พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่329กล้ำกลืนฝืนทนต่อความอับอาย



บทที่329กล้ำกลืนฝืนทนต่อความอับอาย

ในคฤหาสน์ วีธรานั่งอยู่บนโซฟา จ้องมองสิ่งของ ของรพีพงษ์ที่ถูกศศินัดดาโยนออกไปด้วยความสนใจ บนใบหน้าแสดงถึงความดูถูก ดูหมิ่น ท่าทางที่เยาะเย้ย

อารียาพวกเขาทั้งสี่คนยังคงถูกแขวนไว้ด้วยเชือก เนื่องจากถูกแขวนไว้เป็นเวลานานเกินไป และมีรอยรัดที่ ข้อมือของพวกเขาหลายคน เนื่องจากศศินัดดาและชนิส ราทั้งสองอายุมากแล้ว สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปซีดเซียว

บอดี้การ์ดหลายคนที่วีธราพามาได้ถูกจัดไว้ให้อยู่หลัง ประตูแล้ว เพียงแค่รพีพงษ์กลับมา บอดี้การ์ดพวกนี้ก็จะ ออกมือจัดการจับตัวรพีพงษ์

“รพีพงษ์เป็นคนที่น่าเบื่อจริงๆ ดูมีสิ่งของเหล่านี้ตอนที่ เขาอยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ก็มี คิดไม่ถึงว่าผ่านมาหลายปี แล้ว เขาก็ยังไม่ทิ้งอีก ดูเหมือนว่าเขายังคงโลภในทรัพย์ สมบัติของตระกูลลัดดาวัลย์ พวกสิ่งของไร้ประโยชน์ เขาก็ทิ้งไม่ลง น่าตลกสิ้นดี”วีธราพูด

“รพีพงษ์เพียงแค่ระลึกถึงความหลัง ทรัพย์สมบัติของ ตระกูลมีอะไรให้ไปลุ่มหลง อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเกิน ไป”อารียาพูด

วีธราเบะปาก ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอารียา ใน ความคิดของเธอ รพีพงษ์ไม่โยนของพวกนี้ทิ้ง ก็เพราะ เสียดายทรัพย์สมบัติของตระกูลลัดดาวัลย์ ของที่ไร้ค่า เช่นนี้ ไม่คู่ควรเป็นลูกชายของเธอ “เมื่อไหร่คุณจะปล่อยฉันสักที? คุณดูฉันก็ช่วยคุณ

เรียกตัวรพีพงษ์กลับมาแล้ว คุณปล่อยตัวฉันลงมาก่อน

เถอะ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว”ศศิ นัดดาวิงวอนข้อร้องกับวีธรา “รอให้ฉันจับตัวเศษสวะรพีพงษ์ได้ก่อน แล้วดู สถานการณ์ก่อนแล้วค่อยปล่อยพวกแก สำหรับอารียา ก็

รอฝังไปพร้อมกับรพีพงษ์เถอะ”วีธรากล่าว

“อย่านะ ฉันมีลูกสาวเพียงคนเดียว เขาก็แค่ถูกเศษ สวะรพีพงษ์ทำให้ลุ่มหลงไปเท่านั้นเอง คุณเพียงแค่ จัดการกับรพีพงษ์ก็พอ เว้นลูกสาวของฉันไว้ พวกเรายัง หวังให้เธอเลี้ยงตอนแก่”ศศินัดดารีบพูดทันที

“แม่ค่ะ ครั้งนี้แม่ทำให้หนูผิดหวังมากจริงๆ ถ้าหากว่า เกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์ หนูก็จะตายพร้อมกับเขา พวกคุณ ก็ไปหาคนอื่นเลี้ยงดูตอนแก่เถอะ”อารียาตัดสินใจอย่าง เด็ดขาดแล้วพูด

จู่ๆวีธราก็ยิ้มเล็กน้อย บนใบของเธอเต็มไปด้วยความ เจ้าเล่ห์จ้องมองไปที่อารียา แล้วถาม: “เธอถูกไอ้เศษสวะ รพีพงษ์ล้างสมองจริงๆเหรอ เขาถูกฉันขับไล่ออกมาจาก ตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญได้ยินมาว่าเขา ไม่ได้ทำอะไรเลยในสามปีที่ผ่านมา เธอจะยอมทิ้งพ่อแม่ เพื่อคนแบบนี้ มันคุ้มค่าไหม?”

“รพีพงษ์ไม่ได้ไร้ประโยชน์เหมือนที่คุณคิด ต่อให้ เดี๋ยวเขาจะกลับมาจริงๆ แค่คนที่คุณพามาไม่กี่คน ก็ไม่ สามารถรับมือกับเขาได้”อารียาตอบโต้กลับ สีหน้าวีธราเต็มไปด้วยความดูถูก ครั้งนี้บอดี้การ์ดที่ เขาพาออกมาด้วย ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของ ตระกูลลัดดาวัลย์ เลือกมาหนึ่งคน สามารถต่อสู้ได้หนึ่ง ต่อสิบ ดังนั้นรพีพงษ์จะรับมือกับพวกเขาได้อย่างไร

“ฉันรู้ว่ารพีพงษ์มีทักษะการต่อสู้บ้างก็จริง ครั้งก่อน เขากลับไปที่เกียวโต เขาเอาชนะนิรมัทได้ น่าเสียดายที่ ความแข็งแกร่งนิรมัทถือว่าไม่มีค่าอะไร พวกคนที่ฉันพา มา ทุกคนเทียบเท่ากับนิรมัทสามคน ต่อให้รพีพงษ์จะเก่ง เหนือมนุษย์ ก็ไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้”สีหน้าของ วีธราเต็มไปด้วยความมีชัย และมั่นใจในตัวยอดฝีมือของ ตระกูลลัดดาวัลย์มาก

ในเวลานี้บอดี้การ์ดที่ประตูหันไปมองที่วีธรา แล้วพูด: “นายใหญ่ มาคนแล้วครับ”

วีธราหันหน้าไปทางประตูทันที หลังจากนั้นไม่นาน ประตูของคฤหาสน์ก็เปิดออก และรพีพงษ์ก็เดินเข้ามา จากข้างนอกคนเดียว

หลังจากเห็นอารียาทั้งสี่คนที่ถูกแขวนห้อยอยู่ รพี พงษ์ก็โกรธขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งสองข้างของเขามองไป ที่วีธรา กัดฟันและพูดว่า: “คุณรนหาที่ตาย!”

วีธราลุกขึ้นจากโซฟา สีหน้าเจ้าเล่ห์จ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วพูด: “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะโชคดีขนาดนี้ สามารถหนีรอดได้ออกมาจากเงื้อมมือของหอการค้าสมุน. ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินแกต่ำไป”

“คุณน่าจะคิดไม่ถึงว่าฉันจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ตอนนี้ ฉันก็คิดไม่ถึงว่าแกจะสามารถปลอมเป็นลูกชายของฉัน

มานานขนาดนี้ ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแก บอกมาว่าตอนนี้

ลูกชายของฉันอยู่ที่ไหน ฉันสามารถทำให้คุณตายอย่าง สบายได้” ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีอารมณ์มาสนใจวีธรา ดวงตาทั้ง สองของเขามองไปที่บนตัวของอารียา หลังจากสังเกต

เห็นรอยแส้บนร่างกายของเธอ หัวใจก็เจ็บปวดทันที และ

เขากำลังจะรีบพุ่งไป ช่วยอารียาลงมา

ในขณะนี้ บอดี้การ์ดหลายคนที่วีธราจัดเตรียมไว้ที่ ด้านหลังประตู ก็พุ่งตัวไปที่รพีพงษ์อย่างรวดเร็ว และล้อม รอบตัวรพีพงษ์

รพีพงษ์มองกวาดไปรอบๆ และระเบิดรัศมีแห่งการ สังหารออกมา ตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นสภาพที่น่าสงสาร ของอารียา ในใจของรพีพงษ์ก็เกิดความอยากฆ่าวีธรา

เนื่องจากว่าวีธราไม่เคยถือว่ารพีพงษ์เป็นลูกชายของ ตัวเอง อย่างนั้นรพีพงษ์ก็ไม่จำเป็นต้องถือว่าวีธราเป็นแม่ ของตัวเอง

สิ่งที่อยู่ระหว่างพวกเขาสองคน ไม่มีอะไรมากไปกว่า ความเกลียดชังที่ไม่มีที่สิ้นสุด และตอนนี้ในสายตาของรพี พงษ์วีธราก็เป็นเพียงแค่คนที่แย่งสมบัติของตระกูลลัดดา วัลย์ และเป็นศัตรูที่พยายามจะทำร้ายเขาอยู่ตลอดเวลา นั้นเอง

“รพีพงษ์ มียอดฝีมือของตระกูลลัดดาอยู่ที่นี่ วันนี้แก ไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันเตือนแกรีบบอกเรื่องราวที่เกี่ยว กับลูกชายของฉันมาโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ฉันจะ ปล่อยให้แกแหกตาดูภรรยาของแกถูกฉันต็จนตาย”

วีธราพูดพลาง เอื้อมมือไปหยิบแส้บนโต๊ะ และโบกให้ รฟีพงษ์

“รพีพงษ์ นายรีบฟังคำพูดของเขาซะ เขาให้แกทำ อะไรก็ทำซะ ต่อให้เขาจะเอาชีวิตของแก แกก็ต้องเอา ชีวิตของแกให้ ฉันไม่ต้องการให้ชีวิตของลูกสาวฉันถูก ทำลายเพราะแก”ศศินัดดารีบตะโกนทันที

รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่วีธรา ตะคอกอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า: “แค่คนอย่างพวกแกเหรอ ฝันไปเถอะ!”

หลังจากนั้น รพีพงษ์ก็ลงมือกับบอดี้การ์ดที่อยู่ตรง หน้า เขาชกไปหนึ่งหมัด บอดี้การ์ดคนนั้นไม่ได้เห็นเขา อยู่ในสายตาเลย แต่เมื่อเขาเห็นความเร็วหมัดของรพี พงษ์ บนใบหน้าก็แสดงออกถึงความกลัว หมัดนี้เร็วกว่า ความเร็วในการตอบสนองของเขาหลายเท่า

แม้ว่าตาของเขาจะมองเห็นว่ารพีพงษ์ปล่อยหมัดมา แต่ร่างกายของเขาตอบสนองไม่ทัน

หมัดนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของบอดี้การ์ดอย่างเต็มๆ และ บอดี้การ์ดก็พุ่งบินออกไป โดยชนกำแพงด้านหลัง กระแทกกำแพงจนผิวกำแพงลอกออกมา

บอดี้การ์ดล้มลงกับพื้น และมีเลือดไหลพุ่งออกมาจาก ปาก และภายในไม่กี่วินาที ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

เพราะเขาไม่ต้องการให้อารียาต้องทนทุกข์ทรมานอีก ต่อไป ดังนั้นรพีพงษ์จึงใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในครั้งนี้ แม้ว่าบอดี้การ์ดที่วีธราพามาจะเป็นยอดฝีระดับสูงของ ตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่สามารถรับมือกับการโจมตีอย่าง เต็มที่ของรพีพงษ์ได้

วีธราที่จ้องมองนิ่งๆอย่างเชื่อมั่นก็ตะลึงไปเลย ตอน แรกเธอคิดว่าที่รพีพงษ์สามารถเอาชนะนิรมัทได้ ความ แข็งแกร่งน่าจะสูงกว่านิรมัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และ บอดี้การ์ดของเขาล้วนแต่มีความสามารถที่เทียบกับนิ รมัทได้หนึ่งต่อสาม ใครจะไปรู้ว่ารพีพงษ์จะสามารถ จัดการได้ด้วยเพียงหมัดเดียว

เมื่อศศินัดดาและศักดาเห็นว่าการเคลื่อนไหวของรพี พงษ์ ก็ตกตะลึง โดยเฉพาะศศินัดดา คิดถึงตอนนั้นที่ เธอปฏิบัติกับรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์มักจะอดกลั้นมันไว้ทุก ครั้ง ถ้าให้เธอมาหนึ่งหมัดเหมือนกัน เธออาจถูกฝังอยู่ใน ดินไปตั้งนานแล้ว

หลังจากที่รพีพงษ์จัดการกับบอดี้การ์ดไปได้อีกหนึ่ง คน ก็ไม่ลังเลที่จะหันกลับไปจัดการบอดี้การ์ดที่อยู่ด้าน หลังตัวเอง

หลังจากที่บอดี้การ์ดได้เห็นความเก่งกาจของรพีพงษ์ ก็ไม่กล้าชะล่าใจ และวางแผนที่จะร่วมมือกันเพื่อควบคุม รพีพงษ์

อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงประเมินรพีพงษ์ต่ำไป แม้ว่าพวกเขาร่วมมือกัน แต่สำหรับรพีพงษ์ ก็ยังคง อ่อนแออยู่ดี

ทักษะร่างกายของรพีพงษ์นั้นว่องไว บอดี้การ์ดหลาย คนถูกสะบัดไปต่อหน้า เขาใช้พลังจากทุกส่วนของ ร่างกายอย่างสุดขีด เพียงแค่นาทีเดียวที่หายใจก็กระทืบ บอดี้การ์ดสองคนล้มลง

วีธราที่มองดูบอดี้การ์ดของตัวเองที่ถูกจัดการได้อย่าง ง่ายดาย ในใจก็รู้สึกหวาดกลัว เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ที่ตัวเอง มาที่เมืองริเวอร์ มาผิดจริงๆ เพราะว่าบอดี้การ์ดหลายคน ที่เธอพามานั้น คิดไม่ถึงว่าคนพวกนี้แม้แต่รพีพงษ์คน เดียวก็ยังรับมือไม่ได้

เขาควรจะเป็นเศษสวะในสายตาของคนอื่นไม่ใช่เห รอ? ทำไมถึงเก่งกาจได้ขนาดนี้?

อีกหมัดถูกชกออกไป ร่างของบอดี้การ์ดคนสุดท้ายก็ ล้มลงกับพื้น หลังจากนั้นก็กระตุกสองครั้ง ก็ไม่มีการ เคลื่อนไหวใดๆ

หลังจากที่จัดการกับบอดี้การ์ดทั้งหมดแล้ว รพีพงษ์ ไม่ได้สนใจวีธรา แต่รีบเอามีดปอกผลไม้บนโต๊ะ เดินไปที่ อารียา ตัดเชือกที่ข้อมือออก เธอวางมันลงมา

เขามองไปที่รอยแผลเป็นบนร่างกายของอารียาอย่าง ทุกข์ใจ และถามอย่างอ่อนโยน : “เจ็บมั้ย?”

อารียาส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ฉันไม่เป็นไร นายควรจะ จัดการเรื่องนี้ก่อนเถอะ พ่อแม่ของฉันและพี่สาพวกเขายัง แขวนอยู่ข้างบนนะ”

แล้วรพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็รีบปล่อยศศินัดดาพวก เขาสามคนลงมา

หลังจากที่ทำเช่นนี้เสร็จ รพีพงษ์ก็จ้องมองไปที่วีธรา อย่างอาฆาตแค้น แล้วพูดอย่างเย็นชา: “คุณยั่วให้ฉัน โมโหแล้ว วีธรา ครั้งคุณก้าวเข้ามาในกับดักนี้เอง คุณอย่า โทษว่าฉันโหดเหี้ยม”

วีธราส่ายหัว พร้อมกับปนฟีมพำ: “เป็นไปไม่ได้ นี่มัน เป็นไปไม่ได้ ทำไมแกถึงได้เก่งกาจขนาดนี้ แกเป็นเพียง แค่เศษสวะเท่านั้นเอง ควรจะถูกฉันจับตัวไว้สิ จากนั้นก็ จะถูกฉันกำจัด ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้?”

รพีพงษ์แสยะยิ้ม แล้วพูดว่า: “ฉันอยู่ที่นี่ต้องกล้ำกลืน ฝืนทนต่อความอับอายที่เป็นเศษสวะมาหลายปี ทุกคน ดูถูกด่าว่ามาหลายปี ถูกรังแกมาหลายปี ก็เพื่อให้คุณไม่ ระวังฉัน ชื่อเศษสวะนี้ ถือเป็นการปกป้องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของฉัน”

“ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่าน ฉันสะสมความแข็งแกร่งของ ตัวเอง ตั้งแต่วินาทีที่คุณขับไล่ฉันออกจากตระกูลลัดดา วัลย์ มีเพียงแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะพึ่งพาได้ดีที่สุด คุณคิด ว่าฉันจะโง่พอที่จะเป็นเศษสวะจริงๆเหรอ?”

“ดูเหมือนว่าตอนนี้ ความอดทนในช่วงหลายปีมานี้ของ ฉัน ในที่สุดความพยายามก็เห็นผลสักที”

วีธราก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่ยังเต็มไปด้วยความ ไม่เชื่อ และส่ายหัวโดยไม่โดยไม่รู้ตัว

“คุณอยากเจอลูกชายของคนไม่ใช่เหรอ? ฉันจะให้ เขามาหา ให้พวกคุณแม่และลูกพบกันอีก!”รพีพงษ์ตะโกน อย่างใส่อารมณ์

จากนั้นเขาก็ปรบมือ ธฤตญาณก็เดินเข้าไปพร้อมกับ กลุ่มคนอย่างรวดเร็ว โดยปล่อยให้วีธราไม่มีทางออก จักรพันธ์ก็ถูกกดเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ