พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่774 ผมจะซื้อภัตตาคารของคุณ



บทที่774 ผมจะซื้อภัตตาคารของคุณ

อรรจยาและผลอุทัยมองไปที่รพีพงษ์อย่างเอือมระอา รู้สึกว่าร พงษ์เสแสร้งเกินไปแล้ว

ซี พูดอะไรเกินจริงหน้าไม่อาย คุณพูดหนึ่ง ไม่มีใครก็พูดสอง ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยว่าเป็นยังไง มากไปก็ไม่กล้าพูด อย่างน้อย ก็สิบยี่สิบล้านปะ บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้ง่ายๆงั้นหรอ?” อรรจยา จ้องรพีพงษ์อย่างเหยียดหยาม

ผลอุทัยก็รู้สึกว่ารพีพงษ์พูดเกินไป จึงได้ขอว่า “รพีพงษ์ ผมรู้ ว่าผู้ชายต้องรักษาเกียรติ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ฟัง ผมหน่อยเหอะ คุณนายใหญ่ของตระกูลจนกวีไม่ได้หรอก ฉวย โอกาสตอนนี้ที่ยังสามารถตกลงกันได้ ยินยอมพร้อมใจเสีย เถอะ”

รพีพงษ์มองไปที่ทั้งคู่อย่างเยือกเย็น หากรพีพงษ์ยังมองว่า พวกเขาเป็นเพื่อนที่พบกันโดยบังเอิญ ขั้นตอนนี้พวกเขาก็อยู่ใน แบล็กลิสต์ของรพีพงษ์แล้ว

เขาไม่ใส่ใจคำพูดของทั้งสองคน แต่โบกมือให้กับพนักงาน ตรงนั้น

“เรียกเจ้าของร้านของพวกคุณมา” รพีพงษ์กล่าว

“คุณผู้ชาย มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” พนักงานกล่าวอย่าง เคร่งเครียด
“ไม่มี ผมอยากเจอเจ้านายพวกคุณหน่อย รีบไปเรียกมา” รพี พงษ์ยิ้มพลางกล่าว

ที่นั่งตรงนี้ของรพีพงษ์เป็นที่ที่แพงที่สุดของร้านอาหารนี้ ลูกค้า ที่นั่งตรงนี้ถือเป็นราชา ไม่ว่าพวกเขาเรียกร้องอะไร พนักงานก็ไม่ กล้าเชื่องช้า ดังนั้นเขาจึงรีบไปหาเจ้านาย

อรรจยาและผลอุทัยทั้งสองมองรพีพงษ์อย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่า

ทําไมเขาต้องให้พนักงานเรียกเจ้าของร้านมา

อารียาที่รู้นิสัยของรพีพงษ์รู้ได้ทันทีว่ารพีพงษ์ต้องการจะทำ อะไร ถ้าไม่ผิดล่ะก็ วันนี้เจ้าของร้านจะต้องเปลี่ยนคน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาจะขอร้องรพีพงษ์ แต่หลังจากที่ได้ดูแล ตระกูลลัดดาวัลย์ช่วงเวลาหนึ่ง สำหรับเรื่องการเทคโอเวอร์ ธุรกิจ อารียาไม่ขัดแย้งใดๆ

เพราะร้านอาหารไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่เสียเปล่า แต่เป็นธุรกิจที่ ได้รับกำไร แม้รพีพงษ์จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อ พวก เขาก็ไม่มีทางเสียเปรียบ เพียงแค่มีความอดทนมากพอ เงินที่ จ่ายออกไป ไม่ช้าก็เร็วจะได้กำไรคืนมา

ผ่านไม่นาน พนักงานก็พาเจ้าของร้านอาหารพูคายมา

“คุณผู้ชาย มิทราบว่าอาหารที่ร้านของเราไม่ถูกเปล่าคุณหรือ เปล่า ถ้ามีปัญหาล่ะก็ ผมจะให้เซฟทำให้คุณใหม่” เจ้าของร้าน เป็นชายวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบกว่าปี ใบหน้าเต็มไปด้วยออร่า
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “อาหารของพวกคุณอร่อย ทั้งหมด ที่ผมเรียกคุณมา อยากจะถามว่า ตอนนี้ภัตตาคารของ คุณราคาเท่าไหร่?”

เจ้าของร้านชะงัก จากนั้นกล่าว “ประมาณสี่สิบล้าน ทำไมถึง ถามหรอครับ?”

เพื่อเพิ่มราคาร้านอาหารของตัวเอง เจ้าของร้านบอกราคาเพิ่ม

ไปมากกว่าราคาจริง

“ผมอยากซื้อภัตตาคารของคุณ” รพีพงษ์กล่าว

เจ้าของตะลึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์อยากซื้อภัตตาคารของเขา คำพูดแบบนี้ ไม่ใช่จะพูดเล่นๆได้

อรรจยาและผลอุทัยทั้งสองตาโต จ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยความ คาดไม่ถึง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อร้านอาหารของเค้าจริงๆ

เสแสร้งได้สุดๆจริงๆ ไม่มีใครทำได้ล่ะ

“คุณผู้ชาย คุณไม่ได้โกหกใช่ไหม?” เจ้าของบ้านจ้องไปที่ร พงษ์แล้วถาม

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร อรรจยาที่อยู่ข้างๆกล่าว “ใช่ เขาล้อเล่น ขอโทษจริงๆนะคะ เขาน่าจะฟังคำพูดที่ทิ่มแทงไป จึงรู้สึกอับอาย ดังนั้นจึงคุยโว รบกวนคุณแล้ว”

“ไม่ได้ล้อเล่น ผมอยากซื้อจริงๆ ผมให้สามสิบล้าน ตอนนี้ สัญญา แล้วผมจะโอนเงินให้คุณทันที” รพีพงษ์กล่าว
อรรจยาตาโต กล่าว “คุณหยุดเสแสร้งสักทีเถอะ ไม่ดูตัวเอง เลยนะว่าใส่เสื้อผ้ายังไง ใส่เสื้อผ้าแบบนี้จะมีเงินสามสิบล้าน หรอ? คุณมีสักสามพันก็ถือว่าไม่เลวล่ะ คุณอย่าทำให้เค้าเสีย เวลาอีกเลย”

“ขอโทษจริงๆ รบกวนคุณแล้ว” ผลอุทัยมองเจ้าของอย่างรู้สึก ผิด

รพีพงษ์เห็นอรรจยาและผลอุทัยสร้างปัญญา จึงยืนขึ้น มองไป ที่เจ้าของร้าน กล่าว “พวกเราไปคุยกันที่อื่นดีกว่า ผมอยากซื้อ จริงๆหรือไม่ คุยจบคุณจะรู้เอง

เจ้าของร้านมองไปรอบๆ แม้เขารู้สึกว่ารพีพงษ์ใส่ชุดธรรมดา ทั่วไป มองไปแล้วไม่เหมือนคนมีตังค์ แต่ในเมื่ออีกฝั่งพูดขนาดนี้ แล้ว จะลองฟังสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร

สิ่งที่สำคัญคือต้นทุนการบริหารร้านอาหารที่ค่อนข้างสูง

สำหรับเขา ถือว่ามีแรงกดดันสูง

แม้มื้ออาหารที่แพงที่สุดในร้านนี้จะมีราคาถึงแปดหมื่น แต่ ราคาต้นทุนที่ใช้ไปก็น่าผวาเช่นกัน วัตถุดิบล้วนส่งมาทางอากาศ มีบางอย่างที่อยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้ เจ้าของก็ไม่ได้มีแบ็คอะไร มาก เมื่อเงินหมุนเวียนมีปัญหา ภัตตาคารนี้ของเขาก็ต้องปิดตัว ลง ดังนั้นเขาจึงมีความคิดที่อยากจะขายร้านอาหารนี้มานาน แล้ว

แต่คนที่มีปัญญาซื้อร้านอาหารเขาได้นั้นจะมีสักกี่คน ดังนั้น เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดว่าจะซื้อ แม้จะไม่จริง แต่เขาก็ยอมที่จะฟัง
เจ้าของร้านพยักหน้าให้กับรพีพงษ์ จากนั้นก็พารพีพงษ์เกิน เข้าไปด้านใน

อรรจยาและผลอุทัยเห็นดังนี้ ก็เซ็ง คิดว่าเจ้าของก็ไม่ได้ฉลาด อะไรเลย ดูก็รู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีปัญญาจะซื้อได้ แล้วยังยอมเสีย เวลาอีก

“เหอะ แม้รพีพงษ์จะพูดให้ดูดี ไม่มีเงิน เขาก็ไม่มีทางซื้อร้าน อาหารได้ แต่แบบนี้ก็ดี อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้ว่าเขาเป็นเพียงคนที่ ชอบคุยโวเกินจริงก็เท่านั้น” อรรจยาจ้องอารีนาแล้วกล่าว

“เอาจริงๆ รพีพงษ์เทียบกับนายใหญ่ของตระกูลจนกวีไม่ได้ เลย ผมอยากให้คุณไตร่ตรองให้ดีๆ ผู้หญิงอย่างคุณ อยู่กับร พงษ์ ค่อนข้างเสียดาย” ผลอุทัยกล่าว

อารียามองบน ไม่อยากสนใจพวกเขาทั้งคู่แล้ว จึงได้ก้มหน้า เล่นมือถือ

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าของร้านและรพีพงษ์เดินกลับ มา

อรรจยาเห็นดังนี้ ก็รีบพูดกับเจ้าของร้านว่า “ฉันพูดไว้ไม่มีผิด ใช่ไหม ว่ามันไม่มีทางมีปัญญาซื้อร้านอาหารแพงๆของคุณได้ มื้ออาหารวันนี้ที่มันกินไปจะให้มันจ่ายเอง ฉันดูๆแล้วแม้แต่ อาหารมื้อนี้มันก็ไม่มีปัญญาจ่ายได้”

เจ้าของร้านหัวเราะ กล่าว “มื้ออาหารวันนี้ของพวกคุณผม เลี้ยงเอง พวกคุณไม่ต้องจ่าย
อรรยาชะงัก ถาม “ทำไม?”

เจ้าของร้านยิ้มอย่างตื่นเต้น หันไปมองรพีพงษ์ กล่าว “คุณรพี ได้ซื้อร้านอาหารของเราไว้แล้ว เมื่อกี้พวกเราได้เซ็นสัญญากัน แล้ว คุณรพีได้โอนเงินมาให้แล้ว ดังนั้นจากตอนนี้ไป ร้านอาหาร นี้ จะเป็นของคุณรพีแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของร้านแล้ว นั้น อรรจยาและผลอุทัยอ้าปากค้าง

“นี่…..นี่ทันเป็นไปได้ยังไงกัน!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ