พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่694 ผู้ดูแล



บทที่694 ผู้ดูแล

ระหว่างทางกลับ สีหน้าของชาลิสาแดงก่ำตลอดทาง รพีพงษ์เดิน ตามหลังเธอ อธิบายไปหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ฟังว่ารพีพงษ์ ตลอดทางว่าเป็นไอ้ลามก

รพีพงษ์เบื่อหน่าย รู้ว่าการที่ตัวเองจะรักษาภาพพจน์อันดีงาม ของตนเองต่อหน้าชาลิสานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ในเวลาเดียวกันเขาก็พอจะเดาได้ว่าสาวสวยอย่างชาลิสา ที่มี พลังแข็งแกร่ง ปกติแล้วจะไม่มีใครกล้าลวนลามเธอแน่นอน

ดังนั้นวันนี้เมื่อตอนที่รพีพงษ์เกือบจะจับตรงนั้นของเธอ เธอจึง ได้ออกอาการมากขนาดนั้น

แต่สิ่งที่ควรพูดถึงก็คือ ชาลิสาที่ปกติดูนิ่งๆ เมื่อหน้าแดงก็ยิ่ง

น่ารักขึ้น ดูดีกว่าชาลิสาที่นิ่งสงบเสียอีก

กลับมายังสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ชาลิสาไปยังห้อง ของตัวเอง ไม่ได้สนใจโศศจที่กำลังฝึกฝนอยู่ที่ห้องโถงแต่อย่าง ได

โศศจแปลกใจ เขาเพิ่งจะเคยเห็นชาลิสาไม่มีสติครั้งนี้ครั้งแรก ชาลิสาก่อนหน้านี้นั้นเป็นคนที่นิ่งสงบ ไม่เคยร้อนรนขนาดนี้มา ก่อน

“ลูกสาวฉันเป็นอะไร? พวกแกมีปัญหาอะไรตอนอยู่ข้างนอก หรือเปล่า?” โศศจเห็นรพีพงษ์เดินตามหลังมา ก็ได้ถามไป
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเขินอาย แล้วกล่าว “เธอประลองกับผม แพ้ เลยไม่พอใจมั้ง”

โศศจยิ้ม แล้วกล่าว “เธอเป็นแค่เนี่ยจิ้ง แพ้คุณก็เป็นเรื่องปกติ

หนิ เด็กคิดนี้ก็เป็นงี้แหละตั้งแต่เล็กจนโต

รพีพงษ์ก็ไม่กล้าพูดกับโศศจต่อ จากนั้นก็พูดอีกนิดหน่อย แล้ว ก็เดินกลับห้องตัวเองไป

ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ทุกคืนรพีพงษ์จะใส่หน้ากากไปสนาม มวยใต้ดิน ท้าทายยอดฝีมือที่อนันยชฝึกฝนมา ตอนจบยอดฝีมือ เหล่านั้นล้วนแขนหักขาหัก เพราะเหตุผลนี้ รพีพงษ์จึงโด่งดัง

ชื่อของเทพมรณะได้ถูกป่าวประกาศจนเป็นที่รู้สึกในเขตนั้น ดึงดูดผู้คนมาสนามมวยใต้ดินอย่างเยอะ ก่อนที่การแข่งขันจะ เริ่มขึ้น สนามมวยใต้ดินก็แออัดเต็มไปด้วยคน

และชาลิสานอกจากวันแรกที่ไปสนามมวยใต้ดินกับรพีพงษ์ นอกจากนั้นก็ไม่ได้สนใจรพีพงษ์อีกเลย แม้จะเจอรพีพงษ์ แต่ก็ ใช้สายตาเกลียดชังมองรพีพงษ์ ราวกับมีความโกรธแค้นกัน อย่างไรอย่างนั้น

รพีพงษ์ท้าทายยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลวันที่ห้า

หลังจากที่ได้กำจัดยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลแล้วนั้น รพี พงษ์ก็ไม่ลังเล เดินลงเวทีทันใด

หลังจากทรพีพงษ์ลงจากเวทีแล้วนั้น ก็ไม่ได้จากไปรอต่ออีก สักพัก อยากรู้ว่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลจะมาหรือไม่ ห้านาทีผ่านไป ไม่พบแม้แต่เงา รพีพงษ์จึงได้ออกจากสนามมวยใต้ดิน ไป

เดินไปไม่นาน รพีพงษ์รู้สึกมีคนเดินตาม เขาคิดว่าคนของตระ กูลนิธิวรสกุลตามมา เมื่อเดินไปถึงตรอกซอยหนึ่ง เขาได้เลี้ยวไป ด้านใน

คนที่เดินตามรพีพงษ์คนนั้นเห็นรพีพงษ์เลี้ยวเข้าไปในซอย ก็ รีบตามไปอย่างเร็ว เมื่อเห็นรพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ก็ยิ้มออก มาแล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะโดนจับติดจนได้”

รพีพงษ์ไม่ได้ถอดหน้ากากออก มองคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า

ผ่านหน้ากาก คนนี้อายุราวๆสี่สิบปีโดยประมาณ เป็นชายผอม แล้วยังใส่แว่นตาอีกด้วย ไม่ว่าจะมองยังไง คนนี้ก็ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ แต่รพีพงษ์กลับ

รับรู้ได้ถึงความพิเศษในตัวเขา

คนนี้เป็นยอดฝีมือของเน่ยจิ้ง “แกเป็นคนของตระกูลนิธิวรสกุล? รพีพงษ์ถาม

คนนั้นชะงัก แล้วกล่าว “ผมขอแนะนำตัวหน่อยล่ะกัน ผมชื่อ ผลบุญ แน่นอน คุณสามารถเรียกชื่ออังกฤษผมได้ โทนี่ ผมคือผู้ ดูแลไชน่าทาวน์ของอเมริกา ตอนนี้ผมขอให้คุณถอดหน้ากาก ใช้หน้าจริงพูดคุยกับผม

รพีพงษ์รู้สึกแปลกใจ ไม่คาดคิดว่าคนที่ตามตัวเอง จะเป็นคน ดูแล แม้จะรู้ว่าผู้ดูแลมีตัวตนอยู่ แต่รพีพงษ์ก็เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก

คนนี้ทิ้งความทรงจําในการเจอกันครั้งแรกให้กับรพีพงษ์ไม่

ค่อยดีนัก ค่อนข้างหยิ่งผยอง แม้จะเป็นคนของผู้ดูแล ก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะสั่งให้เขาถอดหน้ากากออก “ขอโทษนะ ผมไม่อยากถอด คุณพูดมาดีกว่าว่าทำไมต้องตาม

ผมมา” รพีพงษ์กล่าว

ผลบุญเริ่มโมโห เขามองว่า วัยรุ่นยี่สิบกว่าปีที่อยู่ตรงหน้าเขา ตรงหน้าของผู้ดูแล ควรจะเคารพถึงจะถูก ไม่คาดคิดว่าอีกฝั่งจะ หยิ่งผยองขนาดนี้ กล้าปฏิเสธคำขอของเขา

“ซึ่งหยิ่งผยองจริงๆ ยี่สิบปีเป็นเนยจิ้งได้ ถือว่ามีพรสวรรค์จริง แต่นี่ไม่ใช่ว่าแกจะหยิ่งยโสต่อหน้าฉันได้ แกต้องรู้ไว้นะ ว่าฝีมือ ระดับแก เป็นเงื่อนไขพื้นฐานที่ผู้ดูแลพึ่งจะมีก็เท่านั้น” ผลบุญ กำลังสอนผู้ที่อายุน้อยกว่า

รพีพงษ์เบื่อหน่าย รู้สึกว่าผู้ดูแลคนนี้ค่อนข้างสำคัญตัวเองเกิน ไปแล้ว

“เข้าประเด็น ทำไมแกต้องตามฉันมา” รพีพงษ์ถามอีก

ผลบุญเห็นเด็กคนนี้ยังคงหยิ่งยโส ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่ใน ฐานะที่เป็นผู้ใหญ่กว่า จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กพวกนี้ ดังนั้น จึงกล่าวว่า “ฉันติดตามดูแกมาหลายวัน แกน่าจะเพิ่งเป็นเนยจิ้ง ช่วงหลายวันมานี้แกใช้เนยจิ้งจัดการคนของตระกูลนิธิวรสกุล แม้จะเป็นบนเวที แต่จํานวนมากไป ฉันจะมาเตือนแก อย่าทำร้าย คนที่ไม่เป็นเน่ยจิ้งมากนัก มิเช่นนั้นผู้ดูแลอย่างพวกเราจะต้องลง โทษ

ตระกูลนิธิวรสกุลมีคความแค้นกับฉัน ฉันไปที่ตระกูลพวก เขา โดยถือดีขนาดแล้ว รออนันยชมาหาฉันเอง แล้ว ฉันจะหยุด” รพีพงษ์กล่าวอย่าง

ผลบุญกระตุก แล้วกล่าว งั้นฉันขอให้แกยกเลิกความ ตั้งใจนี้อนันยชเป็นใช่คู่ต่อกรของ”

ผลบุญมองว่า พงษ์น่าพึ่งฝึกเป็นเนยได้นาน คนวัย ฝีมือระดับเนยจิ้งนั้นน้อยนัก ทั้งไชน่าทาวน์เพียงสองเท่านั้น และเขาอายุสิบกว่าปีก็เป็นเน่ยจน กระทั่งสอบปีถึงเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น

รพีพงษ์ได้ยินของผลบุญ รู้สึกว่าคุยเขาไปก็มี ความหมายอะไร จึงตอบ

จบ เขาเดินจากไป

เด็กฐานะดูแล ต้องรู้จักตัวตนของแก” ผลบุญตะคอกใส่รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แล้วเดินอย่างรวดเร็ว

ผลบุญรีบตามไป คู่เริ่มแสดงฝีมือ ในตรอกซอยนั้น

สุดท้าย ผลบุญก็หลงตามไม่รพีพงษ์ แล้วด่าเด็กบ้า หนีเร็วจริง ครั้งหน้าเจอแกอีก จะต้องถอดหน้ากากแกให้ ได้”
กลางคืนของวันถัดมา รพีพงษ์ปรากฏกายที่สนามมวยใต้ดิน

อีกครั้ง ผู้คนต่างต้อนรับ แต่ในขณะนี้ รพีพงษ์ได้เห็นอนันยชยืนอยู่บนเวทีไกลๆ จึงได้หลับตาลง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ