พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่464 ชื่อของลูกคือดารินทร์



บทที่464 ชื่อของลูกคือดารินทร์

นนทภูได้ยินคำถามนี้ของรพีพงษ์ สายตาลำเลิก ความ โกรธที่อยู่ในตัว เริ่มก่อเพิ่มขึ้น

เวลาผ่านไปสักครู่ เขาถอนหายใจ แล้วกล่าว “นี่เป็น ความลับขั้นสุดยอดของเทือกเขากิสนา ตอนนี้ฉันยังบอก ความลับนี้กับแกไม่ได้ รอให้ความสามารถของแกถึงจุดนั้น ก่อน ถึงเวลานั้นแกจะรู้เอง ตอนนี้แกอย่าไปคิดถึงเหตุผล ของเรื่องนี้ ไม่มีผลอะไรกับแก

ได้ยินนนทภูพูดแบบนั้น รพีพงษ์ก็ทำได้แค่นี้ เขารู้ว่าที่ รพีพงษ์ไม่บอกเขาเป็นเพราะอยากปกป้องเขา บางทีฝีมือเขา ในตอนนี้ อาจยังไม่ดีพอที่จะรู้ความลับนั้น

จากนั้นนทภูได้เล่าความแค้นระหว่างพวกเขากับจิรเวช และขอบเขตที่เทือกเขากิสนาคุมอยู่

ป้ายบัญชาการเทพสงครามที่นนทภูให้รพีพงษ์ สามารถ สั่งทุกคนที่มีความสามารถของเทือกเขากิสนา แล้วเขายังให้ วิธีติดต่อคนของเทือกเขากิสนาที่อยู่ภายนอกเหล่านั้น บอก รพีพงษ์ไม่ว่าจะมีความต้องการใดๆ สามารถให้คนของเทือก เขากิสนาช่วยได้

เพียงแค่รพีพงษ์กลับไปสู่โลกภายนอก ก็จะเป็นตัวแทน ของโลกภายนอกของเทือกเขากิสนา เขามีอำนาจเท่ากับน นทภู สามารถใช้คอนเน็คชั่นทั้งหมดของเทือกเขากิสนาได้ เพื่อต่อกลอนกับจิรเวช

หลังจากที่บอกกล่าวกันเรียบร้อยแล้ว นนทภูตบบ่ารพี พงษ์ แล้วยิ้ม “แกเป็นสิ่งที่พ่อภูมิใจมากที่สุดในชีวิต” รพีพงษ์พยักหน้าให้นนทภูอย่างตั้งใจ แล้วกล่าว “ผมจะ ไม่ทำให้พ่อเสียใจ”

หลังจากที่ได้กล่าวลากัน การรอคอยรพีพงษ์ก็ยังคง เป็นการลาจาก เพียงแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่านนทภูยังมีชีวิตอยู่ แล้วยังเป็นเจ้าของเทือกเขากิสนา ก้อนหินที่อยู่ในใจเขาตอน นี้ได้ถูกยกออกแล้ว

ทั้งสองยังคงพูดคุยกันเรื่องต่างๆนาๆ รพีพงษ์ได้เล่า เรื่องที่ตัวเองแต่งงานแล้วให้นนทภูฟัง เมื่อนนทภูรู้ก็มีความ สุขขึ้นมา แล้วยังถามรพีพงษ์ว่ามีหลานหรือยัง

รพีพงษ์ยิ้มแล้วส่ายหน้า พูดกับนนทภูว่าตอนนี้ยังไม่มี แต่รอให้นนทภูสามารถออกจากเทือกเขากิสนาได้ก่อน ไม่

แน่อาจมี

สักพัก รพีพงษ์ยืนขึ้น เดินออกไปนอกห้อง ตอนที่เดินไป ถึงประตู นนทภูได้เรียกเขาไว้อีกครั้ง

“อยู่ข้างนอกแกต้องระวังให้มาก จำไว้ อย่าแตะต้องคน ของกลุ่มสิงโต” นนทภูพูดเน้น

บนเฮลิคอปเตอร์ รพีพงษ์ก้มมองภูเขาเหล่านั้น แล้ว เทียบกับเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในใจรู้สึกอาลัยอาวรณ์

ครั้งนี้ที่มาเทือกเขากิสนา เขาได้อะไรมากมาย แน่นอน หนึ่งในนั้นคือ หานนทภูเจอ

เห็นเทือกเขากิสนาเล็กลง รพีพงษ์ก็ได้ละสายตาไป เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หลับตาลงเบาๆ เริ่มคิด

ว่าต่อไปจะทำอย่างไร

จากเทือกกิสนากลับมายังในประเทศ แม้จะเป็น เฮลิคอปเตอร์ แต่ก็ต้องใช้เวลาบินหนึ่งวันหนึ่งคืน เขาเริ่ม คิดถึงอารียา ไม่รู้ว่าอารียากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากที่ตน กลับไปแล้ว จะต้องสวีทกับเธอเสียหน่อย

เมืองเซี่ยงไฮ้ ณ วิลล่า Tson Riviera

อารียานั่งอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก กําลังสงสัยอะไรบางอย่าง ราวกับคิดอะไรไม่ออกอย่างไร อย่างนั้น

สักพัก ประตูถูกเปิดออก ผู้หญิงที่สวมชุดคนใช้เดินเข้า มา พูดกับอารียาอย่างนอบน้อมว่า “คุณผู้หญิง ถึงเวลาทาน อาหารแล้วค่ะ”

อารียากระพริบตา แล้วหันหลังไปมอง พบว่าคนใช้ได้นำ อาหารเข็นเข้ามาแล้ว

“คุณวางไว้ตรงนั้นล่ะกัน เดี๋ยวฉันกินเอง” อารียากล่าว คนใช้พยักหน้า นำของที่อยู่บนรถเข็นวางไว้บนโต๊ะ หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว คำนับต่ออารียา หันหลังแล้วจากไป

คนใช้เพิ่งจะออกไป ผู้ชายที่ถือไม้เท้าเดินเข้ามายิ้มให้ อารียาแล้วกล่าว “อาหารไม่ถูกปากหรอ? หลายวันมานี้คุณ กินน้อยมาก คุณเพิ่งอาการดีขึ้น กินนิดเดียว ไม่ดีต่อสุขภาพ นะ”

อารียาเงยหน้ามองชายคนนั้น ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง การกินอาหาร แล้วกล่าว “พ่อ หนูยังคิดอะไรไม่ออกเลย ที่ เกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมาในสมองฉัน ว่างเปล่าทั้งหมด แต่ลึกๆ ของหนูบอกหนูว่า หนูไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วบางครั้งหนูยังสงสัย ว่าพ่อใช่พ่อของหนูจริงๆหรือเปล่า”

ผู้ชายหัวเราะ แล้วกล่าว “เด็กโง่ ฉันเป็นพ่อของแกนะสิ นี่เป็นผลกระทบจากการบาดเจ็บก็เท่านั้น แต่หนูคิดว่าหนูลืมคนสำคัญไปหนึ่งคนนะ เบื้องลึกของ “ หนูให้หนูไปหาคนนี้ แต่หนูคิดไม่ออกว่าคนนั้นเป็นใครกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้หนูเจ็บปวดมาก” อารียาตอบ

“ลูกสาว หมอพูดแล้ว นี่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการ ได้รับบาดเจ็บ หนูลืมใครหรือไม่นั้น ฉันที่เป็นพ่อจะไม่รู้เลย หรอ เพราะหนูพักผ่อนไม่เพียงพอ ถึงได้เกิดความรู้สึกนี้ขึ้น ผู้ชายตอบ

อารียาพยักหน้า แล้วกล่าว “โอเคค่ะ

“ลูกสาว ลูกต้องจำไว้นะ ลูกชื่อดารินทร์ ลูกเป็นลูกของ ชลาธิป เจ้าหญิงของราชาวงการธุรกิจแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ ลูก นึกไม่ออกไม่สำคัญ สำคัญคืออนาคตของลูก รอหลังจากที่ ร่างกายของลูกพักฟื้นแล้ว พ่อจะพาลูกไปเจอบางคน ถ้าพวก เขายังฟื้นความจำให้ลูกไม่ได้ งั้นก็ให้พวกเขาเป็นความจำ ของอนาคตลูกเลยแล้วกัน”

“พวกเราต้องมองไปข้างหน้า เดินออกจากอดีต บางทีนี่ อาจเป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ลูก”

ผู้ชายพูดกับอารียาอย่างเป็นทางการ

อารียายิ้มให้กับชายคนนี้ แม้เธอจะรู้สึกว่าความจำใน อดีตจะสำคัญกับเธอ แต่ในเมื่อนึกไม่ออก ก็บังคับไม่ได้ ชลาธิปพูดถูก ในเมื่อนึกไม่ออก งั้นก็มองไปข้างหน้าแล้วกัน

“ขอบคุณค่ะ มีพ่อแบบนี้ เป็นโชคดีของหนูมาก” อารียา

กล่าว

เมืองริเวอร์ ชุมชนคำแหง

ณ ห้องรับแขก ศศินัดดาลากกระเป๋าใบหนึ่งออกจาก

ห้องของชนิสรา ชนิสราเพิ่งกลับมาจากซื้อผัก เห็นดังนั้น จึงรีบถาม “พี่ นัดดา คุณจะทำอะไร?”

ผมของศศินัดดายุ่งเหยิง หลังจากครั้งที่แล้วที่ศักดา ทะเลาะกับเธอแล้วนั้น หลายวันแล้วที่เขาไม่กลับมา

เธอคิดว่ายังไงศักดาก็ไปจากเธอไม่ได้ ศักดาไม่มีที่นอน สุดท้ายก็ต้องกลับมาบ้านอยู่ดี

แต่ครั้งนี้เธอดูถูกศักดา หลังจากที่จากไปวันนั้น ศักดาก็ ไม่กลับมาอีกเลย นี่ทำให้ศศินัดดารู้สึกเหมือนถูกทิ้งอย่างไร อย่างนั้น

แต่ความรู้สึกนี้ ไม่นานก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นศักดาทรยศ ต่อเธอ เธอรู้สึกทุกคนทรยศเธอ ทุกคนกำลังเป็นศัตรูกับเธอ

อารียาตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่ หลังจากหายไปจาก เมืองริเวอร์ เพราะเรื่องนี้ทำเอาศักดาโมโหจนออกจากบ้านไป ไม่กลับบ้านมาหลายวัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่มีทางเป็นไปได้

สุดท้าย ศศินัดดาก็โยนความผิดให้กับรพีพงษ์ทั้งหมด คิดว่าเรื่องทุกอย่างคือความผิดของรพีพงษ์ ชาตินี้เธอไม่มีทางโทษว่าเป็นความผิดตัวเอง

ศศินัดดาจ้องไปที่ชนิสรา แล้วกล่าว ลูกสาวฉันหาย สามีหนีไป หมดสิ้นแล้วครอบครัวนี้ พวกแกทุกคนเป็นศัตรูกับ ฉัน พวกแกอย่างคิดว่าฉันศศินัดดารังแกง่ายๆ แม้พวกแกทุก คนจะจากไป ฉันก็ยังคงมีความสุขเหมือนเดิม ที่นี่ไม่ต้องการ แกแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกไม่ต้องทำงานที่บ้านฉันแล้ว”

ชนิสราได้ยินคำพูดของศศินัดดา ก็รู้สึกเบื่อหน่าย แล้ว กล่าว “พี่นัดดา คุณฟังฉันก่อน เรื่องนี้ คุณก็มีส่วนผิด อย่า แข็งกระด้างเกินไป ถ้าต้องยอมรับผิด ก็ยอมรับเสียเถอะ ถ้า คุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานบ้านจะแตกสาแหรกขาด” ศศินัดดาชักตา แล้วกล่าว “แกมีสิทธิ์มาสอนฉันตั้งแต่ เมื่อไหร่? ฉันผิดอะไร ฉันทำเพื่อลูกสาว ไอ้สวะศักดาทะเลาะ กับฉันเพราะเรื่องนี้ ฉันว่าพวกแกถูกไอ้เชี่ยรพีพงษ์ล้างสมอง กันหมดแล้ว มันสิฆาตกรตัวจริง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะมัน!

ชนิสราเห็นว่าศศินัดดาไม่ฟัง ก็ส่ายหน้า แล้วกล่าว “แก ทำลายครอบครัวฉัน ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับรพีพงษ์”

“ไสหัวไปซะ! แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น รีบหยิบของ ของแกแล้วไสหัวไปซะ อย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ!” ศศินัดดา ระเบิด ชี้จมูกด่าทอชนิสรา

การหายตัวไปของอารียา การจากไปของศักดา ชนิสรา ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว มิเช่นนั้นศศิ นัดดาจะต้องใช้เธอเป็นที่ระบายอารมณ์แน่นอน

เธอเดินไป หยิบกระเป๋าของตัวเอง แล้วเดินจากไป แล้ว ยังพูดกับศศินัดดาว่า “ดูแลตัวเองดีๆนะ”

ชนิสราเพิ่งออกไป ศศินัดดาก็ปิดประตูอย่างดัง

เธอหยิบกระเป๋าเดินไปชั้นล่าง เธอเพิ่งนึกออกว่าเธอยัง ไม่รู้เลยว่าจะไปไหน

หรือเธอต้องกลับมาอีกครั้ง เพราะรพีพงษ์ไม่รู้ว่าเกิด เหตุการณ์อะไรขึ้น เธอต้องกลับมาอธิบายให้รพีพงษ์ฟังว่า เกิดอะไรขึ้น

ในขณะที่เธอเดินถึงตรอกหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีคนพุ่งเข้า มา ลากเธอเข้าไปในตรอกทันใด

ชนิสราตกใจ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใคร ในใจรู้สึกกลัวเป็น

อย่างมาก

“พวกแกคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะ เรียกคนแล้วนะ” ชนิสราตะคอกไปที่ชายคนนั้น “เรียกคน? แกคิดว่าเรียกคนมีประโยชน์หรอ?” ในตอนนี้ มีเสียงดังขึ้นมา

ชนิสราหันหน้าไปดู พบว่าคนที่เดินมาคือธายุกร

“ธายุกร แกคิดจะทำอะไร? แกรีบบอกให้พวกมันปล่อย ฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ชนิสราตะโกน

ธายุกรหัวเราะเหยียดหยาม แล้วกล่าว “จะให้ฉันปล่อย แกไปก็ได้ แต่แกบอกฉันมาว่ารพีพงษ์อยู่ไหน แล้วฉันจะ ปล่อยแก มิเช่นนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน

หลังจากที่รับช่วงต่อบริษัท W H กรุ๊ปแล้วนั้น ธายุกรได้ ไตร่ตรองไว้แล้วว่าจะล้างแค้นรพีพงษ์อย่างไร

ก่อนที่โยษิตาจะจากไป เน้นย้ำให้เขาต้องหาเรื่องรพี พงษ์ เขาไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์ โยษิตา จะจัดการเอง

“พวกแกต้องตาย วันๆเอาแต่หาเรื่องคนอื่น ฉันว่าพวก แกมันพวกไร้ประโยชน์กินแล้วก็นอน! ” หลังจากที่ชนิสราผู้ อบอุ่นรู้ว่าเบื้องหลังคือธายุกรแล้วนั้น ก็อดไม่ได้ ที่จะเลียน แบบการดาของศศินัดดา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ