พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 381 ฉันมาขอพบคุณชาย



บทที่ 381 ฉันมาขอพบคุณชาย

เมื่อท่านอธิการเห็นรพีพงษ์ก้าวร้าวมาก ความไม่พอใจก็ทวี ความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่ายังไงที่นี่ก็เป็นเขตพื้นที่ในความ

ดูแล

ของเขา โดนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเข้ามาดุด่า เขาไม่ต้องการรับฟังความคิดเห็นของรพีพงษ์อยู่แล้ว

“คุณอย่าคิดว่าได้คืบแล้วจะเอาศอก เรื่องนี้จะจัดการยังไง มันเป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ถ้าคุณทำเช่นนี้ มัน

จะ

ทำให้สถานการณ์ของภารุจายิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น ท่าน อธิการขมวดคิ้วและพูด

“ท่านอธิการ คุณพูดถูกแล้ว เรื่องในมหาวิทยาลัยของเรา ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกคนนี้เข้ามาวุ่นวาย ถึงแม้อัคคพลจะ เป็นคนเซ็น

สัญญาฉบับนี้กับภารุจา แต่เรื่องเกิดขึ้น โดยมีเหตุผล เรื่อง นี้ผมต้องอธิบายให้คุณฟังเป็นการส่วนตัว ตอนนี้ขอให้ รปภ.มาไล่

ผู้ก่อกวนคนนี้ออกไปก่อน” กอบบุญพูด

อัดคพลที่อยู่ข้างๆพยักหน้าตลอด
ท่านอธิการไม่ได้คัดค้านคำพูดของกอบบุญ เห็นได้ชัดว่า เลือกที่จะยืนอยู่ข้างพวกเขา

“ทีที พูดเป็นการส่วนตัว ถ้าให้โอกาสพวกคุณพูดเป็นการ ส่วนตัวจริงๆ เรื่องที่เป็นด้านบวกก็จะพูดเป็นด้านลบทันที ท่าน

อธิการ ความหมายของคุณคือ ต้องการปกป้องพวกเขา สองคน?” สายตาที่เย็นชาของรพีพงษ์มองมาที่ทำนอธิการ

“ผมตัดสินใจยังไง คงไม่ต้องให้คุณมาสอน” ท่านอธิการ ตัดสินใจเด็ดขาด

“พวกคุณสองคน คงไม่คิดจะยอมรับผิด ใช่ไหม?” รพี พงษ์มองไปที่กอบบุญและอัคคพล

“พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไร คุณอย่ามาใส่ร้ายป้ายสี!” กอบ บุญตอบโต้ทันที

“ประสาทหรือเปล่า มาฟ้องถึงอธิการ คุณคิดว่าคุณเป็น ใคร มีสิทธิ์อะไรที่จะโต้เถียงท่านอธิการ “อัคคพลพูดด้วย

ความดูถูก

รพีพงษ์เห็นการตอบสนองของทั้งสามคน และกีพยักหน้า พูดว่า ” โอเคนี่ นี่เป็นทางเลือกที่พวกคุณเลือกเอง ถึงตอนนั้น

อย่ามาเสียใจภายหลัง”
พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกดหมายเลข โทรศัพท์ที่ท่านคทาเคยให้ไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อกอบบุญเห็นรพีพงษ์กำลังจะโทรศัพท์ เขาก็หัวเราะ ทันที และพูดว่า “หรือว่าคุณยังต้องการหาคนมาช่วยจัดการ เรื่อง

นี้ ? สมองของคุณมีปัญหาหรือเปล่า คุณรู้ไหมว่าท่าน อธิการอยู่ในเมืองบาสแตร์มีความกว้างขวางแค่ไหน แค่คุณ ยังคิดจะ

หาคนมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ ฝันไปเถอะ”

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่รอสายเชื่อมต่ออย่างเงียบๆ

“ฮัลโหล? คุณคือ?”

“รพีพงษ์”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝั่งมีเสียงหายใจเข้าลึกๆ ตามด้วยเสียง สั่นเล็กน้อย “ท่าน…..นายท่าน เป็นท่านจริงๆ? ตอนนั้นท่าน

คทา

แจ้งมาว่า นายท่านจะมาที่เมืองบาสแตร์ไม่ทราบว่าตอน นี้คุณถึงไหนแล้ว ผมจะได้ไปรับคุณ”

“ตอนนี้ผมอยู่ที่มหาวิทยาลัยเมืองบาสแตร์ นายรู้จัก อธิการของที่นี่หรือเปล่า?” รพีพงษ์เอ่ยถาม
“รู้จัก ฉันเพิ่งบริจาคสองร้อยล้านให้กับมหาวิทยาลัยเมือ งบาสแตร์ ท่านอธิการมหาวิทยาลัยเมืองบาสแตร์ กระตือรือร้นอยากจะเป็น

มิตรกับผม นายท่านเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?

“ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้ว ตอนนี้คุณรีบมามหาวิทยาลัยเมืองบาส แต่ ฉันจะรอคุณอยู่ที่ห้องสำนักงานของอธิการ”

หลังจากพูดเสร็จ รพีพงษ์ก็วางสาย

“ยังมาแสดงลีลาได้แนบเนียน คุณคิดว่าคุณเรียกคนมาไม่ กี่คน ก็มีคุณสมบัติพอที่จะเจรจากับท่านอธิการเหรอ? ขอบ

อก

คุณ ตรงนี้คือมหาวิทยาลัย ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนหยาบ คายที่ใช้ความรุนแรงก็สามารถข่มขู่ได้ ถ้าคุณกล้าทำอะไร กับพวกเรา

จะมีกฎหมายลงโทษคุณ!” กอบบุญตะโกนใส่รพีพงษ์

รพีพงษ์ยิ้มให้พวกเขา และพูดว่า “ผมจะพูดอย่างมีเหตุผล กับพวกคุณ และผมหวังว่าถึงตอนนั้นพวกคุณจะไม่แสดงสี หน้าที่หน้าด้านของพวกคุณออกมา แบบที่ว่าถึงตายก็ไม่ ยอมรับผิด

“คุณพูดว่าหน้าด้าน!” อัคคพลตะโกนใส่รพีพงษ์ทันทีด้วย ใบหน้าที่โกรธเกรี้ยว
อธิการหันกลับไปนั่งด้วยความโกรธ ตอนนี้เขาอยากเห็น คนคนนี้จะเรียกคนแบบไหนมา เขากับนักธุรกิจใหญ่อันดับ หนึ่งใน

เมืองบาสแตร์ เพิ่งผูกมิตรกับคุณอธิชนม์ มีคุณอธิชนม์ผู้ กว้างขวางคนนี้ เขาอยู่ในเมืองบาสแตร์ ก็ไม่ต้องกลัวใครอีก

ภารจาคาดไม่ถึงว่าสิ่งต่างๆจะเลวร้ายลง และมันก็มาถึง จุดที่เธอไม่สามารถจินตนาการได้

เธอเดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ และพูดอย่างเป็นห่วง “พี่รพี พงษ์ พวกเราจะต้องโต้เถียงกับพวกเขาแบบนี้จริงๆเหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้ม และพูดว่า “นี่ไม่ใช่การโต้เถียง แต่ทำให้พวก เขาตระหนักถึงความผิดของตัวเอง คุณไม่ต้องกังวล ผม

บอกแล้วจะช่วยคุณจัดการแก้ไขปัญหานี้ และจะไม่ผิด

สัญญา”

ภารจาพยักหน้า ไปยืนข้างๆ และรออย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ก็มีเสียงฝีเท้าด้านนอก ตามมาด้วยเสียงเคาะประตู

รพีพงษ์เดินไป เปิดประตู และเห็นอธิชนม์ยืนอยู่ข้างนอก โดยมีบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งห้าหกคนอยู่ข้างหลังเขา

“ท่าน…คุณชาย ผมมาข้าไปหน่อย โปรดยกโทษให้ผม ด้วย” ตอนแรกอธิชนม์กะจะเรียกนายท่านรพีพงษ์ แต่หลังจาก

เห็นสายตาของรพีพงษ์ เขาก็รีบเปลี่ยนค่าพูดทันที

“เข้ามาได้” รพีพงษ์พูด

“ที่เป็นแค่คนบ้านนอกที่หยาบคาย จะโทรหาคนแบบใหน มาเรื่องในวันนี้ ไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆ” อธิการพูด พร้อม

กับเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ประตู

เมื่อเห็นร่างของคนที่เดินเข้ามา อธิการก็ตกตะลึง

ทั้งกอบบุญและอัคคพลต่างตกตะลึง คุณอธิการเป็นนัก ธุรกิจใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองบาสแตร์ มีรายงานทางทีวี เกือบทุก

วัน พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหน้าตาคุณอธิชนม์เป็น แบบไหน

“ไอ้ผู้ชายคนนี้ ถึงขนาดโทรเรียกคุณ….คุณอธิชนม์มา ฉันสายตาพร่ามัวหรือเปล่า ฉันมองผิดหรือเปล่า?” กอบบุญ

พูด

ด้วยความเหลือเชื่อ

“เป็นไปได้ยังไง คุณอธิชนม์เป็นถึงบอสใหญ่ จะมีเวลามา ที่นี่ได้อย่างไร และไอ้ผู้ชายคนนี้ใหญ่มาจากไหน แค่โทรศัพท์ครั้ง

เดียวก็สามารถเรียกคุณอธิชนม์มาได้? อัคคพลพูดด้วย เสียงสั่นเครือ

หลังจากเห็นคนที่เข้ามา ทั้งสองคนก็มีความรู้สึกกังวลใน

ใจ

หลังจากอธิการอยู่ในสถานการณ์ที่อึ้งได้ไม่กี่วินาที ก็รีบ ลุกขึ้น เดินไปหาคุณอธิชนม์ พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดว่า

“คุณอธิชนม์ ทำไมคุณถึงมาที่มหาวิทยาลัยของเรา ตอน นั้นพวกเราเพิ่งโทรคุยกัน คุณจะมาทำไมไม่แจ้งผมก่อน”

“ฉันมาหาคุณชาย ไม่จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบ” อธิ ชนม์พูดด้วยเสียงนิ่งๆ

หลังจากอธิการบดีและอัคคพลกับกอบบุญได้ยินคำพูด ของคุณอธิชนม์ที่ทักทายรพีพงษ์ ถึงกลับสูดลมหายใจลึกๆ

คุณชาย!?

อธิชนม์เรียกชายคนนี้ที่ดูธรรมดาๆ และเป็นคนที่ยืนกราน ที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับภารจาว่าคุณชาย?

ตัวตนของชายคนนี้คือใคร? เขาเป็นคุณชายบ้านไหน?

คำถามนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในความคิดของทั้งสามคนแต่อธิชนม์ไม่สามารถจะตอบคำถามเหล่านี้ได้

อธิชนม์หันหน้าไปมองรพีพงษ์ และถามว่า “คุณชาย ไม่ ทราบว่าคุณเจอปัญหาอะไร?”

รพีพงษ์เหลือบมองไปที่อธิการและอีกสองคน พูดอย่าง เย็นชา “บุคคลทั้งสองคนนี้เข้าข่ายหลอกลวงฉ้อโกงน้องสาว

ของ

ฉัน หลอกล่อให้เธอหลงกลเซ็นสัญญาฉบับหนึ่ง ในขณะ เดียวกันพวกเขาก็ใส่ร้ายป้ายสีให้เธอเสียชื่อเสียง เมื่อกี้ฉัน ถามทั้ง

สองคน พวกเขาทั้งสองไม่ยอมรับ ดังนั้นผมจำเป็นต้องขอ ความช่วยเหลือจากคุณ เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด

และ

ค้นหาหลักฐานทั้งหมด”

“โอเคคุณชาย เรื่องนี้มอบหน้าที่ให้ผมจัดการเอง”อธิชนม์ ตอบตกลง

กอบบุญกับอัคคพลสีหน้าเปลี่ยนทันที รู้ว่าอธิชนม์อยู่ใน เมืองบาสแตร์มีอำนาจขนาดไหน ถ้าเขาจะตรวจสอบเรื่องนี้

คงจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ก็จะได้หลักฐานเพียงพอ

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าภารจาเป็นคนที่หลอกง่าย และ ไม่มีภูมิหลังอะไร ฉะนั้นในกระบวนการนี้มีรายละเอียดมากมาย

ที่พวกเขาไม่สนใจ เพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ชาย ที่ยิ่งใหญ่อย่างอธิชนม์มาตรวจสอบเรื่องนี้

“แน่นอน ฉันไม่อยากเสียเวลามากนัก ฉันจะให้โอกาส พวกคุณสองคนอีกครั้ง ในการยอมรับเอง ถ้าพวกคุณ สามารถยอม

รับความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น ผมจะให้พวกคุณไม่ต้องทุกข์ ทรมานมาก มิเช่นนั้น การปฏิบัติของผมที่มีต่อพวกเศษเตน

มีวิธี

หนึ่งที่น่าตื่นเต้นมาก พวกคุณคงทนรับมันไม่ได้” รพีพงษ์

พูด

เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ กอบบุญกับอัคคพล ถึงกับตัวสั่น

“คุณชายท่านนี้ กอบบุญเป็นคนสำคัญของมหาวิทยาลัย เรา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบที่คุณพูด ในเมื่อคุณ ต้องการตรวจสอบ

ให้ชัดเจน ทางมหาวิทยาลัยของเราก็จะให้ความร่วมมือ กับคุณ เพื่อให้ความกระจ่างกับทุกคน” อธิการจ้องมองรพี พงษ์ พูดด้วย

น้ำเสียงที่สุภาพมากขึ้น
จนถึงตอนนี้ ท่านอธิการยังไม่สงสัยกอบบุญ

กอบบุญและอัคคพลมีสีหน้าแปลกๆ ชั่วขณะพวกเขากลืน ไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งสองจ้องมองหน้ากัน ราวกับอยากจะ

กันว่าจะทำยังไง

อัคคพลตัดสินใจเด็ดขาด คิดว่าแม้จะถูกตรวจสอบก็อาจ จะไม่พบอะไรถึงตอนนั้นแม้ต้องตายก็ต้องปฏิเสธที่จะ ยอมรับผิด

เขากำลังจะพูดเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง กอบบุญก็พูด ตรงๆ “ผมยอมรับ เรื่องนี้ผมทำไม่ถูกต้อง แต่ขั้นตอนต่างๆ อัคคพล

เป็นคนทำมากกว่า ผมแค่ช่วยเขาข่มขู่ภารจาเท่านั้น เขา เป็นตัวบงการ

อัคคพลตกตะลึงในทันที ไม่คาดคิดว่าอัคคพลไม่เพียง ยอมรับ แต่ยังหักหลังเขาด้วย

เมื่ออธิการได้ยินคำพูดของอัคคพล ใบหน้าของเขาก็ตก ตะลึง เขาไว้ใจผู้อำนวยการคนนี้มาตลอด ทำไมถึงทำเรื่อง

ไร้ยาง

อายเช่นนี้?

ตัวเองพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเขา ตอนนี้เหมือนเขากำลังทำให้ตัวเองเสียหน้า!

“ไอ้ชั่วคนนี้ บอกว่าฉันเป็นคนบงการ หรือนายไม่เคยคิด จะขึ้นเตียงกับภารจา? ถ้าเธอให้นายสามแสนบาท นายก็จะ ขอแบ่งครึ่งหนึ่ง?” กอบบุญจ้องเขม่นมาที่อัตตพล เกือบ จะลงไม้ลงมือกัน

“อัคคพล คุณต้องเข้าใจผม ผมยังมีครอบครัว ถ้าป้าสะใภ้ ของคุณรู้เรื่องนี้ ผมจะต้องถูกถลกหนังแน่นอน ดังนั้นผมจึง

ไม่

อยากเสี่ยง” กอบบุญพูด

“เดี๋ยวฉันจะไปบอกป้าสะใภ้ เรื่องนี้คุณไม่สามารถปิดบัง ได้อีกต่อไป!” อัคคพลอุทานด้วยความโกรธ

“พอแล้ว!” รพีพงษ์ตะคอกอย่างเย็นชา

ทั้งสองหยุดทันที กอบบุญรีบหันไปมองรพีพงษ์ และ คุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ “น้องชายผู้สูงส่งไม่ควรมาใส่ใจ

คนต่ำต้อย

อย่างผม โปรดยกโทษให้ผม ผมยังมีคนแก่และเด็กเล็ก ถ้าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป ชื่อเสียงของผมจะพังพินาศ และต่อ ไปคงไม่

มีหน้าไปพบใครอีกแล้ว”
คุณยังรู้จักขายหน้าเหรอ? ท่าไมตอนที่คุณและอัคคพลใส่ ร้ายน้องสาวผมทำไมไม่สนใจชื่อเสียงของเธอ? รพีพงษ์

ตะโกน

จู่ๆกอบบุญก็เงียบ รู้ว่าความผิดครั้งนี้ คงไม่สามารถแก้ไข

ได้แล้ว

อัคคพลก็คุกเข่าต่อหน้ารพีพงษ์ และขอความเมตตา “พี่ ชาย ผมยอมรับผิดแล้ว ผมไม่ควรปฏิบัติอย่างนี้ต่อภารจา ตอนนี้

ผมสำนึกผิด และโปรดยกโทษให้ผม ผมจะฉีกสัญญาทิ้ง ต่อไปผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก

รพีพงษ์เหลือบมองคนทั้งสองอย่างเย็นชา และพูดว่า “สิ่ง ที่พวกคุณทำมีผลกระทบอย่างมากต่อชื่อเสียงของภารจา เรื่องนี้

พวกคุณต้องชดใช้ พรุ่งนี้พวกคุณทั้งสองคนจะต้องชี้แจง เรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนในมหาวิทยาลัย ฉันถึงจะปล่อยพวกคุณ มิเช่นนั้น

พวกคุณก็รอเข้าคุกเลย”

กอบบุญและอัคคพลมีสีหน้าซีดขาว เมื่อรู้ว่านี่เป็นจุดจบที่ ดีที่สุดของพวกเขา หลังจากพูดจบ รพีพงษ์หันมามองอธิการ

พูด
อย่างเย็นชา “ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะพูดอีก?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ