พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่874 ฉันอยากรับแกทั้งสองเป็นศิษย์



บทที่874 ฉันอยากรับแกทั้งสองเป็นศิษย์

รพีพงษ์เห็นธัชธรรมมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคำถามนี้ของเขาอย่าง มาก ก็รู้สึกแปลกใจ แล้วกล่าวทันใดว่า “ได้ยินมาจากเพื่อนคน หนึ่ง เอาไปใช้ทำอะไรนั้น อันนี้ผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ แต่ผมรับ ประกันได้ว่าไม่ได้เอาไปทำเรื่องไม่ดีแน่นอน

เขาไม่ได้พูดออกไปโดยตรงว่านี่คือสิ่งที่อาจารย์ของเขาจะใช้ แค่เห็นปฏิกิริยาของธีรธรรม ก็รู้แล้วว่าหยกโยงจิตนี้สำคัญกับ กลุ่มสิงโตขนาดไหน ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าอีกฝั่งมีท่าทีอย่างไรนั้น รพีพงษ์จะพูดเรื่องอาจารย์ออกมาไม่ได้

เพราะเบื้องหลังของอาจารย์ก็ไม่ธรรมดา ถ้าขัดแย้งกับรัช ธรรมนี้แล้ว หรือธัชธรรมมีเหตุผลอื่นไม่ให้ละก็ ฉันรพีพงษ์ก็จะยุ่ง ยากแล้ว

ธัชธรรมได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็คิดทบทวน ไม่ได้ถามร พงษ์ต่อว่าเพื่อนคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่ได้ถามรพีพงษ์ว่าจะเอา หยก โยงจิตไปทําอะไร แล้วกล่าว “คุณค่าของหยกโยงจิต มาก เกินกว่าที่ยาจะเทียบได้ ดังนั้นแกอยากจะใช้ยาจิตแดงแลกหยก โยงจิต เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”

“แต่ภายในกลุ่มสิงโต ทุกๆอย่างสามารถแบ่งได้จากผลงาน เพียงแค่แกมีผลงานมากพอ อยากได้หยงโยงจิตก็ไม่ได้เป็นเรื่อง ยากอะไร

ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็โล่งอก เพียงแค่มีโอกาสที่จะคว้ามาได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กลัวเท่าแต่จะไม่มีโอกาสนี้ แหละ

“แล้วผมจะได้ผลงานได้อย่างไร?” รพีพงษ์กล่าว

“แน่นอนว่าต้องทำภารกิจที่กลุ่มสิงโตป่าวประกาศ ฉันเคย บอกแกแล้ว ความรับผิดชอบของกลุ่มสิงโต คือจัดการระเบียบ ของสังคม เมื่อเจอกับผู้ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ต้องการให้ กลุ่มสิงโตออกหน้า และถึงเวลานั้น ก็จะถือเป็นช่วงเวลาสะสมผล งานแล้ว” ธัชธรรมอธิบายให้ฟัง

“ประเด็นหลักๆเดี๋ยวรอให้แกเข้าร่วมกลุ่มอย่างเป็นทางการ แล้วจะมีคนมาอธิบายให้ฟัง แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากเตือนแกเอาไว้ ก็คือ หยก โยงจิตที่แกอยากได้ ผลงานที่ต้องการไม่ได้ง่ายอย่าง ที่คิดไว้นะ ดังนั้นถ้าแกอยากได้หยกนี้ จะให้ดีแกตอบรับเป็นผู้ สืบทอดของฉันจะดีที่สุด แบบนี้ความเร็วในการที่แกจะได้ผลงาน ก็มากขึ้นไปอีก” ธัชธรรมยิ้มพลางคุยกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่ตอบธัชธรรม จากนั้นต้องทำอะไร รอให้รพีพงษ์ เข้าใจก่อนว่ากลุ่มสิงโตทำงานกันอย่างไรแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ ไม่ใช่ตอนที่จะคิดเรื่องนี้

ไม่พูดเรื่องหยก โยงจิตต่อแต่อย่างใด ทั้งสองเดินลงเขา ผ่าน ไปไม่นาน ธัชธรรมมองไปที่รพีพงษ์ ถาม “ผู้หญิงสองคนที่แกพูด กับนิรภัฏนั้นอยู่ไหน หน่วยก้านดีแบบนี้ ฉันก็อยากพาไปฝึกฝน ในกลุ่มสิงโตเหมือนกันนะ แกบอกที่อยู่ให้ฉันมั้ย ฉันจะไปดู ถ้า เหมาะสมล่ะก็ ฉันจะพากลับหนึ่ง ว่าไง?”
ได้ยินคำพูดของธัชธรรม รพีพงษ์ก็ส่ายหัว เมื่อวานทรพีพงษ์ พูดกับนิรภัฏว่ารับผู้หญิงมั้ย ก็คือฝนสุดาและอุเอง ฮารุทั้งสอง

จากการสังเกตของรพีพงษ์ พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของอุ เอสึงิ ฮารุและฝนสุดาทั้งสองไม่เลวจริงๆ โดยเฉพาะอุเอสึงิ ฮารุ ถึงขั้นเน่ยจิ้งชั้นกลางแล้ว และฝีมือของฝนสุดาก็ไม่แย่ไปกว่าอุเอ สึงิ ฮารุ แต่แค่เธอไม่เคยเล่าเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนเลย

ในเมื่อฝนสุดาอยากเป็นศิษย์มีครู งั้นรพีพงษ์ก็แนะนำเธอทั้ง สองให้นิรภัฏเสียเลย แบบนี้ก็ทำให้ทั้งสองสาวมีครู แล้วยังให้ ทั้งสองสาวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้อีกด้วย ไม่งั้นเดี๋ยวพอถึงเวลา นั้นมาสร้างปัญหาให้ตนที่ประเทศจีนอีก

หลังจากที่นิรภัฏได้ยินรพีพงษ์แนะนำฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุ แล้วนั้น ก็เกิดความสนใจในตัวของสองสาว แสดงท่าทีว่าอยาก ไปดูสองสาวนี้ ถ้าอีกฝั่งยินยอมล่ะก็ ตนก็จะรับพวกเธอไว้เป็น ศิษย์

ตอนนีธัชธรรมก็อยากรับพวกเธอไว้เป็นศิษย์ รพีพงษ์ไม่มีทาง ยินยอมแน่นอน ถ้าฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งคู่ไปกลุ่มสิงโตด้วย นอนาคต ก็จะทําอะไรยากแล้ว

“สาวสองคนนี้ไม่ค่อยเหมาะสมกับกลุ่มสิงโต ดังนั้นผู้อาวุโส หาวิธีหาลูกศิษย์ใหม่จะดีกว่า” รพีพงษ์ปฏิเสธธัชธรรมทันที

ธัชธรรมเห็นรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ทำได้ เพียงถอนหายใจ แล้วกล่าว “งั้นแสดงว่าไม่มีพรหมลิขิตต่อกัน

ไม่นาน ทั้งสองก็เดินถึงตีนเขา รพีพงษ์มองไปที่ธัชธรรม แล้วกล่าว “เราจะกลับประเทศจีนยังไงดี?

ธัชธรรมมองรพีพงษ์ แล้วกล่าว “ต้องนั่งเครื่องบินอยู่แล้ว ทำไม แกอยากให้ฉันพาแกลอยกลับไปหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก นะ”

รพีพงษ์อดขำไม่ได้ เพราะธัชธรรมอายุมากแล้ว บวกกับ

ท่าทางเขาเหมือนกับเซียน เห็นว่าไม่ค่อยเข้ากันกับเครื่องบิน

สมัยนี้สักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดว่าจะนั่งเครื่องบินกลับในแวบ แรก ไม่ลังเล รพีพงษ์ไปหารถที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นทั้งสองก็เดินทาง

ไปยังสนามบินของเมืองโตเกียว

ขณะนี้ การเดินทางมาประเทศญี่ปุ่นของรพีพงษ์ ก็ถือเป็นอัน

สิ้นสุดลง

ณ คฤหาสน์ของฝนสุดา

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก ด้วยท่าทีที่ ไม่สบอารมณ์

เพราะตระกูลอุเอสึงได้ถูกล้างบาง อุเอสึงิ ฮารุถือว่าไม่มี ครอบครัวอีกต่อไป บวกกับฝนสุดาชอบอุเอสึงิ ฮารุเพื่อนคนนี้ อย่างมาก ดังนั้นจึงให้เธออาศัยอยู่ที่บ้าน จากที่ผ่านอะไรด้วยมา ทั้งสองได้เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันแล้ว

“ไอ้งั่งรพีพงษ์ ไม่เคยโทรหรือวีแชทกลับมาเลย ไม่รู้ว่ากลับประเทศจีนหรือยัง ไม่งั้นพวกเราไปหาเขาที่ประเทศจีนมั้ย” ฝน สุดากล่าวอย่างโมโห

อุเอสึงิ ฮารุมองฝนสุดา แล้วกล่าว “แต่คุณชายเหมือนไม่ อยากให้เราไปหาเขานะ ไม่งั้นตอนนั้นก็ไม่มีทางทิ้งจดหมาย ฉบับนั้นไว้แล้ว”

“ไม่ว่าเขาจะให้ไม่ให้ พวกเราต้องฟังเขาด้วยหรอ ชาตินี้จะไม่

เจอเขาแล้วหรือไง?” ฝนสุดากล่าว

ในขณะที่สองสาวกำลังพูดคุยอยู่นั้น ด้านนอกก็มีเสียงเท้าเดิน เข้ามา จากนั้นก็มีผู้อาวุโสพาผู้หญิงที่มีอายุไม่ต่างจากพวกเธอ มากปรากฏตัวที่หน้าประตู

เมื่อฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองเห็น ก็รีบลุกขึ้น

“พวกคุณคือใครกัน?” ฝนสุดาจ้องไปที่ผู้อาวุโสแล้วถาม

นิรภัฏมองไปที่พวกเธอ แล้วกล่าว “ฉันชื่อนิรภัฏ ที่มาที่นี่วันนี้ มาหาสาวสอง ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นพวกเธอทั้งสอง ดูจาก ท่าทางแล้ว หน่วยก้านดีจริงๆ

“คุณมาหาพวกเรามีอะไร?” อุเอสึงิ ฮารมองไปที่ผู้อาวุโส อย่างระวัง เธอรู้สึกว่าผู้อาวุโสอันตราย

นิรภัฏยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันรับพวกเธอสองคนเป็นศิษย์ ไม่ทราบ

ว่าพวกเธอยินยอมหรือไม่?”

พูดจบ นิรภัฏยื่นมา ในมือปรากฏแสงออร่าขึ้นมา จากนั้นรูป ร่างของพวกเธอทั้งสองปรากฏตัวในมือของเขา ดูอย่างละเอียดเป็นรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายของทั้งสอง

การควบคุมพลังงานแบบนี้ ได้ฝึกฝนจนชำนาญ ซึ่งน่าตะลึงยิ่ง นัก

ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตะลึงไปตามๆกัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ