พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่829 ยังขวางทางฉันไว้ไม่ได้



บทที่829 ยังขวางทางฉันไว้ไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน อุเอสึงิ ฮารนำเสื้อผ้าของรพีพงษ์มาที่ข้าง บ่อน้ำ วางไว้บนหินตรงหน้ารพีพงษ์

“คุณชาย เสื้อผ้าเอามาแล้ว ฉันช่วยคุณซักแล้ว คุณใส่ได้ อย่างไม่ต้องกังวล”อุเอสึงิ ฮารุกล่าวอย่างหน้าแดง

รพีพงษ์ไม่ส่งเสียง รีบเอาเสื้อผ้ามาอย่างรวดเร็ว และสวมไว้ บนร่างกายตัวเอง ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

เขาเดินออกมาจากหลังก้อนหิน เห็นใบหน้าที่เป็นอายของอุเอ สึงิ ฮารุ ไม่รู้ว่าท่าทางกำลังคิดถึงอะไร รีบกระแอมสองครั้งทันที

“ขอบคุณ”รพีพงษ์เอ่ยปากเบาๆ

“รับใช้คุณชาย เป็นเกียรติของฉัน”อุเอสึงิ ฮารุเอ่ยปาก

รพีพงษ์ไม่อยากกระอักกระอ่วนเพราะปัญหานี้อีกต่อไป จึงเอ่ย ปากถามว่า “สำนักเทพยาเซียนส่งตัวเด็กเหล่านั้นกลับไปหรือ ยัง?”

“ทั้งหมดถูกส่งกลับไปแล้ว ในช่วงเวลาที่คุณชายหลับใหลไป ที่สำนักเทพยาเซียนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ นอกจากผู้อาวุโสเหล่านั้นที่รู้สึกว่าคุณชายอยู่ในบ่อน้ำนานเกิน ไป อยากจะปลุกคุณชาย แต่ก็ถูกเจ้าสำนักระงับไว้”อุเอสึงิ ฮารุ เอ่ยปาก

รพีพงษ์พยักหน้า ในใจก็แสดงความซาบซึ้งที่มีต่อจิรภัทร ช่วง เวลานี้เป็นช่วงสำคัญที่เขาจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ถ้าหากถูก บังคับให้ตื่น ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปล้วนสูญเสียไปเปล่าๆ โชคดีที่จิรภัทรห้ามผู้อาวุโสเหล่านั้นไว้ไม่อย่างนั้นครึ่งเดือนนี้ ก็ จะสูญเสียเปล่าๆ

รพีพงษ์เดินไปด้านหน้า อุเอสึงิ ฮารรีบตามไป เพราะค่อน ข้างตกใจกับความแข็งแกร่งที่รพีพงษ์เพิ่งแสดงออกมา หล่อนจึง ถามด้วยความอยากรู้ว่า “คุณชาย คุณรู้มั้ยว่า ความแข็งแกร่ง ของคุณตอนนี้คือแดนอะไร?”

“แดนครึ่งดั่งเทพ รพีพงษ์ไม่ปิดบัง พูดกับอุเอสึงิ ฮารุ

อุเอสึงิ ฮารพูดคำพูดของรพีพงษ์ จากนั้นเอ่ยปากว่า “พลัง ที่คุณชายเพิ่งแสดงออกมานั้น น่าทึ่งจริงๆ ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด นายใหญ่ของตระกูลอุเอง กำลังแสวงหา พลังระดับนี้ สิ่งของที่ ตกลงแลกเปลี่ยนกับสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพียงการเตรียมการสำหรับการเลื่อนขั้นเท่านั้น

เมื่อได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วทันที คาด ไม่ถึงว่าความแข็งแกร่งของนายใหญ่จะบรรลุถึงระดับนี้แล้ว สิ่งที่ เขากำลังไล่แสวงหา น่าจะเป็นพลังแดนดั่งเทพ

เดิมทีเขาคิดว่าความแข็งแกร่งของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิ อย่างมากก็แดนปรมาจารย์ชั้นสูง ต้องการจะกำจัดนายใหญ่ ตระกูลอุเอสึงิ ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร ตอนนี้ฟังอุเอสึงิ ฮารพูด แบบนี้ เขาต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ตระกูลอุเอสึงได้ฝึกฝนวิธีการชั่วร้ายร้ายเพื่อเพิ่มความ แข็งแกร่ง โดยปกติแล้ววิธีนี้ใช้ได้ผลอย่างรวดเร็ว และเป็นทาง ลัดในการเพิ่มความแข็งแกร่ง ดังนั้นนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงจึง ใช้วิธีนี้ทำให้ตัวเองบรรลุความแข็งแกร่งถึงแดนดั่งเทพ ซึ่งนี่มี ความเป็นไปได้มาก

“ดูเหมือนว่าจะต้องรีบเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด ถ้าหากขัดขว้างเขาได้ก่อนที่จะเลื่อนขั้น ปัญหาก็จะน้อยลงไปบ้าง ไม่อย่างนั้น เกรงว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างหนักอีกครั้ง”รพีพงษ์ พิมพ์ากับตัวเอง
แม้ว่าตอนนี้ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์จะเป็นแดนครึ่งดั่งเทพ แต่เขายังมีวิธีลับ และเม็ดยาชั้นเลิศหนึ่งเม็ด ถ้าไม่ตายหมด แดนดั่งเทพที่เลื่อนชั้นด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ ของเขา

วันถัดมา

เมื่อจิรภัทรรับรู้ว่ารพีพงษ์ตื่นขึ้นมาเมื่อคืนแล้ว ก็แทบจะ กระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจทันที เขาจัดให้พ่อครัวในสำนักเทพ ยาเซียนทำอาหารอร่อยๆมาหนึ่งมือเพื่อฉลองการตื่นของรพีพงษ์ ในทันที

หลังจากรับประทานอาหารเขาก็แอบไปที่บ่อน้ำแล้วดูแวบหนึ่ง และหลังจากที่เห็นว่าน้ำในบ่อแทบไม่ต่างจากน้ำเปล่า จิรภัทร ยังคงเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย

แต่โชคดีที่รพีพงษ์ไม่ได้ดูดซึมฤทธิ์ยาทั้งหมดในน้ำบ่อไปจน หมด ยังเหลือให้เขาอยู่บ้าง อาศัยฤทธิ์ยาที่เหลืออยู่บ้าง พึ่งพา ลักษณะเฉพาะของบ่อน้ำนี้ รวมกับการบำรุงยาสมุนไพรของ สำนักเทพยาเซียน ฤทธิ์ของบ่อน้ำยังสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้ เพียงแต่จะต้องใช้เวลานานกว่าเล็กน้อยเท่านั้นเอง
หลังจากที่ บ่อน้ำเสร็จ จิรภัทรกำลังจะจากไป แต่ในเวลานี้ เขาสังเกตเห็นว่าบริเวณรอบๆนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างน้อยลง กว่าเดิม หลังจากสังเกตเป็นเวลานาน เขาจึงแน่ใจได้ว่าก้อนหิน ขนาดใหญ่ที่อยู่บนขอบบ่อน้ำหายไป ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว

เขามองไปที่ตำแหน่งเดิมของหินก้อนใหญ่เป็นเวลานาน และ เห็นว่ามีก้อนกรวดเล็กๆ จำนวนมากอยู่บนพื้น เพราะมีก้อนกรวด หินจำนวนมากอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดมาก

ตอนที่จากไปเขายังคงพึมพำกับตัวเอง ยุคสมัยนี้คนอะไรก็มี แม้แต่ก้อนหินก็ขโมย

เนื่องจากรับรู้ว่าตระกูลอุเอสึงพยายามที่จะหาวิธีก้าวหน้าไป แดนดั่งเทพ รพีพงษ์ตั้งใจที่จะไม่เลื่อนเวลาออกไป ต้องการที่จะ รีบไปยังประเทศญี่ปุ่นให้โดยเร็วที่สุด เพื่อทำความเข้าใจ สถานการณ์ที่นั่น ดังนั้นจึงพูดกับจิรภัทรเรื่องที่จะจากไป

จิรภัทรก็ไม่ได้ชักชวนให้อยู่ต่อ รพีพงษ์ ใช้เวลาอยู่ที่สำนักเทพ ยาเซียนครึ่งเดือน ก็เกือบจะทำให้น้ำในบ่อสมบัติล้ำค่าที่สุดของ สํานักเทพยาเซียนพวกเขาหมดไป ใครจะไปรู้ถ้าให้รพีพงษ์อยู่ ต่อไปอีกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นเขาแทบจะอยากให้รพีพงษ์ บจากไปโดยเร็ว
ก่อนออกเดินทาง รพีพงษ์ได้หยิบไม้สีดำออกมาให้จิรภัทร ถามเขาว่ารู้ที่มาของท่อนไม้หรือไม่ จิรภัทรดูอย่างละเอียดเป็น เวลานาน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ไม้นี้มีลักษณะพิเศษ แต่เขาไม่รู้ ที่มาของไม้นี้

ตลอดศตวรรษของการรวบสิ่งของมีค่าของสำนักเทพยาเซียน ไม่เคยมีการบันทึกเกี่ยวกับไม้ชนิดนี้

รพีพงษ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเก็บไม้ไว้ดูเหมือนว่าอยาก จะทราบที่มาของไม้นี้ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเท่านั้นแล้ว

ไม่ได้อยู่ต่อนานมากนักไป ถามเรื่องไม้เสร็จ รพีพงษ์และอุเอ สิงิ ฮารุก็ต้องจากไป

จิรภัทรนำพาผู้อาวุโสในสำนักเทพยาเซียนทุกคนมาส่งรพ พงษ์พวกเขาทั้งสองคนอย่างมีความสุขมากล้น

เมื่อเดินไปถึงประตูไม้ของสำนักเทพยาเซียน ลูกศิษย์คนหนึ่ง วิ่งมาที่ตรงหน้าจิรภัทร เอ่ยปากว่า “เจ้าสำนัก ถนนข้างหน้าถูก ปิดกั้นด้วยหินที่ตกลงมา หินที่ตกลงมามีขนาดใหญ่มาก ต้องใช้ เวลาหนึ่งวันในการเคลื่อนย้ายตัวออกไป

จิรภัทรสับสนทันที มองไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า “น้องรพีพงษ์ พวกนายรออีกสักวันมั้ย?”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นล่ะ หินก้อนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันจะไปดู”

จิรภัทรรีบขยิบตาให้ลูกศิษย์คนนั้น ลูกศิษย์เข้าใจความหมาย

ของจิรภัทร ถึงกับรีบพารพีพงษ์เดินไปที่หินก้อนนั้นตกอยู่ จิรภัทรและคนอื่นๆก็ตามไป อยากจะดูว่าหินก้อนที่ตกลงมา

ใหญ่แค่ไหน

หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เห็นหินที่ตกลงมาที่ถนนสายหนึ่ง ซึ่งปิดกั้นถนนทั้งสายสนิท สองด้านเป็นภูเขา และผู้คนไม่ สามารถผ่านได้เลย

เมื่อจิรภัทรเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังทันที คิด ในใจว่าตอนนี้รพีพงษ์อยากจากไปก็ไปไม่ได้แล้ว

“น้อง….น้องรพีพงษ์ หินก้อนใหญ่เกินไป ต้องใช้เวลาเอา

ออก ดังนั้นพวกคุณควรรอหลังจากที่เคลื่อนย้ายหินออกไปแล้ว

ค่อยไปเถอะ”จิรภัทรเอ่ยปาก

รพีพงษ์เล็กน้อย แล้วพูดว่า “แค่หินที่ตกลงมาก้อนหนึ่ง เท่านั้นเอง ยังขวางทางฉันไว้ไม่ได้

หลังจากพูดเสร็จ รพีพงษ์มองไปบริเวณรอบๆ และหยิบไม้จาก ที่ไม่ไกลขึ้นมา
เขาปลอดปล่อยพลังวิเศษเสนออกมา ไปตามฝ่ามือ ยึดติดบน ไม้ ไม้นั้นก็เปล่งแสงสีขาวออกมา

ต่อจากนั้น รพีพงษ์ก็กระโดดขึ้น จับไม้แล้วทุบไปที่ก้อนหินที่ ตกลงมา

“แตก!”

รพีพงษ์ตะโกน ไม้กระแทกลงบนก้อนหิน ถ่ายทอดพลังวิเศษ เสนผ่านไป หินที่ตกลงมาจะถูกปกคลุมไปด้วยรอยแตกทันที ใน พริบตาเดียว หินก้อนนั้นแตกกระจายไปทั่ว เผยให้เห็นเส้นทาง สําหรับคนคนหนึ่งคนเดินผ่านไปได้

#####บทที่830 พี่เป็นแฟนผมได้มั้ย

บทที่830 พี่เป็นแฟนผมได้มั้ย

เมืองหนึ่งทางภาคใต้ สนามบิน

รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนผ่านการตรวจสอบความ ปลอดภัย และเดินตรงไปที่ประตูขึ้นเครื่องบิน หลังจากขึ้นเครื่อง บิน หาที่นั่งของตัวเองพบ นั่งลงมา

ในเวลานี้พวกเขาทั้งสองคนจะออกมาจากสำนักเทพยาเซียน ได้เป็นเวลาสองวัน สำนักเทพยาเซียนอยู่ในสถานที่ห่างไกล ตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากสำนัก เดินทางเป็นเวลาสองวัน ถึง ค่อยมาถึงเที่ยวบินระหว่างประเทศของเมือง

เพราะในระหว่างทางภูเขาที่รีบร้อนมีหลายแห่งที่เต็มไปด้วย หนาม ตอนที่ออกมาบนตัวของทั้งสองคนก็ทั้งสกปรกทั้งฉีกขาด เพราะรีบร้อนเดินทาง ทั้งสองคนไม่มีเวลาไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้าง สรรพสินค้า รพีพงษ์ซื้อตามข้างถนนมาสองชุด แก้ขัดไปก่อน รอ ถึงที่ประเทศญี่ปุ่น ค่อยหาเวลาซื้อเสื้อผ้า

ในตอนนี้บนตัวอุเอสึงิ ฮารุสวมเสื้อยืดที่รพีพงษ์ซื้อให้หล่อน ซึ่งไม่พอดีกับตัว มองไปแล้วดูหลวมๆ บดบังรูปร่างที่น่าภาค ภูมิใจของหล่อนไปทั้งหมด

แต่อุเอสึงิ ฮารุก็ไม่ได้สนใจ ยังรู้สึกมีความสุข เพราะนี่เป็นครั้ง แรกในชีวิตที่หล่อนได้รับซื้อเสื้อที่คนอื่นซื้อให้ ไม่ว่าจะถูกแค่ ไหน หล่อนก็ปฏิบัติต่ออย่างจริงจัง

ที่สำคัญรูปลักษณ์ของอุเอสึงิ ฮารุก็ไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าจะสามารถ เพียงพอที่จะประมาณได้ ต่อให้หล่อนสวมใส่แปลกแค่ไหน เกรง ว่าบางคนก็คิดว่าหล่อนเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่น เพราะรูปร่าง หน้าตาของหล่อน ไม่ใช่เสื้อผ้า โดดเด่นกว่าคน แต่เป็นหล่อนที่มี รูปร่างหน้าตาที่สวยงามและมีสง่าราศีที่กำลังโดดเด่นกว่าเสื้อผ้า
ในทางตรงกันข้ามกับรพีพงษ์ ที่ตอนแรกก็สวมใส่ดูไม่ค่อยดี ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสินค้าราคาถูก เห็นได้ชัดว่ายิ่งเหมือนเด็ก ยากจน

หลังจากที่นั่งลงมา บนใบหน้าของอุเอสึงิ ฮารุปรากฏรอยยิ้ม ขึ้นมาเป็นระยะๆ รพีพงษ์รู้สึกแปลกๆ จึงเอ่ยปากถามว่า “เธอ หัวเราะอะไร?”

อุเอสึงิ ฮารุหันหน้าไปมองรพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า “หัวเราะ เจ้าสำนักคนนั้นของสำนักเทพยาเซียนและผู้อาวุโสของพวกเขา วันนั้นคุณสามารถใช้ท่อนไม้ทุบตีก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตกลงมา ให้แตกกระจายได้อย่างง่ายดาย พวกเขาทุกคนต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าจะผ่านมาแล้วสองวัน แต่เมื่อนึกสีหน้าของพวกเขา ก็รู้สึก ว่าตลกดี”

รพีพงษ์ยักไหล่ หลังจากที่เขาทุบตีก้อนหินที่ตกลงมาในวันนั้น แล้ว จิรภัทรและคนอื่นๆ ต่างก็นิ่งอึ้ง รอดึงสติกลับคืนมาได้ จิร ภัทรก็วิ่งไปตรงหน้ารพีพงษ์ ถามว่าเขายินดีที่จะเป็นเจ้าสำนักคน ต่อไปของสํานักเทพยาเซียนหรือเปล่า ต้องการให้รพีพงษ์ คุ้มครองสำนักเทพยาเซียน

รพีพงษ์ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หลังจากบดขยี้หินที่ตกลงมา แล้ว เขาพาอุเอสึงิ ฮารุออกจากที่นั่น
ดูเหมือนว่ารพีพงษ์จะไม่แปลกใจเลย หลังจากที่บรรลุความ แข็งแกร่งถึงแดนครึ่งตั่งเทพ นี่เป็นเพียงการกระทำขั้นพื้นฐาน เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามเรื่องของการบดขยี้หินที่ตกลงมาทำให้รพีพงษ์ ตระหนักว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวเองจะต้องหาอาวุธที่มีประโยชน์

เขาแนบพลังวิเศษเสนอยู่บนไม้ แม้ว่าก้อนหินที่ตกลงมาจะถูก บดขยี้ แต่ไม้ในมือก็เป็นเพราะไม่สามารถแบกรับพลังของพลัง วิเศษเสนไว้ได้ หลังจากโจมตีหนึ่งครั้ง ก็กลายเป็นผง

ดังนั้นอาวุธที่มีประโยชน์ที่มีคุณภาพดี จึงมีความจำเป็นอย่าง ยิ่งสําหรับรพีพงษ์ในตอนนี้ หลังจากที่ปลดปล่อยพลังวิเศษเสน เพียงแค่มีอาวุธให้ใช้ ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ถึงจะสามารถ ขยายใหญ่ได้สูงสุด

หลังจากที่ก้าวเข้าสู่แดนดั่งเทพที่แท้จริง รพีพงษ์สามารถใช้ พลังวิเศษเสนเปลี่ยนแปลงอาวุธที่ตัวเองต้องการ ไม่ต้องพึ่งพา อาวุธจริงเป็นอาวุธอีกต่อไป

รพีพงษ์ตั้งใจหลังจากที่ไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว ดูว่าสามารถหา อาวุธที่เหมาะสมได้หรือไม่

ไม่นานนัก เครื่องบินก็เต็มไปด้วยผู้คน ตามคำเตือนของพนักงานต้อนรับ ทุกคนต่างก็เข็มขัดนิรภัย หลังนานเครื่องบินออก

เนื่องจากความสนใจของเพื่อนร่วมชาติชายจํานวนมากบนเครื่องและ หลายจะมองหล่อนเป็นครั้งเป็นคราว

อุเอสึงิ ฮารุเคยชินกับการถูกจับตามอง ดังนั้นจึงสนใจ

หล่อนกลับมองไปที่รพีพงษ์ด้านข้างครั้งเป็นคราว แต่พงษ์ราวกับว่าหล่อนเป็นเหมือนอากาศไปโดยสิ้นเชิง คิดถึงสิ่งต่างๆ

นั่งอยู่ข้างรพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุเป็นชายชราและเด็กที่ อายุประมาณสิบปี

นั้นมองนั้นนาน

พูดกับอุเอสึงิ ฮารุว่า: สาวครับ พี่สวยเลยครับอุเอสึงิ ฮารุหันหน้ายิ้ม”

“ผู้ชายนั่งข้างสาวเป็นแฟนของเหรอครับ?เด็กผู้ชาย ถามต่อ
อุเอสึงิ ฮารุหน้าแดงทันที และพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ไม่ใช่”

เด็กผู้ชายถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพูดต่อว่า “ถ้าอย่าง นั้นก็ดี งั้นผมสามารถเป็นแฟนพี่สาวได้มั้ยครับ?

อุเอสึงิ ฮารหยุดชะงักด้วยคำถามของเด็กผู้ชาย หล่อนยังไม่ เคยได้รับคําสารภาพจากเด็กชายอายุสิบขวบมาก่อน

ผู้ชายรอบๆต่างก็มองเด็กน้อยด้วยความอิจฉา เด็กคนนี้ พูด

ในสิ่งที่พวกเขาอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด

รพีพงษ์รู้สึกตลกกับคำพูดของเด็กชาย หันหน้าไปมองเขาแวบ เดียว รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

ชายชราที่นั่งข้างๆเด็กน้อยมองไปที่หลานชายของเขาอย่าง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วพูดว่า “เด็กบ้า ยังไม่โตก็กล้าจีบผู้ หญิงแล้ว คนอื่นสวยขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะชอบเด็กบ้าอย่างแกได้ หรอก”

“ถ้าอย่างเพียงแค่ฉันกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเหมือนรพีพงษ์ เธอ จะชอบผมใช่มั้ย?”เด็กชายมองไปที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ช่วง นี้ของเขาเอาแต่เล่าเรื่องของรพีพงษ์ให้เขาฟัง เขาก็ได้ถือว่าร พงษ์กลายเป็นไอดอลของตัวเอง
ระดับยอดฝีมืออย่างรพีพงษ์ไม่ใช่ว่าจะบรรลุถึงได้อย่าง สบายๆ พลังของตัวเขาเอง ต่อสู้กับห้าตระกูลศิลปะการต่อสู้ โบราณ หายากมากทั้งในอดีตและปัจจุบัน อัจฉริยะอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าจะสามารถเป็นได้ง่ายๆ ชายชรากล่าวด้วยความทอด ถอนใจ

“ผมไม่สน ต่อไปผมจะกลายเป็นยอดฝีมือเหมือนกับรพีพงษ์ แบบนั้น พี่สาว พี่เชื่อผมนะ ผมมีศักยภาพที่ดีมาก พี่ตอบตกลง เป็นแฟนกับผมก่อน จากนี้ไปผมจะพยายามอย่างแน่นอน เด็กชายมองไปที่อุเอสึงิ ฮารุอีกครั้งที่

อุเอสึงิ ฮารุก็เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ถ้าหากเด็กชาย คนนี้รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็คือรพีพงษ์ จะมีท่าทีแบบไหน

“เรื่องนี้…ฉันไม่สามารถตัดใจได้ นายต้องถามเขา”อุเอสึงิ ฮา รุโยนปัญหาไปที่ตัวรพีพงษ์

เด็กผู้ชายมองไปทางรพีพงษ์ แววตาเผยถึงความเป็นปรปักษ์ แล้วพูดว่า “นายจะยอมให้เธอเป็นแฟนของผมหรือเปล่า จะบอก นายให้ ฉันแข็งแกร่งมาก ฉันจะแข็งแกร่งเหมือนกับรพีพงษ์ ถ้า นายไม่เห็นด้วย ในอนาคตนายจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วมองไปที่เด็กชายและพูดว่า: “ความ จริงแล้วฉันก็แข็งแกร่งเหมือนกันนายเรียกร พงษ์คนนั้นมาดีกว่า ให้เขามาต่อสู้กับฉัน?”

หลังจากที่ชายชราได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เอ่ยปากทันทีว่า “น้องชาย ไม่ควรจะพูดจาเหลวไหลแบบนี้นะ รพีพงษ์ได้รับการ ยอมรับว่าเป็นคนอันดับหนึ่ง ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ นายกล้า ท้าทายเขา จะสร้างแต่ความเดือดร้อนให้กับตัวเองมาก”

ในสายตาของชายชรา สิ่งที่รพีพงศ์พูดออกมานั้นค่อนข้าง หุนหันพลันแล่น ยอดฝีมือระดับสูงอย่างรพีพงษ์ จะสามารถ ท้าทายได้ตามใจชอบได้อย่างไร

รพีพงษ์เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก เอนหลัง ลงไปบนที่นั่งแล้วหลับตาเพื่อพักผ่อน

เด็กชายยังคงไม่ยอมแพ้ โดยที่ขอให้อุเอสึงิ ฮารุเป็นแฟนของ ตัวเองตลอด อุเอสึงิ ฮารุก็ปวดหัว โชคดีที่ชายชราสั่งสอนเด็ก ชายไป ให้เขาอยู่สงบลงมา ไม่อย่างนั้นอุเอสึงิ ฮารุก็จะต้องทน ทุกข์ไปตลอดทางนี้

เมื่อเครื่องบินลงจอด รพีพงษ์และอุเอสึงิ ฮารุได้ลงจากเครื่อง บิน ชายชราและเด็กชายเดินตามอยู่ด้านหลัง มองดูด้านหลัง ของรพีพงษ์ ชายชราก็รู้สึกคุ้นๆทันที หลังจากที่ในหัวก็ปรากฏความคิดที่เป็นไปได้อย่าง หนึ่ง เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหารูปภาพตอนที่ร พงษ์ต่อสู้กับห้าตระกูลใหญ่

หลังจากที่เห็นรูปร่างหน้าตาของรพีพงษ์บนรูปภาพ ชายชรา อุทานขึ้นมาทันทีว่า “คน….คนนั้น คือรพีพงษ์”

เขารีบเงยหน้ามองไปด้านหน้า เพียงแต่ในเวลานี้รพีพงษ์และ

อุเอสึงิ ฮารุได้หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ไหน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ