป็นคนเชิญรพีพงษ์มางานเลี้ยงนี้ เธอจึงรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้โกหก แต่ถูกคนจำนวนมากกล่าวหา

ชั่วขณะเธอก็ตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่ารพีพงษ์โกรธเล็กน้อย พอไอศิรามาถึงก็มา ป่วนทันที ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แต่เขาไม่สนใจไอศิรา แต่กลับโทรหาคุณอธิชนม์ ขอเพียงโทรเรียกคุณอธิชนม์มา ความเย่อหยิ่งของไอศิรา

ไม่ต้องทำอะไรเขาก็จะพ่ายแพ้ทันที

เติมทีไอศิรายังอยากที่จะประชดประชันรพีพงษ์กับภารจา อีก แต่ในเวลานี้คนหนุ่มสาวหลายคนในโรงแรมกวักมือ

เรียกเธอ

บอกเธอให้รีบเข้าไปโดยเร็ว

ไอศิราตอบรับคนเหล่านั้น และหันไปหาบริกรแล้วพูดว่า “รีบไล่สองคนนี้ออกไป มิเช่นนั้นถ้าคุณอธิชนม์เจอ พวกนาย

จะช่วย”

หลังจากพูดเสร็จ เธอก็รีบเดินเข้าไปข้างใน

หลังจากที่ไอศิราเข้าไปแล้ว บริกรก็เหลือบมองคนทั้งสอง อย่างไม่สบอารมณ์ และพูดอย่างเย็นชาว่า “จะให้ฉันไล่

พวกคุณออกไปหรือคุณจะออกไปเอง ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่ อย่าโทษว่าฉันไม่สุภาพ”

ในเวลานี้รพีพงษ์ได้โทรหาอธิชนม์ และไม่สนใจพนักงา

นบริกร “คุณชาย คุณอยู่ในงานเลี้ยงหรือยัง ผมอยู่ตรงนี้มีปัญหา นิดหนึ่งยังจัดการไม่เสร็จไม่สามารถไปรับคุณด้วยตัวเอง เมื่อคุณ

ไปถึงหน้าประตูเอาโทรศัพท์ให้บริกร ผมจะบอกเขาเอง ว่าให้คุณเข้าไป” อธิชนม์พูด.

“พวกเรามาถึงหน้าประตูแล้ว เพียงแต่ว่าบริกรต้อนรับ บอกว่าผมและน้องสาวไม่มีคุณสมบัติที่จะไปร่วมงานเลี้ยง ดังนั้น

จึงไล่พวกเราออกไป” รพีพงษ์พูด

เสียงของอธิชนม์ดูตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เขารีบพูด ว่า “คุณชาย นี่เป็นความผิดพลาดของผมเอง เดี๋ยวผมจะไป

รับ

โทษด้วยตัวเอง ตอนนี้คุณเอาโทรศัพท์ของคุณให้กับบริ

กร ผมจะบอกเขาเอง”

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมองบริกรและพูดว่า “คุณอธิชนม์หา

คุณ”

บริกรถึงกับผงะ จากนั้นก็เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “คุณคง แสดงจนติดนิสัยแล้วมั้ง คุณคิดว่าแค่การโทรศัพท์ก็แกล้ง

แสดง

เป็นคุณอธิชนม์ได้เหรอ ผมขอแนะนำให้คุณอย่าเสียเวลา เลย”

“ผมคิดว่าคุณควรฟังสิ่งที่เขาพูดก่อนดีกว่า” พีรพงษ์พูด

บริกรรับโทรศัพท์อย่างสงสัย แนบไว้ที่หูของเขา และพูด ว่า “คุณคิดว่าใครๆก็สามารถแกล้งแสดงเป็นคุณอธิชนม์ได้

เหรอ

ขอบอกคุณ ผมจะไม่ถูกคนอย่างพวกคุณใช้วิธีสกปรก

หลอก..

“บอกชื่อของนายมา ต่อไปนายไม่ต้องมาทำงานแล้ว” เสียงโกรธของอธิชนม์ดังขึ้น

หลังจากได้ยินเสียงของอธิชนม์บริกรก็ตกตะลึง การจำ เสียงของคุณอธิชนม์ค่อนข้างแม่นยำ บริกรคนนี้มักจะฟัง

เสียงพูดของคุณอธิชนม์ในทีวี ดังนั้นเขาจึงสามารถจำ เสียงนี้ได้

“คุณ..คุณเป็นคุณอธิชนม์จริงๆหรือ?” บริกรถามอย่าง ระมัดระวัง

“ถ้าฉันไม่ใช่คุณอธิชนม์แล้วนายเป็นคุณอธิชนม์เหรอ? ฉันคงไม่ว่างมากที่จะมาล้อเล่นกับนายหรอก? คนที่นาย ขวางไว้

เป็นแขกคนสำคัญที่สุดของฉัน ตอนนี้นายรีบปล่อยเขา เข้าไปเลย ไม่อย่างนั้นนายไม่เพียงตกงาน ยังต้องรองรับ ความโกรธ

ของฉัน!” อธิชนม์ตวาดออกมา

บริกรตัวสั่น เขาไม่คาดคิดว่า รพีพงษ์ โทรหาคุณอธิชนม์ จริง ๆ และคุณอธิชนม์ยังบอกว่ารพีพงษ์เป็นแขกคนสำคัญ ที่สุดใน

คืนนี้ของเขา

“คุณ คุณอธิชนม์ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมจะปล่อยพวก เขาเข้าไปทันที ท่านอย่าโกรธเลย ผมไม่ทราบจริงๆว่าเขา

เป็นแขก

ของท่าน เมื่อมองจากรูปลักษณ์ของพวกเขา ฉันคิดว่าเป็น พวกมิจฉาชีพ..” บริกรพูดด้วยความตื่นตระหนก

“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ รีบคืน โทรศัพท์โดยเร็ว” อธิชนม์พูด

เสียงเข้ม

บริกรรีบส่งโทรศัพท์คืนทันที และมือก็เริ่มสั่นอย่าง ควบคุมไม่ได้

“คุณ คุณผู้ชายครับ โทรศัพท์ของคุณ”

รพีพงษ์รับโทรศัพท์คืน อธิชนม์รีบพูด “คุณชาย คุณอย่า โกรธเลย ผมจัดการเรื่องตรงนี้เสร็จจะรีบไปหาคุณ ยอมรับ

ความผิดด้วยตัวเอง” รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร และวางสายโทรศัทพ์ทันที

เขาจ้องไปที่บริกร และถามว่า “ตอนนี้พวกเราเข้าไปได้

หรือยัง?”

บริกรจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัวและตะลึง เมื่อ นึกถึงสิ่งที่คุณอธิชนม์พูดในขณะนั้น ก็ตกใจจนอึ้ง

ผ่านไปสักพัก บริกรก็ตั้งสติขึ้นมาได้ และพูดกับรพีพงษ์ ด้วยสีหน้าเสียใจ “ท่านครับ เป็นเพราะผมมีตาหามีแววไม่

เรื่องนี้ได้โปรดให้คุณช่วยขอร้องคุณอธิชนม์ ผมสมควร ตาย ที่ไปขวางไม่ให้พวกคุณเข้าไป และผมก็ไม่ควรไปพูด แบบนั้น

กับคุณ มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด”

“เมื่อเห็นบริกรเริ่มขอโทษ รพีพงษ์ก็รู้ว่าเขาเข้าไปได้แล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจบริกร และพาภารจาเข้าไปข้างใน

บริกรรู้สึกกังวลใจ ไม่กล้าที่จะขวางทางรพีพงษ์ และพูด ขอความเมตตาตลอด

คนรอบข้างต่างตกใจเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาคิดว่าบริกร จะไล่รพีพงษ์ออกไป แต่หลังจากฟังโทรศัพท์แล้ว ก็หันกลับ

มาขอ

โทษ” “โอ้พระเจ้า ปฏิกิริยาของบริกรทำไมเปลี่ยนแปลงเร็ว ขนาดนี้ และเขาปล่อยให้สองคนนั้นเข้าไปได้อย่างไร?”

“เป็นไปได้ไหม คนคนนั้นเป็นเพื่อนของคุณอธิชนม์จริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ