พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 503 ประสบการณ์ชีวิตของอารียา



บทที่ 503 ประสบการณ์ชีวิตของอารียา

ภายในภัตตาคารสุดหรูแห่งหนึ่ง

รพีพงษ์กับศักดานั่งตรงข้ามกัน บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่สอง สามอย่าง ศักดาใช้สองมือหยิบอาหารกินอย่างมูมมาม โดยไม่ ใช้ตะเกียบในการทาน

รพีพงษ์เห็นศักดากินอย่างมูมมาม เขารู้สึกเหนื่อยใจ และคิด ในใจว่าพ่อของภรรยาช่างไม่เอาไหนเลยจริงๆ ผู้ชายคนหนึ่ง ออกมาข้างนอก จนมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร

เมื่อครูศักดาได้เล่าเรื่องที่ออกจากบ้าน และมาหารพีพงษ์ที่ เกียวโต ให้รพีพงษ์ฟัง แถมยังอ้อนวอนให้รพีพงษ์ดูแลเขาอีก ด้วย เขาไม่อยากกลับไปเจอคนหน้าตาดุร้ายอย่างศศินัดดาอีก

ไม่ว่าอย่างไร ศักดาก็เป็นพ่อตาของเขา ไม่ว่าศักดาจะไม่เอา ไหนแค่ไหน ตอนนี้เขาคงไม่สามารถปล่อยให้ศักดาไปตกระกำ นํามากหรอก

รพีพงษ์ได้แจ้งให้คนที่ตระกูลลัดดาวัลย์จัดหาที่อยู่ให้ศักดา เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ศักดาจะได้ไปพักที่นั่น

หลังจากที่ศักดากินอาหารจนหมดเกลี้ยง เขาใช้กระดาษทิชชู เช็ดปาก แถมยังเรอออกมา จากนั้นจึงยิ้มและพูดกับรพีพงษ์ว่า “รพีพงษ์ นายนี่ดีกับฉันเหมือนเดิมเลย นายรู้ไหมว่าหลายวันมา นี่ ฉันยังไม่ได้ทานข้าวสักมื้อ ข้าวมื้อนี้เป็นมื้อที่ฉันพอใจที่สุดในชีวิต”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า “คุณทานอิ่มก็ดีแล้ว

ศักดาจ้องรพีพงษ์ จู่ๆ แววตาของศักดาก็จริงจังขึ้นมา “ยังไม่ เจอเบาะแสของอารีเหรอ”

แววตาของรพีพงษ์เย็นชาขึ้นเช่นกัน เขาพยักหน้าให้ศักดา แล้วพูดว่า “หาแถบเมืองชลาลัยจนทั่วแล้ว ไม่ได้เบาะแสอะไร เกี่ยวกับอารีเลย คุณลองคิดดูดีๆ ว่าช่วงที่ผมไม่อยู่ ศศินัดดากับ อารีได้ไปทำให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า”

ศักดาส่ายหน้า “ฉันรู้ว่านายก็รู้ดีว่า ถึงแม้ศศินัดดาจะเป็นผู้ หญิงบ้า แต่สิ่งที่เธอก่อไว้ก็มากพอแล้ว ไม่น่าจะมีเรื่องอื่นอีก

รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เรื่องที่ไม่สามารถ

จับต้นชนปลายได้ มักจะทำให้คนทุกข์ใจเสมอ

แววตาของศักดาฉายแววแห่งความลังเล เหมือนกำลังคิด อะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถอนหายใจแล้วถามรพีพงษ์ว่า “ร พงษ์นายเห็นฉันเป็นพ่อตาของนายไหม”

“คุณเป็นพ่อของอารี แน่นอนว่าผมต้องเห็นคุณเป็นพ่อตา ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ล่ะ” รพีพงษ์ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

แววตาของศักดาจริงจังแล้วพูดออกมาว่า “ฉันแค่พูดว่าถ้านะ ถ้าฉันไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ ของอารี นายจะปฏิบัติกับฉันแบบนี้ไหม

รพีพงษ์อึ้งไป จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ถึงคุณจะไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆ ของอารี แต่คุณก็เลี้ยงเธอมาจนโต บุญคุณนี้ไม่สามารถทำเป็นเพิกเฉยได้ แค่นี้ผมก็ให้ความเคารพคุณได้แล้ว”

“งั้นศศินัดดาล่ะ ถ้าเธอไม่ได้เป็นแม่แท้ๆ ของอาล่ะ นายจะ ทำยังไงกับสิ่งที่เธอทำ?” ศักดาถามต่อ

รพีพงษ์เงียบไป การที่ครั้งนี้เกิดเรื่องกับอารียา อาจจะพูดได้ ว่าศศินัดดาเป็นคนยุยง ถ้าศศินัดดาไม่ทําเรื่องพวกนั้น ก็คงไม่ เกิดเรื่องแบบนี้กับอารียา ถ้าเธอไม่ได้เป็นแม่ของอารียา รพีพงษ์ คงจะหั่นเธอเป็นหมื่นชิ้นแล้ว

จู่ศักดาก็ถามขึ้นมาเช่นนี้ ถ้าศศินัดดาไม่ใช่แม่แท้ๆ ของ อารียา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรกับศศินัดดา

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์เงียบไป ศักดาจึงส่ายหน้าไปมา ถึงแม้เขา จะรู้ว่าถ้าบอกความลับที่ซ่อนอยู่ในใจออกมาตอนนี้ ศศินัดดา อาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่เรื่องบางเรื่องจะไม่พูดก็ไม่ได้เช่นกัน

เขาหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากเสื้อ หลังจากที่เขาเปิดมันออก มาก็เห็นรูปเก่าใบหนึ่งอยู่ในนั้น

ในรูปถ่ายเป็นรูปของทารกที่ถูกห่อไว้ด้วยผ้า สิ่งที่อยู่ข้างๆ

ทารกคือถังขยะ

ศักดายืนภาพใบนั้นไปให้รพีพงษ์ แล้วพูดด้วยเสียงราบ เรียบว่า “อาร์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเรา

รพีพงษ์ก้มมองรูปภาพใบนั้น หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของ ศักดา ก็เบิกตาโตขึ้นมาทันที เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ

“รูปใบนี้ฉันถ่ายไว้ตอนเก็บอารียากลับมา ตอนนั้นฉันกับศศินัดดาก็เพิ่งมีลูก แต่น่าเสียดายเมื่อเด็กคนนั้นเกิดมาก็เอาแต่ ป่วยออดๆ แอดๆ ไม่ถึงสองวันก็สิ้นใจ

“วันนั้นเป็นวันที่ลูกของฉันกับศศินัดดาจากไป ฉันทุกข์ใจมาก ก็เลยออกไปเดินเล่นคนเดียว ฉันเดินไปเรื่อยๆ จนถึง ในซอยที่ ไม่มีใคร ต่อมาฉันได้ยินเสียงร้องดังมาจากไม่ไกล ยังนึกว่าตัว เองเสียใจจนคิดไปเอง ฉันเดินตามเสียงนั่นไป

“จนเห็นเด็กน้อยอยู่ข้างถังขยะ ตอนที่เห็นเด็กฉันนึกว่าตัวเอง ฝันไป จนถึงกับต้องตบหน้าของตัวเอง จนแน่ใจว่านั่นคือเรื่อง จริง”

“แม้ว่าเพิ่งจะเสียลูกไป ทำให้ฉันชอบเด็กมาก แต่เมื่อเห็นว่ามี เด็กอยู่ข้างถังขยะ ปฏิกิริยาแรกของฉันคือดูรอบๆ บริเวณของ เด็กคนนั้น แต่กลับไม่เจออะไรเลย เหมือนโดนคนเอามาทิ้งไว้ที่นี่ น่าสงสารเป็นอย่างมาก

“ตอนนั้นฉันกะว่าจะไปแจ้งตำรวจ แต่ฉันชอบเด็กคนนั้นเป็น อย่างมาก คนที่เพิ่งเสียลูกไปอย่างฉัน จู่ๆ ก็มาเจอเด็กถูกทิ้งไว้ ข้างถังขยะ จะทนให้คนอื่นเอาเธอไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ได้ อย่างไรล่ะ”

“ฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนนางฟ้าในชีวิตของฉัน นี่เป็นโอกาสที่ สวรรค์มอบให้ฉันอีกครั้ง ดังนั้นฉันจึงเห็นแก่ตัว และเอาถ้ามา เป็นลูกของตัวเอง”

“ตอนที่ฉันเปิดผ้าที่ห่อเธอไว้ ฉันเห็นกระดาษใบหนึ่งอยู่ในนั้น บนกระดาษน่าจะเป็นที่อยู่ แต่โดนปัสสาวะของเด็ก ทำให้ตัวอักษรเลือนไปหมด ฉันอ่านออกแค่ไม่กี่ตัว ถ้าฉันจำไม่ผิด มันน่า จะเขียนว่าเมืองเซี่ยงไฮ้

“แต่จะตัดสินว่าเด็กคนนั้นมาจากไหน เพราะตัวอักษรแค่ไม่กี่ ตัวก็ไม่ได้ เมื่อคิดว่าเมืองเซี่ยงไฮ้อยู่ห่างจากที่ที่เราอยู่มาก ฉัน เลยไม่คิดจะส่งเธอกลับไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จู่ๆ แววตาของรพีพงษ์ก็เป็นประกาย เหมือน เขาจะเดาอะไรไว้ในใจแล้ว แต่เขาไม่อยากขัดจังหวะตอนที่ ศักดากําลังพูดอยู่

“พอดีกับตอนนั้น ในบ้านคนที่รู้ว่าเด็กตายมีแค่ฉันศศินัดดา สองคนเท่านั้น และท่านนาทีก็ให้ความสำคัญกับเรื่องทายาท มาก ลูกของฉันกับศศินัดดาถือว่าเกิดมาสายไปเสียแล้ว จึงไม่ได้ มีจุดยืนภายในตระกูลสักเท่าไร ถ้าเกิดไม่มีเด็กแล้ว พวกฉันสอง คนคงโดนท่านนาที ไล่ออกจากตระกูลฉัตรมงคงไปนานแล้ว

“เพราะฉะนั้นพวกเราจึงปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ และทำเหมือนเด็ก ที่เก็บแม่เป็นลูกแท้ๆ ของตัวเอง และไม่มีใครพูดถึงการจากไป ของลูกเรา”

“ศศินัดดาก็ชอบพอเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก การที่เราเสียลูก ไป มันกระทบกระเทือนจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก ตอนนั้น จิตใจของเธอไม่ปกติเลย แต่การมาของเด็กคนนี้ทำให้อาการ ของเธอดีขึ้นมาก เพราะเป็นแบบนี้ทำให้ศศินัดดาเห็นอารีเป็นที่ พึ่งพา และเห็นอารีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต และจะควบคุมชีวิต ของอาร์ไปตลอดชีวิต”
“ตอนนี้อารีหายไป แถมฉันยังโดนไล่ออกจากบ้านอีก ฉันคิด ว่านายควรจะรู้เรื่องนี้ เพราะตอนนี้นายคือคนที่ใกล้ชิดอารีที่สุด มีแค่นายที่สามารถปกป้องเธอได้

“ศศินัดดาบ้าไปแล้ว เธอไม่เคยคิดว่าอารีก็เป็นเพียงมนุษย์คน หนึ่ง ศศินัดดาเห็นอารีเป็นทางผ่านที่จะทำให้ชีวิตของเธอมี ความสุขและความมั่นคง ถ้าปล่อยให้เธอควบคุมชีวิตของอารี ต่อไป ชีวิตของอารีต้องพังทลายแน่ๆ

“ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าอารอยู่ที่ไหน แต่ฉันหวังว่า เมื่อนายหาอาเจอ นายจะเป็นที่พึ่งพาให้เธอ ถ้าเป็นไปได้ นาย ช่วยหาครอบครัวที่แท้จริงของเธอด้วย ใช่สิ นายว่ามีโอกาสเป็น ไปได้ไหมว่า ครอบครัวที่แท้จริงของอารีจะบังเอิญเจอตอนที่อารี เกิดเรื่อง แล้วพวกเขาก็พาอารึกลับไป โดยไม่ได้แจ้งใคร?”

เมื่อรพีพงษ์ได้ฟังสิ่งที่ศักดาพูด เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ คิดไม่ถึงว่า อารีจะเจออะไรแบบนี้ และตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ว่าทำไมศศินัดดาถึง เอาแต่ควบคุมอารียา

เมื่อได้ยินสิ่งที่ศักดาคาดเดา รพีพงษ์พยักหน้าตามแล้วพูดว่า “ตอนที่คุณพูด ผมก็เดาว่ามันอาจจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ว่าที่ เมืองเซี่ยงไฮ้จะมีเบาะแสของอารีหรือไม่ แต่ก็ควรจะไปหาดู ก่อน”

“เรื่องตามหาอารี คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของนาย นายก็รู้ สภาพของฉันในตอนนี้ ไม่เอาไหนและไม่มีอะไรดี ตอนนี้แม้แต่ บ้านก็ยังไม่กล้ากลับ ฉันคงไม่มีปัญญาไปช่วยเรื่องตามหาอารี”ศักดาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า การคุณเก็บอารียาจากข้างขยะ ก็ถือว่าเรื่องถูกต้องชีวิตจะโอกาสเจอเธออย่างไร

“เรื่องตามหาอารี ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ

ศักดาพยักหน้าแล้วลุกยืน ฉันไม่นอนเต็มอิ่มมาหลาย นายหาพักให้ฉันแล้ว ใช่ไหม ตอนฉันสามารถไปนั่นได้ไหม

“ได้เดี๋ยวผมให้คนรับคุณรพีพงษ์พูดพลางหยิบ มือถือออกมา โทรใครบางคน

หลังที่พาศักดาไปส่งเรียบร้อย รพีพงษ์รีบกลับมาที่บ้าน ตระกูลลัดดาวัลย์ เพราะคิดว่าการหายตัวของอารียาอาจเกี่ยวกับเรื่องผ่านมาของเธอ เพราะฉะนั้นเขาต้องรีบคนไป หาเบาะแสของอารียา

นี่เบาะแสเดียวสืบอารียา ดังนั้นเขาไม่ปล่อย ให้โอกาสหลุดลอยไป ถึงแม้ว่าจะต้องเสียอะไรมากแค่ไหน ก็ตาม

เมื่อพิเศษไว้ติดต่อคนเทือกเขากิสนา

ระดมคนทั้งหมดเท่าที่ทำได้ไปตามหาเบาะแสของภรรยา ฉันเมืองเซี่ยงไฮ้ ถ้ามีอะไรให้แจ้งฉันทันที!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ