พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 397 บอกสิ่งที่นายอยากรู้กับนาย



บทที่ 397 บอกสิ่งที่นายอยากรู้กับนาย

ทุกคนเบิกตากว้างมองรพีพงษ์ตำหนิชาครท่าทางแบบนั้นดูเหมือน คนที่เหนือกว่ากำลังคนรับใช้ของตัวเอง

ท่าทีของคณบดีที่มีต่อรพีพงษ์เมื่อกี้นี้ก็ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่น้อย

พวกเขาไม่เคยเห็นคณบดีสุภาพแบบนี้กับใครมาก่อน

หลังจากมรรษกรตอบสนองกลับมา จ้องรพีพงษ์อย่างโมโห พูดขึ้น “กิริยาอะไรของคุณที่มีพูดคณบดีของเรา คุณคิดว่าคุณเป็นใคร มี สิทธิ์มาชี้แนะคณบดีของเราที่นี่งั้นเหรอ?”

ชาครหันไปทันที ตะโกนใส่มรรษกร: “คุณหุบปากเดี๋ยวนี้! คุณไม่มี สิทธิ์มาพูดที่นี่”

มรรษกรตกใจกับเสียงคำรามของคณบดีที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รีบ หุบปากตัวเองทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าเพราะ อะไรคณบดีถึงต้องสุภาพต่อคนขนอิฐขนาดนี้

ตอนแรกพีรดายังอยากจะอธิบายตัวตนของรพีพงษ์ให้คณบดีฟัง แต่หลังจากเห็นปฏิกิริยาของคณบดี ทันใดนั้นก็ไม่กล้าพูด ในขณะ เดียวกันก็มองไปที่ รพีพงษ์อย่างสงสัย

เทพยางศ์มีนงงเล็กน้อย คณบดีของโรงพยาบาลจิเรนทำตัวเหมือน คนรับใช้ต่อหน้ารพีพงษ์สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ถึงว่า เมื่อกี้รพีพงษ์ถึงบอกว่าพวกเขาไม่กล้าไล่รพีพงษ์ออกไป หรือว่าเขาจะ มีที่พึ่งพาจริงๆ ?

หลังจากคณบดีตะโกนใส่มรรษกร แล้วมองไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง สีหน้าแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้ง พูด: “คุณรพีตำหนิได้ถูก มีปัญหา มากมายในโรงพยาบาล มันเป็นความรับผิดชอบของคณบดีอย่างผม แต่ไม่ทราบว่าคุณรพีพบปัญหาอะไรในโรงพยาบาลของเรา บอกได้ ผมจะได้พยายามแก้ไข”

รพีพงษ์ก็ไม่พูดมาก บอกเขาตรงๆ เรื่องที่ว่ามรรษกรต้องการขับไล่ ลูกสาวของเทพยางศ์ออกจากห้องผู้ป่วย หลังจากที่ซาครได้ยินว่า เทพยางศ์เป็นคนที่มีส่วนช่วยในโรง พยาบาลจิเรน ผู้อำนวยการชนาธิปอนุญาตให้ลูกสาวของเขาอยู่โรง พยาบาลนี้ มรรษกรยืนกรานที่จะไล่ลูกสาวของเทพยางศ์ออก สีหน้าก็ ดูย่ำแย่ขึ้นมา

มรรษกรฟังอยู่ด้านหนึ่ง ก็รู้สึกผิด เบี่ยงเบนสายตาออกไปอย่างไม่ ตั้งใจ เพื่อหลบเลี่ยงการสบตากับชาครโดยตรง

หลังจากฟังรพีพงษ์พูดจบ ชาครเผยแสดงออกถึงความรู้สึกผิดต่อ รพีพงษ์พูดขึ้น: “คุณรพี นี่เป็นความผิดของผม ผมใช้คนผิด จึงให้คน อย่างเขาได้นั่งตำแหน่งผู้อำนวยการ”

จากนั้นเขาก็เดินไปตรงหน้าเทพยางคศ์อีกครั้ง โค้งคำนับต่อเทพยาง ศ์อย่างสุดซึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด: “เรื่องของคุณก่อนหน้า นี้ผู้อำนวยการชนาธิปเคยบอกกับผม ผมรู้ถึงสิ่งที่คุณทำเพื่อโรง พยาบาล สมควรแล้วที่ลูกสาวของคุณอาศัยอยู่ในห้องผู้ป่วยนี้ ครั้งนี้ มันเป็นความละเลยของผม สำหรับสิ่งนี้ผมขอแสดงความขอโทษอย่าง สุดซึ้งต่อคุณ และสัญญาว่าต่อจากนี้ไปลูกสาวของคุณจะอยู่ในห้องผู้ ป่วยนี้ได้ฟรี และได้มาตรฐานการดูแลที่สูงสุดในโรงพยาบาล”

เทพยางศ์ได้ยินคณบดีพูดแบบนี้กับเขาด้วยตัวเอง ไม่มีปฏิกิริยา โต้ตอบอยู่สักพัก เขาหันไปมองรพีพงษ์จู่ๆ ก็เกิดรู้สึกตำหนิตัวเองในใจ เขารู้แล้ว ที่ผ่านมาเขาเข้าใจรพีพงษ์ผิดไป

หลังจากพูดกับเทพยางศ์เสร็จ คณบดีหันไปมองทางมรรษกรอีก ครั้ง ทันใดนั้นก็หน้าดำค่ำเครียดและโมโหอีกครั้ง

“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ เพิ่งขึ้นตำแหน่งก็ทำเรื่อง แบบนี้ ความขัดแย้งระหว่างคุณกับผู้อำนวยการชนาธิป ไม่ควรดึงผู้ ป่วยเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นญาติของผู้ที่มีส่วนช่วย สนับสนุนเหลือโรงพยาบาล! ”

“อีกอย่างคุณอย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณต้องการนำตัว เธอไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา ก็เพื่ออยากประหยัดเงินเอาเงินเข้ากระเป๋า ตัวเองไม่ใช่รีไง? ” “มรรษกรไม่ว่าจะด้วยลักษณะนิสัยหรือจรรยาบรรณแพทย์ คุณ ไม่มีคุณสมบัติไม่พอที่จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการนี้ เริ่มตั้งแต่วันนี้ คุณไม่ใช่พนักงานในโรงพยาบาลของผมอีกต่อไป คุณไปหางานอื่น เถอะ! ”

หลังจากมรรษกรได้ยินที่คณบดีพูด กระวนกระวายขึ้นมาทันที เขา เพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการไม่กี่วัน คิดไม่ถึงว่าจะถูกไล่เลิกจ้างเร็ว ขนาดนี้ และยังเป็นการถูกไล่ออกโดยตรง ไม่มีซ่องว่างสำหรับการ เจรจาเลย

เขารีบเดินไปตรงหน้าคณบดี พูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน: “คณบดี คุณ จะไล่ผมออกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ อย่าน้อยผมก็ทำงานอยู่โรงพยาบาล มานานหลายปี และแม้ว่าผมต้องการย้ายผู้ป่วยรายนี้ไปยังหอผู้ป่วย ธรรมดา เพียงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเท่านั้นเอง ผม รู้สึกว่าผมไม่ได้ทำผิดอะไร”

คณบดีอุทานที แล้วพูดขึ้น: “ต่อให้คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ผมก็ไม่ สามารถเก็บคุณไว้ที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม คุณอย่ามาขอร้องผมเลย ไม่ว่าจะขอร้องมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์”

ทันใดนั้นมรรษกรก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว ดูท่าทีของคณบดี ไม่ อยากจะไว้หน้าใดๆ เขาอีกแล้ว

“คณบดี ต่อให้คุณตัดสินใจไล่ผมออกจริงๆ ต้องควรมีคำอธิบาย เหตุผลกับผม ผู้อำนวยการชนาธิปบอกเรื่องแย่ๆ ของผมกับคุณหรือ เปล่า หรือว่าคุณไม่ชอบหน้าผมอยู่แล้ว? ก็แค่ฉวยโอกาสครั้งนี้ไล่ผม ออก?” มรรษกรถามอย่างไม่พอใจ

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมยังไม่ถึงขั้นที่คุณต้องไล่คุณออก จะผิด คุณก็ผิดตรงที่หาเรื่องคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วย! “ชาครพูดอย่างเย็น ซา

“หาเรื่องคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วย?” มรรษกรรีบหันมองไปทางรพี พงษ์ ในใจยิ่งไม่พอใจมากขึ้น พูดขึ้น: “เขาเป็นคนไม่ควรมีเรื่องด้วยยัง ไง เขาก็แค่คนขนอิฐในไซต์งานก่อสร้าง มีอะไรต้องไม่ควรไปมีเรื่อง ด้วย?”

ชาครรีบถลึงตา พูดขึ้น: “ใครบอกคุณว่าเขาเป็นคนขนอิฐในไซต์ งานก่อสร้าง? จะบอกคุณให้ คุณรพีเป็นคนที่แม้แต่อธิชนม์ยังต้อง เรียกคุณชาย คุณว่าคุณหาเรื่องเขาได้เหรอ? ”

มรรษกรรู้สึกได้แค่ข้างหูของตัวเองมีเสียงผ่า หนังศีรษะของเขาเริ่ม ชา กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกเล็กน้อยเบาๆ

“คุณอธิชนม์ยังต้องเรียกเขาว่าคุณชาย? นี่…นี่เป็นไปได้ยังไง พีร ดาบอกว่าเขาเป็นแค่คนขนอิฐไม่ใช่เหรอ?”

มรรษกรพึมพำกับตัวเอง หันไปมองทางด้านพีรดาในใจเต็มไปด้วย ความแค้น ครั้งนี้เขาถูกทำลายเพราะผู้หญิงโง่ๆ คนนี้จริงๆ เวลานี้พีรตาก็ตกตะลึงเช่นกัน ไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาของ มรรษกร

ที่มองตัวเองเลย เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงกลายเป็น

คนที่แม้แต่คุณอธิชนม์ยังต้องเรียกว่าคุณชาย

อธิชนม์เป็นผู้ประกอบการอันดับหนึ่งในเมืองบาสแตร์ แม้แต่เขายัง ต้องเรียกรพีพงษ์ว่าคุณชาย งั้นตัวตนของรพีพงษ์จะน่ากลัวขนาด ไหน?

มรรษกรกำหมัดตัวเองแน่น หันไปตะโกนใส่พีรดา: “พีรดา ที่เป็น แบบนี้ทั้งหมดนี้เป็นเพราะมึง มึงบอกว่าเขาเป็นแค่คนขนอิฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้คณบดีถึงบอกว่าอธิชนม์ยังต้องเรียกเขาว่าคุณชาย?”

“อนาคตทั้งหมดของภูพังพินาศเพราะผู้หญิงโง่ๆ อย่างถึง!”” จากนั้นเขาก็พุ่งไปตรงหน้าพีรดา ตบเข้าที่ใบหน้าพิรดาโดยตรง พีรดาจับหน้าตัวเอง สติยังไม่กลับมาตั้งแต่ตกใจจากเมื่อกี้

จากนั้นมรรษกรตั้งใจที่จะขอร้องกับรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ไม่อยากเห็น เขาอีก ซาครจึงรีบให้ผู้รักษาความปลอดภัยไล่มรรษกรออกไป

พีรดายืนอยู่ที่เดิมพักใหญ่ ถึงดึงติกลับมา ตัวเองถูกมรรษกรตบหน้า ไปทีหนึ่ง เกิดความโกรธขึ้นในใจของเธอทันที ไอ้สารเลวมรรษกรคนนี้ กล้าตบเธองั้นเหรอ เสียดายมรรษกรถูกผู้รักษาความปลอดภัยพาออกไปแล้ว เธออยาก ด่ามรรษกรสักหน่อยก็ไม่มีโอกาสแล้ว

เธอสูดหายใจเข้าลึก เดินไปทางรพีพงษ์หลายก้าว พูดขึ้น: “รพีพงษ์ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ดีเอง ฉันไม่รู้ว่าคุณยังมีตัวตนแบบนี้ คุณอย่าถือสา เลยนะ ฉันขอโทษ”

หลังจากรู้ว่ารพีพงษ์มีตัวตนที่น่ากลัวแบบนี้ สิ่งแรกที่เข้ามาในความ คิดของพีรดา ก็คือหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรพีพงษ์

เขาเป็นถึงคนที่อธิชนม์ยังต้องเรียกว่าคุณชาย ถ้าสามารถเกาะเขา

ได้ ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

“ผู้ป่วยต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบ คุณรีบออกไปเถอะ” รพีพงษ์ พูดขึ้นอย่างเย็นชา

พีรดาต้องการที่จะอยู่ต่อ แต่คณบดีถลึงตามองเธอ เธอตกใจจนไม่

กล้าพูดในทันที จึงต้องออกจากออกจากห้องผู้ป่วยได้อย่างหมดหวัง คณบดีวางเตียงผู้ป่วยกลับไปใหม่ จากนั้นเปิดเครื่องมือข้างเตียงผู้ ป่วยอีกครั้ง ให้ผู้ป่วยกลับไปอยู่ในสภาพเดิม

เขาขอโทษเทพยางศ์หลายครั้ง และสัญญากับเทพยางศ์หลังจากนี้ จะเชิญกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดมาดำเนินการปรึกษาหารือเกี่ยว กับอาการของลูกสาวของเขาสักครั้ง เพื่อให้ลูกสาวของเขาตื่นโดยเร็ว ที่สุด

เทพยางรู้สึกซาบซึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไร แต่เขารู้อยู่แก่ใจ ว่าคนที่ เขาควรจะขอบคุณ ไม่ใช่คณบดี แต่เป็นรพีพงษ์

หลังจากจัดการทุกอย่างในห้องผู้ป่วยแล้ว รพีพงษ์ก็ให้คณบดีกลับ ไปทำงาน เขาและเทพยางศ์ก็เดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เทพยางศ์ยืน อยู่หน้าห้องมองข้างในอยู่นาน

“ครั้งนี้….ต้องขอบคุณนายจริงๆ ” เทพยางศ์พูดขึ้น

รพีพงษ์หัวเราะ พูดขึ้น: “เป็นเรื่องง่ายแค่นั้นเอง” เทพยางศ์สูดหายใจเข้าลึก หันเดินไปตามทางเดินอีกฝั่งหนึ่ง: “มา กับฉันเถอะ หาที่ที่เงียบสงบ ฉันจะบอกสิ่งที่นายอยากรู้กับนาย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ