พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 473 พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม



บทที่ 473 พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม

เมื่อเห็นว่าชัยภัทรอึ้งไป ธฤตญาณจึงพูดว่า “ยืนอึ้งอะไรอยู่ เรียก เขาว่าพี่สิ”

ชัยภัทรหลุดออกจากภวังค์ เขาคิดในใจว่าถึงแม้จะไม่รู้ว่าคน คนนี้เป็นใคร แต่ในเมื่อธฤตญาณให้เขาเรียก เขาก็เรียก เขามองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “พรพี”

รพีพงษ์หยักหน้าเบาๆ และไม่ได้พูดอะไร

ชัยภัทรรู้สึกเพียงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเย็นชาเหลือเกิน เขาเรียก ว่าพี่ แต่กลับตอบกลับมาแค่พยักหน้า แถมเขาก็แค่คนทั่วไปที่ตัว เองไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน นี่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แต่เพราะเห็นแก่หน้าของธฤตญาณ เขาจึงทำได้เพียงเก็บ

ความไม่พอใจเอาไว้

“เมื่อกี้ตอนเข้ามา คนของธรรมนาถจะให้รพีพงษ์จ่ายเงินค่า เข้าให้ได้ รพีพงษ์จึงจัดการมันไปไม่น้อย เดี๋ยวธรรมนาถคงจะพา คนมา ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงห้ามเอาส่วนแบ่งให้มันเด็ดขาด นายอย่า อ่อนข้อให้มัน ต่อจากนี้ไม่ต้องกลัวธรรมนาถกับถิรพุทธิ์อีก” เมื่อ ธฤตญาณเห็นชัยภัทรทักทายรพีพงษ์ เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ครูให้ชัยภัทรฟัง

ชัยภัทรได้ฟังจึงขมวดคิ้วขึ้น “พี่ธฤต ช่วงนี้ธรรมนาถกับถิรพุ ทธิ์มันจับตามองเราอยู่ มันอยากจะเอาส่วนแบ่งที่เป็นของเราไปเกิดเรื่องแบบนี้ในตอนนี้ ผมว่ามันจะไม่ดีกับเรา”

เขาไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมาอย่างชัดเจน แต่ฟังออกว่าเขา กําลังโทษการกระทำของรพีพงษ์

ธฤตญาณมองเขาแล้วพูดว่า “ฉันบอกแล้วไง หลังจากนี้นาย ไม่ต้องกังวลเรื่องของธรรมนาถกับถิรพุทธิ์อีก มีรพีพงษ์อยู่ ไม่แน่ วันนี้เราอาจจะแย่งส่วนแบ่งมาจากมือของทั้งสองคนนั้นก็ได้

ชัยภัทรอึ้งไป เขามองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ ธฤตญาณ คิดว่าคนธรรมดาแบบนี้จะแย่งส่วนแบ่งมาจากมือของธรรมนาถ กับถิรพุทธิ์ได้อย่างนั้นเหรอ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไป

แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงดังวุ่นวายก็ดังขึ้นจากไม่ ไกล พวกเขามองไปตามเสียงนั้น และพบว่ามีกลุ่มคนท่าทาง เกรี้ยวกราดกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขา คนที่เดินนำมาคือคนคิ้ว เข้มที่ชื่อว่าธรรมนาถ

ชายร่างกายก่าย่าเมื่อครู่สีหน้าถมึงทึง เขากุมแขนของตัวเอง ยืนอยู่ข้างธรรมนาถ สีหน้าของเขาดูอาฆาตมาก

ชัยภัทรเห็นดังนั้น จึงแอบก่นด่าในใจ และรีบส่งสัญญาณให้ ลูกน้องที่อยู่ไม่ไกลรีบเข้ามา ดูท่าทางของธรรมนาถน่าจะเกิด เรื่องในไม่ช้า

“ธฤตญาณ ชัยภัทร พวกแกทำอะไร กล้าทำให้แขนของลูกพี่ ลูกน้องของฉันหลุดเหรอ แกอยากแตกคอกับฉันใช่ไหม ฉันเห็น พวกแกขวางหูขวางตามานานแล้ว ถ้าแกไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไป งั้นเราก็มาสู้กัน ให้พวกแกยอมแพ้แล้วออกไปจากเมืองแทยก”ธรรมนาถตะโกนใส่พวกธฤตญาณ

“หึหึ ดูเหมือนว่าธฤตญาณจะไม่พอใจตั้งแต่ส่วนแบ่งครั้งที่ แล้ว พูดตรงๆ นะ พวกธฤตญาณมันขวางหูขวางตาฉันมานาน แล้ว ถ้าธรรมนาถจะสู้กับมัน ฉันกะว่าจะร่วมด้วย

ขณะนั้นเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น คนที่เพิ่งมาก็คือถิรพุทธิ์

ชัยภัทรเห็นดังนั้นจึงกระวนกระวายขึ้นมา ธรรมน รมนาถกับถิรพุ ทธิ์แอบไปคุยกันเป็นการส่วนตัว เขาคิดจะไล่พวกธฤตญาณออก จากเมืองแทยกตลอดเวลา

แต่ทว่าไม่มีเหตุผลมากพอ และพวกเขาก็ไม่สามารถทำร้าย พวกธฤตญาณได้ วันนี้รพีพงษ์ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของธรรมนาถ จึงทำให้พวกเขามีข้ออ้างในการทำร้ายพวกธฤตญาณ

เดิมทีชัยภัทรดูแลสถานการณ์ของที่นี่มันก็ยากอยู่แล้ว พอร พงษ์มาก็ทำให้เรื่องวุ่นวายทันที ถึงธฤตญาณจะเคารพรพีพงษ์ แค่ไหน แต่เขาก็ไม่พอใจอยู่ดี

“ทั้งสองท่าน ผมว่านี่คือเรื่องเข้าใจผิด คนที่ทำร้ายลูกพี่ลูก น้องของธรรมนาถคือคนที่เพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้กฎของที่นี่ เอาแบบ นี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะออกค่ารักษาให้ลูกพี่ลูกน้องของนายเอง ชัยภัทรรีบพูดขึ้นมา เพื่อทำให้เรื่องดีขึ้น

“ค่ารักษา? ให้ตายเถอะ แกคิดว่าฉันออกค่ารักษาแค่นี้ไม่ได้ เหรอ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของลูกพี่ลูกน้องฉัน เงินมา แค่ไหนก็ไม่สามารถสะสางเรื่องนี้ได้หรอก ถ้าแกอยากให้เรื่องนี้ จบง่ายๆ งั้นก็เรียกไอ้คนที่ทำร้ายเขาออกมา ให้มันคุกเข่าขอโทษลูกพี่ลูกน้องฉันต่อหน้าทุกคน แล้วก็ให้ลูกพี่ลูกน้องฉัน บิดแขนมันด้วย จากนั้นฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกแกอีก ไม่ งั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่!” ธรรมนาถพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

ชัยภัทรได้ยินที่ธรรมนาถพูด เขาหันไปมองรพีพงษ์เหมือนจะ บอกให้รพีพงษ์ออกไปจัดการเรื่องที่ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์มาข่มขู่ พวกเขา

ขณะนั้นธฤตญาณก็ก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว แล้วพูดกับธรรมนาถ ว่า “อย่าคิดว่าตัวเองทำถูก ลูกพี่ลูกน้องของนายไม่โดนซัดตาย ก็ถือว่าบุญแล้ว อีกอย่างถิรพุทธิ์นายอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวก นายร่วมมือกันและพยายามไล่ฉันออกจากที่นี่ ฉันจะบอกให้นะ ที่ ฉันมาวันนี้ ฉันต้องการทำให้พวกนายรู้ว่าพวกนายไม่มีสิทธิ์ทำ แบบนั้น!”

ชัยภัทรได้ยินสิ่งที่ธฤตญาณพูดก็หน้าเปลี่ยนสี นี่เขากำลังฉีก หน้าธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ชัดๆ

ถ้าวันนี้จัดการสองคนนั้นไม่ได้ ไม่ต้องคิดถึงผลที่จะตามมา

เลย

แต่ว่าคนที่เป็นต้นเรื่องคือธฤตญาณ เขาจึงพูดอะไรมากไม่ได้ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เขาจึงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้อีก

เขามองรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ และคิดในใจว่าเรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นเพราะรพีพงษ์ ถ้าเขาทำลายสิ่งที่สร้างไว้ที่เมืองแทยก ถึง ธฤตญาณจะห้ามเขา เขาก็ไม่ปล่อยรพีพงษ์ไปแน่

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์มองหน้ากัน คิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะไม่ยอมอ่อนข้อ และฉีกหน้าพวกเขา

แต่พวกเขาได้ตกใจอะไร และยิ้มออกมา นี่คือที่พวก เขาต้องการ ต้องเป็นเช่นเท่านั้น พวกเขาจะเมืองแทยกได้

“ไอ้เอ๊ย ฉันแกอยากเรื่องไหม เมื่อพูดดีไม่ ยอมทําเกรงใจก็แล้วกันธรรมนาถตะโกนใส่ธฤตญาณ และกำลังเข้ามาหาเรื่อง

ขณะนั้นรพีพงษ์เดินมา เขามองไปยังคนพวกนั้น แล้วพูด ด้วยเสียงก้องกังวาน ขึ้นไปเวทีเถอะ เรื่องวันนี้ฉันจะ จัดการกับพวกแกเอง

แสยะยิ้มแล้วพูดว่า

แกเหรอ จะขึ้นไปบนกับฉัน?

แกทั้งไปพวกแกสองคนไปบนเวทีกับฉัน ถ้าแกชนะ ฉันจะยกแบ่งเป็นต้นไปสนามประลอง ในเมืองต้องเป็นของธฤตญาณ

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้ทั้งสนามประลองอยู่ในความหลายวินาที นั้นคนใหญ่หัวเราะออกมา

“ไอ้หมอสมองปัญหาหรือเปล่า มันจะไปกับธรรมนาถ ถิรพุทธิ์ แถมยังเดิมพันกับส่วนแบ่งธฤตญาณญาณไม่อยากที่แล้ว เลยให้ไอ้คนที่ชั่วดีทำลายชีวิตเขา”

“หนึ่งคนสู้กับสองคนเหรอ ตั้งแต่ฉันอยู่ในสนามประลอง ไม่ เคยมีใครอวดดีขนาดนี้เลยนะ ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์เป็นคนที่ รับมือยากอันดับต้นๆ เลยนะ ไม่ต้องพูดถึงทั้งสองคนเลย

“ให้ตายเหอะ รนหาที่ตายชัดๆ ธฤตญาณคงไม่อยากอยู่ที่นี่ แล้วจริงๆ ถึงให้ไอ้โง่ที่ไหนไม่รู้มาท้าประลองกับธรรมนาถและ ถิรพุทธิ์ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่”

คำพูดของรพีพงษ์ทำให้ชัยภัทรหน้าเปลี่ยนสี เขารีบหันไป มองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายอย่ามาพูดล้อเล่นแถวนี้ นายพูด แบบนั้นออกไป อาจจะไม่สามารถคืนคำได้นะ”

รพีพงษ์เหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมไม่

ได้ล้อเล่น”

“ไอ้เด็กน้อย นายจะขึ้นไปประลองกับพวกฉันสองคนจริงๆ เหรอ ฉันจะบอกให้นะ พวกเราไม่ได้คิดว่าการที่สองรุมหนึ่งจะ เป็นเรื่องน่าอายอะไรหรอกนะ ถ้าแกเอาส่วนแบ่งของธฤตามมา ได้จริง พวกเราจะรีบขึ้นไปบนเวทีทันที” ถิรพุทธิ์จ้องรพีพงษ์แล้ว พูดขึ้น

“เขาพูดถูกแล้ว พวกนายสองคนขึ้นไปสู้กับเขา ถ้าพวกแกชนะ ฉันจะเอาส่วนแบ่งให้พวกแกทั้งหมด แต่ถ้าแกแพ้ แกต้องเอา ส่วนแบ่งทั้งหมดมาให้ฉัน!” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างพากันอึ้ง เพราะคิดไม่ถึงว่าธฤตญาณจะพูด สนับสนุนรพีพงษ์ด้วยตัวเอง

พวกเขาคิดว่า ธฤตญาณบ้าไปแล้วถึงทำเช่นนี้

ชัยภัทรตกใจเหมือนเห็นผี เขารีบพูดกับธฤตญาณว่า “พี่ธฤต อย่าพูดล้อเล่นสิ ใช่ว่าพี่จะไม่รู้ถึงพละกำลังของพวกเขา โอกาสที่ รพีจะชนะพวกเขามีน้อยมาก พวกเราจะเสี่ยงแบบนี้ไม่ ได้นะครับ”

“มันไม่ใช่เรื่องเสียง แต่เขาชนะแน่นอน นายไม่ต้องสนใจ หรอก ผ่านวันนี้ไป ฉันจะให้นายดูแลสนามประลองทั้งหมด 5 ฤตญาณพูดด้วยความจริงจัง

ไม่ว่าชัยภัทรจะคิดอย่างไร เขาก็ไม่รู้สึกว่ารพีพงษ์จะเอาชนะ สองคนนั้นได้ แต่ว่ากันตามเนื้อผ้า นี่มันเป็นเรื่องของธฤตญาณ เขาเป็นผู้รับผิดชอบดูแลที่นี่เท่านั้น เขาจึงกลืนค่าที่จะพูดออกมา ลงไปเหมือนเดิม

เมื่อธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้ยินธฤตญาณพูดยืนยันด้วยตัวเอง จึงหัวเราะออกมา ถ้าเป็นไปได้ พวกเขาก็ไม่อยากระดมลูกน้อง มาสู้เหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้มีวิธีที่ง่ายขนาดนี้ เขาก็ยอมรับ อย่างเต็มใจ

“ได้ ในเมื่อธฤตญาณพูดออกมาเอง งั้นฉันตกลงตามที่บอก ไว้” ธรรมนาถเอ่ยขึ้น

“ฉันก็จะร่วมด้วย ในเมื่อเราชนะอยู่แล้ว นายเอาส่วนแบ่งของ นายมาให้เราเปล่าๆ ทำไมเราจะไม่ตกลงล่ะ” ถิรพุทธิ์หัวเราะแล้วพูดออกมา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนตอบตกลง รพีพงษ์ไม่ปล่อยให้เสียเวลา อีก เขาขึ้นไปบนเวทีประลอง

ถึงเขาจะช่วยธฤตญาณแย่งส่วนแบ่งมา แต่นั่นก็แค่การทำไป เล่นๆ จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่ก็คือการระบายอารมณ์

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์เห็นรพีพงษ์ขึ้นไปบนเวที เขาก็ขึ้นไปบน เวที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

ทุกคนพากันเดินเข้าไปล้อมรอบเวที เพื่อที่จะดูการประลอง ครั้งนี้ว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ

ชัยภัทรถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคิดในใจว่า ถ้า

ผ่านคืนนี้ไป พวกเขาต้องโดนไล่ออกจากเมืองแทยกแน่นอน

ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ขึ้นมาอยู่บนเวที ทั้งสองมองไปยังรพีพงษ์ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ในสายตาของพวกเขารพีพงษ์ก็แค่ไก่อ่อน ถึงจะมีฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคน

รพีพงษ์เหลือบมองทั้งสองคน แล้วพูดพึมพำว่า “วันนี้ฉันไม่ ออมมือแน่นอน พวกนายมีอะไรจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ