พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

ตอนที่ 449 ฉันแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง



ตอนที่ 449 ฉันแค่เชื่อมั่นในตัวเอง

ตอนที่ 449 ฉันแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง

เทือกเขา สนา

หลังจากที่รพีพงษ์ออกมาจากวิลล่าของฝนสุดา เขา เดินอยู่คนเดียวบนถนน ในเทือกเขากิสนา ในหัวกำลัง นึกถึงข้อมูลที่ฝนสุดาบอกกับเขา

แม้ว่าเขาจะตกใจที่นนทภูที่เป็นเทพสังหาร และยัง เป็นเจ้าของกิสนา แต่ว่าที่รพีพงษ์ประหลาดใจที่สุด เพราะนั่นหมายความว่านนทภูยังไม่ตาย และดูเหมือนว่า เขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี

เมื่อก่อนเขาเคยสงสัยว่าเขาต้องทำยังไงถึงจะ สามารถปีนขึ้นไปบนเกาะทะเลสาบเทียมเข้าไปด้านใน นั้นเพื่อไปพบกับนนทภูถึงยังไงรอบๆเกาะทะเลสาบเทียม นั่นก็มีอันตรายมากมายที่ซ่อนเอาไว้ ถ้าไม่ได้รับ อนุญาตจากเขาคนนั้น ก็คงไม่มีทางได้ปีนขึ้นไป

แต่ไม่นานเค้าก็นึกออก เขาอยากเจอนนทภู นนทภู ก็ต้องอยากเจอเขาแน่นอน แม้ไม่รู้ว่าทำไมนนทภูไม่ได้ ออกไปจากเทือกเขากิสนาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วก็ ไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรรกระหายเลือด แต่รพี พงษ์มั่นใจว่า นนทภูยังคงเป็นพ่อที่รักเขา

ถ้านนทภูรู้ว่ารพีพงษ์มาที่กิสนาแล้ว ต้องหาวิธีมา เจอเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องดันทุรังไปที่ เกาะทะเลสาบเทียม เขาเพียงต้องหาวิธีที่จะทำให้นนทภู รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้รพีพงษ์เข้าร่วมการแข่งขันสังเวียนมวย เขาก็ได้ส่งข่าวคราวไปไม่น้อย แต่นี่ก็ยังไม่อาจทําให้ไป ถึงหูของนนทภูได้ ท้ายที่สุดเรื่องระดับนี้ ก็ไม่สมควรที่ เจ้าของกิสนาจะให้ความสนใจ

แต่ว่านนทภูอาจจะรู้เกี่ยวกับเรื่องการต่อสู้ของเขา กับดัมพ์รงค์ที่บาร์วันนี้ ตอนที่รพีพงษ์อยู่บนท้องถนน เขาก็ได้ยินผู้คนมากมายพูดคุยกันเรื่องนี้ การที่มีบุคคล ที่สามารถต่อสู้กับดัมพ์รงค์ได้ ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญที เดียว คนด้านล่างจะต้องไปบอกนนทภูเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างแน่นอน

นั่นก็หมายความว่านนทภูควรรีบส่งคนมาตามหาเขา และพาเขาไปที่เกาะทะเลสาบเทียม

เมื่อนึกถึงตรงนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ได้เจอพ่อมาหลายปีแล้วและก็ไม่รู้ว่าเมื่อเจอกันอีก ครั้ง ความรู้สึกภายในใจจะเป็นอย่างไร

ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นและพบ ว่าเป็นดัมพ์รงค์

“บอส คุณได้รับอิสระในกิสนามานานแค่ไหนแล้ว ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วย ในแง่ของ ความสามารถในการสร้างปัญหา ผมเทียบกับคุณไม่ได้

เลยสักนิด” ดัมพ์รงค์กล่าวอย่างเป็นกังวล

รพีพงษ์มองเขาอย่างสงสัย และถามว่า: “หมายถึง อะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”

เมื่อดัมพ์รงค์เห็นรพีพงษ์ทำท่าทางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว แบบนั้น ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก และพูดว่า: “อีกสองวันจะมี การแข่งขันบันไดเห็นนภา ใน เทือกเขากิสนา การ แข่งขันครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นมาเกือบ 5 ปี แล้ว ลองเดาดูสิว่า คนที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้เป็นใคร?”

“ใคร? ” รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึง เลยว่าจะมีคนท้าทายการปีนบันไดเห็นนภานี้ เขาเพิ่งได้ เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งของดัมพ์รงค์ แม้ว่าดัมพ์รงค์จะ ไม่ได้อยู่ในการจัดสิบอันดับแรกของเทพเจ้าแห่ง สงครามก็ตาม แต่หัวใจสำคัญคือผู้ที่เข้าร่วมปีนบันได เหินนภา ในหนึ่งวันจะต้องท้าประลองกับพวกเขาทีละคน เพื่อจะได้ขึ้นไป นี่เป็นเรื่องยากกว่าการต่อสู้กับดัมพ์รงค์ เป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีความแข็งแรงแข็งแกร่งแค่ไหน เมื่อประลองจนถึงสนามสุดท้าย ที่ต้องเจอกับดัมพ์รงค์ผู้ แข็งแกร่ง ถึงตอนนั้นผู้ท้าชิงคงจะหมดแรงไปแล้ว จินตนาการได้เลยว่าการปีนบันไดเห็นนมานั้นยากเย็น มากขนาดไหน

“ก็คุณไง!” ดัมพ์รงค์คิดไม่ถึงเลยว่ารพีพงษ์จะไม่รู้ เรื่องจริงๆ ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ไม่มีการแสดงสีหน้า ใดๆ “คุณไปยั่วโมโหใครเข้ากันละเนี่ย คาดไม่ถึงเลยว่า จะให้คนจัดงานให้คุณปีนบันไดเหินนภา แล้วการจัดงาน ครั้งหนึ่ง มันต้องใช้เงินตั้ง 3 พันล้านเลยนะ”

รพีพงษ์เลิกคิ้วขึ้น เขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนจัดงาน ให้เขาปีนบันไดเหินนภา โดยที่เขาไม่ได้คาดการณ์ไว้ ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของชนายุสก็ดังขึ้น เขาหยิบ ออกมาดูและเห็นข้อความบอกให้เขาเข้าร่วมการแข่งขัน ปีนบันไดเหินนภาในอีกสองวันหลังจากนี้ ให้เขาเตรียม ตัวให้พร้อม

รพีพงษ์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ไม่นานเขาก็เดาได้ว่า อาจจะเป็นธนเทพเพื่อที่จะแก้แค้นเขา ตามลักษณะนิสัย ของธนเทพและตระกูลที่ทรงพลัง การจ่ายเงิน 3 พันล้าน กับรพีพงษ์มีแนวโน้มมาก ๆ ที่จะทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

เขาก็ขมวดคิ้วทันที คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองที่เพิ่งพบ เบาะแสของนนทภู ยิ่งไปกว่านั้นภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เขาอาจจะได้พบกับนนทภู คาดไม่ถึงเลยว่าเจอกับ ปัญหาแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะดูถูกธนเทพเกินไป

“ฉันไม่เข้าร่วมได้ไหม?” รพีพงษ์ถาม โดยคิดว่าถ้าน นทภูเป็นเจ้าของเทือกเขากิสนา งั้นในฐานะลูกชายของ เขา น่าจะสามารถปฏิเสธที่จะเข้าร่วมได้

“ไม่ได้แน่นอน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นลูกชายของเจ้าขอ งกิสนา การที่มีคนจ่ายเงินจัดงานแข่งขันนี้ให้กับคุณ คุณจำเป็นต้องเข้าร่วม นี่เป็นกฎของเทือกเขากิสนา แน่นอนว่า ลูกชายของเจ้าของเทือกเขากิสนา ไม่ สามารถอยู่ในรายชื่อเทพเจ้าแห่งสงครามได้เช่นกัน” ดัมพ์รงค์กล่าว แม้ว่าเขาจะแค่เปรียบเทียบ แต่คิดไม่ ถึงว่าเขาจะพูดได้ตรงประเด็นและเขาพูดถูก

รพีพงษ์แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความจำใจ พลาง

คิดในใจว่านายเดาผิดแล้ว ลูกชายของเจ้าของกิสนาอยู่

ในรายชื่อเทพเจ้าแห่งสงครามแล้วและเขายืนอยู่ตรง

หน้านาย คุณบอกผมก่อนสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมจู่ๆมี “ คนจัดงานให้คุณปีนบันไดเห็นนภา?” ดัมพ์รงค์จ้องไปที่

รพีพงษ์แล้วถาม รพีพงษ์เล่าสั้นๆเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างเขากับ ธนเทพในบาร์ หลังจากดัมพ์รงค์ได้ยินเรื่องนี้ เขามาที่นี่ ทันทีในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

มันเหมือนกับสไตล์ของธนเทพเลยจริงๆ แล้วคุณ วางแผนที่จะทําอะไรต่อไป? ถ้าหากเข้าร่วมปีนบันได เหินนภาละก็ ชะตากรรมของคุณแทบจะเป็นไปไม่ได้ เลยที่จะรอดพ้นจากความตาย ผมไม่ได้คิดว่าคุณ แข็งแกร่งไม่พอ แต่การปีนบันไดเห็นนภานั้นยากเกินไป สิบคนต่อสู้กับคุณแค่คนเดียว มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะ ยืนหยัดอยู่ได้” ดัมพ์รงค์กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว

รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า “ถ้าไม่มีทางหนี ฉันก็ทำได้แค่ กัดฟันสู้ต่อไป”

“คุณนี่ไม่ได้กังวลใจเลยสักนิด กลับเป็นผมที่กังวล มากกว่าคุณ” ดัมพ์รงค์กลอกตาไปที่รพีพงษ์

ถ้ากังวลไปแล้วมันมีประโยชน์ ฉันก็อาจจะเป็น “ เหมือนนายก็ได้” รพีพงษ์กล่าว

ในเวลานี้ มีสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลเดินมาหารพี พงษ์กับดัมพ์รงค์ รพีพงษ์เงยหน้ามองและพบว่าคนด้าน หน้าเป็นธนเทพ และคนที่ตามธนเทพอยู่ด้านหลังเป็น ปรมาจารย์ในเทพเจ้าแห่งสงครามในบาร์มาก่อน

ใบหน้าที่ยิ้มเยาะเย้ยของธนเทพ เมื่อเขาเดินไปตรง หน้ารพีพงษ์ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจบ่นสะใจ : “เป็นไง บ้าง ชอบของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ในนายรึเปล่า?”

ปรมาจารย์เทพเจ้าแห่งสงครามที่อยู่ด้านหลังของ เขาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย แม้ว่าความ แข็งแกร่งของรพีพงษ์ที่แสดงให้เห็นในบาร์ก่อนหน้านี้จะ ทําให้พวกเขาตกใจ แต่หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ต้องการที่ จะปีนบันไดเหินนภา พวกเขาก็ไม่ได้มีความกลัวกับรพี พงษ์เลย

ในความเห็นของพวกเขาแล้ว สําหรับคนส่วนใหญ่ การปีนบันไดเหินนภานั้นไม่ได้ต่างจากการรนหาที่ตาย

รพีพงษ์ในสายตาของพวกเขาตอนนี้ เป็นเพียงสิ่งมี แมลงที่น่าสงสารที่จะตายในอีกสองวันก็แค่นั้น ไม่ว่าเขา จะมีพลังมากแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกลัว

“ทําให้นายเสียเงินฟรีแล้วล่ะนะ” รพีพงษ์กล่าวเบาๆ

ธนเทพแทบจะสําลักออกมากับคําพูดของรพีพงษ์

เดิมทีเขาอยากเห็นรพีพงษ์ทําตัวน่าอาย แต่คิดไม่ถึงเลย ว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าพูดคำพูดของตัวเองจริงๆ แต่เขาก็ตะคอกและพูดว่า: “แกอย่ามาล้อฉันแบบนี้ นะ การปีนบันไดเหินนภาหมายความว่ายังไง แกคงจะรู้

อยู่แก่ใจ ถึงแกจะแข็งแกร่งเท่าดัมพ์รงค์ แต่สองวันหลัง

จากนี้ แกก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่!”

ปรมาจารย์เทพเจ้าสงครามคนนั้นที่อยู่ด้านหลังเขา ก็เยาะเย้ยพวกเขาทันที

“ช่างน่าสมเพชจริงๆเลยนะ เดิมทีคิดว่าอยู่ระดับ เดียวกันกับดัมพ์รงค์ คนของเทือกเขากิสนาคนนี้จะ เปล่งประกายอย่างแน่นอน ผลสุดท้ายเขากลับต้องตาย ในเร็ว ๆ นี้แล้ว ”

เขาก็สมควรได้รับมันนี่นา ใครใช้ให้เขายั่วโมโห

คุณชายธนเทพกัน คนไร้สมองแบบนี้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่ง แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”

“หวังว่าจะได้ปีนบันไดเห็นนกาเร็วๆจัง ไม่มีใครเข้า ร่วมในการประลองนี้มาหลายปีแล้ว และก็ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ จะสามารถไปได้ถึงระดับไหน

หลังจากกลุ่มคนที่แหน็บแนมรพีพงษ์อย่างดุเดือด พวกเขาก็ออกไปจากที่นี่ภายในนําของธนเทพ

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่แม้แต่จะเถียงกับคน เหล่านี้

ดัมพ์รงค์ที่อยู่ข้างๆถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และ พูดว่า: “บางทีเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับภัยพิบัตรครั้งนี้ ไม่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะ”

“ฉันแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง” รพีพงษ์กล่าวด้วยรอย ยิ้มกับดัมพ์รงค์

หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็ขอให้ดัมพ์รงค์ไปจัดการเรื่อง ของตัวเอง สําหรับการปีนบันไดเหินนภาในอีกสองวัน หลังจากนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ไม่ถึงกับ กลัว นอกจากนี้เขาก็ยังมีไพ่ตายของเขาอยู่ ถ้าหากหมด แรงละก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางผ่านการประลองของบันได เห็นนภาสักหน่อย

ถึงยังไงนนทภูก็รอดมาได้ในปีนั้น ในฐานะที่เป็น ลูกชายของเขา จะกลัวได้ยังไงกันล่ะ รพีพงษ์เดินกลับมาที่วิลล่าที่เขาอาศัยอยู่ เมื่อเดิน ถึงหน้าประตูวิลล่าและเปิดประตู เขาเห็นชายวัยกลาง

คนในชุดสูทสีดำที่นั่งบนโซฟาด้วยท่าทางที่สำรวม ชายวัยกลางคนคนนั้น เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์กลับมา ก็ ลุกขึ้นทันทีและเดินออกไปด้านนอก

“เดินตามผมมาเถอะ เจ้านายของเราต้องการพบ

คุณ”

ชุมชนคำแหง เมืองริเวอร์

เนื่องจากที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันกับ W H กรุ๊ป ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นและเธอก็เข้าครัวทำอาหาร ด้วยตัวเอง

เธอทำอาหารเสร็จและนำออกมาวางบนโต๊ะ ในตอน นี้ ศศินัดดาก็มาพร้อมกับเอกสารกองโต

อารี แม่เพิ่งซื้อประกันมา แม่อยากให้ลูกเซ็นผู้รับ ประกัน ลูกช่วยแม่เซ็นหน่อยนะ” ศศินัดดายิ้มและกล่าว กับอารียา

อารียาไม่ได้คาดคิดศศินัดดาจะซื้อประกันให้ด้วย ตัวเอง เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนศศินัดดาคิดว่าการประกันภัย เป็นเรื่องโกหก

แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ศศินัดดาอยากซื้อประกันก็ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็เป็นกันประกันอนาคต

เธอหยิบเอกสารในมือของศศินัดดามาดูและพบว่า นั่นเป็นสัญญาประกันภัยจริง ๆ หลังจากที่รู้สึกว่าไม่มี ปัญหาอะไรแล้วเธอก็หยิบปากกาในมือของศศินัดดา และเริ่มเซ็นสัญญา

“แม่คะ จริงๆแล้วแม่เป็นผู้ประกันตนสามารถเขียน ชื่อพ่อก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องหนูเซ็นก็ได้” อารียากล่าว

ศศินัดดาก็พูดขึ้นมาทันที : “เขียนชื่อเขาเหรอ ฝัน ไปเถอะ! มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ เขาก็ไม่มาสนใจใยดี หรอก”

อารียาสายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเซ็นชื่อทุกที่ที่ต้อง หลังจากเซ๊นเสร็จแล้ว อารียาก็เข้าไปทําอาหารใน

เซ็น

ครัวต่อ

เมื่อเห็นอารียาไปที่ห้องครัว ศศินัดดาดึงเอกสาร จากสัญญาประกันภัยเหล่านั้นทันที มองไปที่เอกสารที่ ลงนามแล้ว รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เธอ

นี่คือเอกสารที่ธายุกรมอบให้เธอ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ