พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 437 ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับ รพีพงษ์หรอกหรือ



บทที่ 437 ไม่ใช่ว่าเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับ รพีพงษ์หรอกหรือ

เมืองริเวอร์ ชุมชนคำแหง

ด้านในบ้านอารียา บุษบากรคุกเข่าอยู่ด้านหน้า ของอารียา ร้องไห้ออกมาจนน้ำตานองหน้า “อารี ฉันผิดต่อเธอ ฉันไม่ควรร่วมกันกับคนอื่นมา

ทําร้ายเธอ นี่เป็นความผิดฉันทั้งหมด เป็นฉันที่ทำให้เธอ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย เกือบถูกพ่อค้ามนุษย์ คนนั้นขายไปแล้ว เธอลงโทษฉันเถอะ ถึงแม้ว่าเธอจะ ฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีคํากล่าวโทษใด”

อารียากำลังจ้องมองอารียาที่อยู่ด้านหน้า ใบหน้า ซีดเซียว หัวคิ้วขมวดยุ่ง ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง หลังฟังคำพูดของบุษบากรจบ เธอไม่พูดอะไรอยู่นาน

ไตรทศยืนอยู่ด้านข้างอารียา เห็นอารียาไม่พูดคำ เปิดปากถามตรงๆ : “สะใภ้ ผู้หญิงคนนี้เกือบจะทำให้ พี่ถูกขายไปแล้ว ฆ่าเธอไปก็นับว่าเมตตาเธอมากแล้ว ถ้าพี่ใจไม่แข็งพอที่จะเอ่ยปาก ก็ให้ฉันเป็นคนทำเถอะ”

บุษบากรได้ยินคำพูดของไตรทศ ทั่วทั้งร่างสั่นเทา แต่เธอก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร เธอรู้ความผิดที่ตนเองทำลง ไปทั้งหมด และสถานะของรพีพงษ์ในเมืองริเวอร์ตอนนี้ เธอก็รู้แจ้งดี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่รพีพงษ์รักที่สุด เป็น เพราะตนจึงเกือบจะถูกขายไปแล้ว ไตรทศต้องการจะ ฆ่าเธอก็สมเหตุสมผล หลังจากครั้งก่อนที่โยษิตาข่มขู่บุษบากรให้ลักพา อารียาไปขายนั้น ธฤตญาณก็ส่งคนค้นหาร่องรอยของ โยษิตา เพียงแต่ว่าโยษิตาหลบซ่อนได้ดีมาก ราวกับว่า หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนั้น ไม่มีร่องรอยใดๆ ให้ ติดตามโดยสิ้นเชิง

แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้มีส่วนร่วมบุษบากรก็ถูก ควบคุมตัวไว้แล้ว จนถึงวันนี้ถึงได้ถูกนำตัวมาพบอารียา อารียาได้ยินคำพูดของไตรทศ รีบกล่าวห้ามว่า :

“เรื่องนี้บุษก็ไม่ได้ยินยอม พ่อแม่ของเธอตกอยู่ในมือ ของโยษิตา เธอก็ต้องทําอย่างไม่มีทางเลือก ฉันไม่มี ทางเป็นเพราะเรื่องนี้ถึงจะต้องเอาชีวิตของเธอหรอก”

“พี่สะใภ้ ถึงเวลานี้แล้ว พี่ก็อย่าได้พูดแทนเธออีก เลย ตอนนี้โยษิตาคนนั้นไม่รู้ว่าหนีหายไปที่ไหนแล้ว ผู้ชายที่อยู่กับโยษิตาคนนั้นก็ตายไปแล้ว ใครจะรู้ว่าที่ เธอพูดเป็นเรื่องจริงหรือโกหก เพื่อความแน่ใจ ผู้หญิง คนนี้เก็บไว้ไม่ได้นะ” ไตรทศพูดขึ้น

อารียามองไปที่บุษบากรถอนหายใจอย่างช่วยไม่ ได้ ช่วงนี้เธอถูกเรื่องราวพวกนี้ทำให้เหนื่อยล้าทั้งใจ และกาย อีกทั้งรพีพงษ์ก็ไม่อยู่ เธอราวกับว่าขาดที่พึ่ง พิง ทั้งตัวคนอ่อนแอลงอย่างมาก

ช่วงนี้นอกจากเรื่องพวกนี้ บริษัทด้านนั้นก็เกิด ปัญหาเล็กน้อยขึ้น ในเมืองริเวอร์ไม่รู้ว่ามีW H กรุ๊ปโผล่ ขึ้นมาจากที่ไหน กลายเป็นคู่แข่งบริษัทของตระกูล ฉัตรมงคล ต่อต้านกับบริษัทของตระกูลฉัตรมงคลใน ทุกๆ ด้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ W H กรุ๊ปที่โผล่ขึ้นมา กะทันหันนี้พร้อมไปด้วยพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ด้วย ขนาดของบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล เมืองริเวอร์นี้ก็ นับว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่แล้ว และยังเพียบพร้อมไป ด้วยความช่วยเหลือด้านการเงินจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้W H กรุ๊ปยังยืนหยัดได้ นี่ทําให้อารียาเกิดความกดดันไม่น้อย

ปัจจัยต่างๆ รวมกันขึ้นมา สภาพการณ์ของเธอใน ปัจจุบันย่ำแย่อย่างยิ่ง และไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายของ เธออ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก เธอรู้สึกว่าเป็นเพราะความ กลัดกลุ้มในจิตใจ ทำให้ภูมิคุ้มกันเปลี่ยนเป็นแย่ลงมาก

“บุษ ฉันและเธอเป็นเพื่อนที่สนิทที่ดีที่สุด ฉันเห็น แก่ไมตรีเก่าก่อน ครั้งนี้ยกโทษให้เธอ แต่ต่อจากนี้ไป ฉันไม่หวังว่าจะพบเจอเธออีก เธอพาคนในครอบครัว ของเธอไปจากที่นี่เสียเถอะ” อารียาเอ่ย

ไตรทศอยากพูดขึ้นทันที อารียาหันหน้าไปมองเขา ครั้งหนึ่ง พูดว่า : “เรื่องนี้จัดการตามนี้ นายพาเธอออก ไปเถอะ ช่วยเธอจัดการเรื่องการจากไปด้วยแล้วกัน”

เห็นอารียายืนกราน ไตรทศทําได้เพียงปิดปากลง มองบุษบากรครั้งหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ พูดขึ้น : “ก็เป็น เพราะพี่สะใภ้ของฉันนิสัยดี ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เธอได้ไป รายงานตัวกับพญายมนานแล้ว รีบลุกขึ้น ไปกับฉัน”

บุษบากรหยัดกายขึ้น เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและ ละอายใจมองไปที่อารียา พูดขึ้นแผ่วเบา “อารี ขอบคุณ เธอ” พูดจบ เธอก็หมุนตัวตามไตรทศไปจากที่แห่งนี้ ไม่ ได้หยุดรั้งอยู่ต่อ

รอจนบุษบากรและไตรทศทั้งสองคนจากไป อารี ยาจึงนับว่าผ่อนลมหายใจได้ ยกมือขึ้นนวดขมับของ

ตน

ในตอนนี้เองประตูของห้องนอนถูกเปิดออก ศศิ นัดดาและศักดาสองคนก็เดินอย่างลับๆ ล่อๆ ออกมา

พวกเขาสองคนต่างก็กลัวลูกน้องข้างกายของรพี พงษ์ที่นิสัยใจร้อนคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศศินัดดา เธอเกลียดรพีพงษ์อย่างยิ่ง

ไตรทศก็ไม่พอใจเธอมาก ทุกครั้งที่เห็นไตรทศ เธอ ล้วนรู้สึกว่าไตรทศคล้ายกับจะเข้ามาตีเธอสักยก อย่างไรอย่างนั้น ดังนั้นเห็นไตรทศมาแล้ว เธอก็ไปซ่อน เสียเลย

หลังจากแน่ใจว่าไตรทศพาบุษบากรจากไปแล้ว ศศินัดดาถึงได้ยืดตัวขึ้น เดินไปด้านหน้าของอารียา ซัก ถามว่า : “อารี นี่มันเรื่องอะไรกัน ลูกเกือบจะถูกพ่อค้า มนุษย์ลักพาตัวไปหรือ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมลูกถึง ไม่บอกกับพวกเรา! ”

ศักดาที่อยู่อีกข้างมองไปที่อารียาด้วยใบหน้าเป็น กังวล เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้อารียาถึงกับ ผ่านเรื่องราวที่อันตรายขนาดนั้นมา

เพราะกลัวว่าศศินัดดาและศักดาทั้งสองคนจะ กังวล อีกทั้งเรื่องราวยังคลี่คลายไปแล้ว ถึงแม้ว่าโยษิ ตาจะไม่ถูกจับได้ แต่ว่าคงไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้อีกอย่าง แน่นอน ดังนั้นอารียาจึงไม่ได้เอาเรื่องที่ตนเองเกือบจะ ถูกลักพาไปขายพูดออกไป

แต่ว่าวันนี้ไตรทศพาบุษบากรเข้ามา ไม่ได้แจ้งล่วง หน้าสักนิด มาแล้วบุษบากรก็เริ่มสารภาพผิดกับอารียา ทั้งยังอธิบายเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกรอบหนึ่ง อารียารู้ว่า ศศินัดดาและศักดาที่อยู่ในห้องนอนต้องได้ยินแน่นอน แต่ก็ไม่มีทางเลือก

“หนูก็ไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ อีกทั้งเรื่องราวยัง คลี่คลายแล้ว บอกพวกท่านก็ทำให้พวกท่านกังวลใจ เท่านั้น” อารียาอธิบาย

ลูกพูดเรื่องเหลวไหลให้น้อยหน่อย! เมื่อครู่พวก ” เราอยู่ด้านในได้ยินอย่างชัดเจน ที่ทำเรื่องพวกนี้ก็คือ โยษิตาคนนั้น ผู้หญิงที่น่ากลัวคนนั้นของตระกูลลัดดา วัลย์ หล่อนยังไม่ถูกจับได้ ลูกจะพูดว่าเรื่องนี้คลี่คลาย แล้วได้อย่างไร! ” ศศินัดดาโต้แย้งอย่างดุเดือดทันที เหมือนกับว่าอารียาทำเรื่องที่สวรรค์ไม่อาจยอมรับได้ เช่นนั้น

“แล้วนี่ยังเป็นเพราะรพีพงษ์ดาวหายนะคนนั้นถึงได้ เกิดเรื่องขึ้น แม่เคยบอกลูกนานแล้ว อยู่ด้วยกันกับเขา มีแต่จะนำหายนะไม่หยุดหย่อนมาให้กับลูก ลูกก็ไม่ยอม ฟัง ลูกดูตอนนี้เป็นจริงแล้วใช่ไหม ขนาดตัวรพีพงษ์ไม่ อยู่ที่นี่ ลูกยังพบเจอกับเรื่องที่อันตรายขนาดนี้ ถ้าเขา เพิ่งจะกลับมาแล้ว พวกเราทั้งบ้านต่างก็ไม่ได้รับความ สงบนะ! ” หยุดครู่หนึ่ง ศศินัดดาก็เสียงดังขึ้นมาอีก หลายประโยค

อารียาที่แต่เดิมผ่อนคลายหัวคิ้วลงพลันขมวดแน่น อีกครั้ง สาเหตุที่เธอไม่อยากคุยเรื่องนี้กับศศินัดดา ก็ เพราะกลัวว่าศศินัดดาจะลากเอาเรื่องนี้ไปโยงถึงรพี พงษ์

คุณแม่ โยษิตาเป็นคนใจคด ทำไมคุณแม่ต้องโทษ ” รพีพงษ์ด้วย หรือว่าแม้แต่หนูดื่มน้ำสำลัก คุณแม่ก็จะ เอาไปโทษรพีพงษ์หรือ? ” อารียาโต้แย้งศศินัดดา ประโยคหนึ่ง

“ชัดเจนว่าเขาทําความชั่วมากเกินไป ไม่เช่นนั้นจะ มีเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้มาถึงประตูได้อย่างไร อารี วันนี้ลูกจะต้องให้ท่าทีที่ชัดเจนกับแม่ รพีพงษ์คนนี้ ต่อไปไม่อาจปรากฏตัวที่บ้านของเราอีก รอเขากลับมา ลูกก็ไปหย่ากับเขา ไม่อย่างนั้นแม่กับพ่อของลูกก็ไม่ ยอมรับลูกสาวคนนี้อีกแล้ว! ” ศศินัดดาตอบกลับด้วย ท่าทีแข็งกร้าว

อารียาเดิมทีก็กลุ้มใจมากแล้ว ตอนนี้ยังถูกศศิ นัดดาบีบบังคับให้ทําข้อตกลงเช่นนี้อีก จิตใจของเธอก็ ระเบิดออกทันที

แม้ว่าพวกท่านจะตัดความสัมพันธ์กับหนู หนูก็ไม่มี ” ทางหย่ากับรพีพงษ์เด็ดขาด! ” อารียาตะโกน อารียา! ลูกเป็นลูกสาวแท้ๆ ของแม่นะ แม่เลี้ยงดู ”

ด้วยความลำบากมาจนโตเพียงนี้ ลูกก็ตอบแทนแม่แบบ นี้หรือ? ลูกในตอนนี้เพื่อดาวหายนะคนหนึ่ง ถึงกับอยาก ตัดความสัมพันธ์กับแม่! ลูกไม่ละอายใจต่อบุญคุณ เลี้ยงดูที่แม่มีต่อลูกมาหลายปีหรือ! ” ศศินัดดาก็ราวกับ ถุงดินระเบิดที่ถูกจุดไฟ ในอากาศเต็มไปด้วย บรรยากาศแห่งความขัดแย้ง

ศักดาอยู่ด้านข้างกำลังมองทั้งสองคน เขาอยากจะ ช่วยพูดให้อารียา แต่ก็กลัวศศินัดดาหันกลับมาระบาย ความโกรธใส่เขา ดังนั้นสุดท้ายจึงได้แค่อยู่ด้านข้าง ปิดปากมองดู

“เป็นคุณแม่ที่เลี้ยงดูหนูด้วยความยากลำบากจนโต นั้นไม่ผิด แต่ว่าหนูไม่เคยทำเรื่องที่ละอายใจต่อคุณแม่ คุณแม่แค่เป็นเพราะว่าเห็นรพีพงษ์ขัดตา ก็จะทําลาย ความสุขของหนู คุณแม่เคยคิดถึงความรู้สึกของหนูบ้าง ไหม? หนูก็มีชีวิตของตัวเอง ถ้าคุณแม่ไม่ชอบรพีพงษ์ ก็ แยกกันอยู่กับพวกเราได้ ทำไมจำเป็นต้องให้หนูกับรพี พงษ์ต้องแยกจากกัน? ” อารียาใบหน้าฮึกเหิมตะโกน ตอบ

ศศินัดดาที่ปรารถนาจะมีอำนาจควบคุมเด็ดขาด ต่ออารียามาโดยตลอดเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฟังคำพูด ของอารียา เธอกลอกตาพูดว่า : “ไม่ใช่ว่าลูกรู้สึกว่าตัว เองไม่คู่ควรกับรพีพงษ์หรอกหรือ? ในเมื่อในใจของลูก มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว ทำไมยังจะดื้อด้านไร้ศักดิ์ศรี ตามติดรพีพงษ์ นี่คงไม่ใช่แม่ที่บังคับให้ทําหรอกนะ? ”

ศศินัดดาพอคำพูดนี้ออกจากปาก อารียาก็เงียบลง ทันที ไม่ถกเถียงต่ออีก

เธอรู้สึกว่าตนเองถูกแทงไปในจุดที่เจ็บปวด ระงับ น้ำตาไว้ไม่ไหวจึงไหลออกมา จากนั้นหันหลังกลับอย่าง รวดเร็ว วิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง ปิดประตูอย่างแรง

ศักดาเห็นอารียาเข้าห้องไปแล้ว ถอนหายใจ พูด กับศศินัดดาว่า : “มีอะไรทำไมถึงไม่พูดดีๆ คุณก็รู้ว่าช่วง นี้อารีใส่ใจเรื่องนี้มาก ก็ยังจะพูดออกมา คุณคิดว่าลูก ยังว้าวุ่นใจไม่พอหรือ? ”

“คุณหุบปากไป ที่นี่ไม่มีที่ให้คุณพูด อารียังเด็กเกิน

ไป จำเป็นต้องผ่านความเจ็บปวดถึงจะโตขึ้นได้ นี่ฉันก็ ทำเพื่อลูก” ศศินัดดากล่าวอย่างมั่นใจ

กำปั้นของศักดากำแน่นขึ้น ดูแล้วอยากโต้แย้งศศิ นัดดา แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไป ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างจนปัญญา หมุนกายไปที่ บนระเบียง

ตึกW H กรุ๊ป

ห้องทำงานประธาน ธายุกรนั่งอยู่ด้านใน สัมผัส กลิ่นอายในห้องนี้ เคลิบเคลิ้มไปทั้งหน้า

“อารียา แกคงคิดไม่ถึงมาก่อน ว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุด ของแกตอนนี้ ประธานของW H กรุ๊ป จะเป็นฉัน? ”

“เมื่อนานมาแล้ว ฉันก็สังหรณ์ใจว่าตัวเองจะต้องมี โอกาสพลิกตัว คิดไม่ถึงว่าเร็วขนาดนี้ก็มีโอกาสแล้ว ”

“หัวหน้าของฉันเห็นชัดๆ ว่าร้ายกาจกว่าพวกแก อีก ทั้งยังไม่เกรงกลัวตระกูลลัดดาวัลย์เบื้องหลังของรพี พงษ์แม้แต่น้อย ครั้งนี้เธอให้ภารกิจก็คือเล่นพวกแกให้ ล้มอย่างไม่ต้องคิดถึงราคาที่ต้องจ่ายไป พวกแกรอก่อน เถอะ ความแค้นก่อนหน้านี้ ฉันจะต้องแก้แค้นกลับไปให้

สาสม!

พูดลำพังกับตนเองไม่กี่คำ ในแววตาของธาตุกร เผยไอสังหารออกมาอย่างรุนแรง ราวกับว่ามองเห็นรพี พงษ์และอารียาตายใต้คมมีดของตนเช่นนั้น

ในตอนนี้ด้านนอกพลันมีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา ธายุกรลุกจากเก้าอี้ขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ เดินไปถึง หน้าประตู

ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในบริษัทเล็กเป็นผู้ช่วยให้คนอื่น มาตลอด ดังนั้นได้ยินเสียงเคาะประตูจึงวิ่งไปเปิดประตู โดยสัญชาตญาณ

หลังจากได้สติกลับมาแล้ว ธายุกรจึงหดมือที่ยื่น ออกไปกลับมา แล้วจึงเดินเร็วกลับไปที่เก้าอี้ด้านนั้น วางมาดเคร่งขรึมตะโกนว่า “เข้ามา”

ประตูห้องเปิดออก เงาร่างอรชรเดินเข้ามา

ธายุกรเห็นคนที่เข้ามา ตกใจจนลุกขึ้นยืนทันที กล่าวอย่างเคารพ : “หัวหน้า คุณมาได้ยังไง? ”

ถ้าอารียาอยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า หัวหน้าที่ธายุกรพูดถึง ก็คือโยษิตาที่วางแผนทำร้ายเธอถึงสองครั้ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ