พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 382 ใช้ในนามของเธอ



บทที่ 382 ใช้ในนามของเธอ

ท่านอธิการยืนที่ออยู่ที่เดิม และไม่ตอบสนองเป็นเวลานาน เขาจ้องไปที่กอบบุญด้วยความงุนงง และมีความคิตอยาก

ทุบตีเขา

เดิมที่เขาคิดว่ารพีพงษ์เป็นแค่ตัวก่อกวนเท่านั้น ดังนั้นเขา จึงพูดเข้าข้างกอบบุญ แต่ตอนนี้ทั้งกอบบุญและอัคคพลต่าง

ยอมรับความผิดของพวกเขา และการกระทำก่อนหน้านี้ ของเขา เหมือนเป็นคนที่คอยปกป้องกอบบุญ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บุคคลที่รพีพงษ์เรียกมา เป็นผู้ ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในเมืองบาสแตร์ ด้วยตำแหน่ง ของอธิชนม์

พลังอ่านาจที่รวบรวมได้นั้น ยิ่งใหญ่มหาศาลจนยากจะ คาดคะเน ถ้าจะพูดว่าเขาเป็นคนที่อยู่ในอันดับหนึ่งของเมือง

บาสแตร์ก็คงไม่มากเกินไป

และไม่นานมานี้ อธิชนม์ยังสัญญาว่าเขาจะบริจาคเงินสอง ร้อยล้านให้ทางมหาวิทยาลัยด้วย เงินสองร้อยล้านนี้ เขาก็

สามารถ

พัฒนาโครงการบางอย่างของมหาวิทยาลัยได้อย่างจริงจัง เมื่อโครงการเหล่านี้สำเร็จ เขาจะมีโอกาสได้เลื่อน ตำแหน่งที่สูงขึ้น

ตอนนี้อธิขนม์เป็นคนที่กำโชคชะตาชีวิตของเขา ถ้าทำให้ อธิชนนม์โกรธเคือง เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์แน่นอน

“กอบบุญ! คุณอยู่ในฐานะผู้อำนวยการ ได้ทำสิ่งที่ไร้ ยางอายเช่น นี้ ทำไมมหาวิทยาลัยของเราถึงมีคนชั่วอย่างนี้ อธิการตะโกน

ใส่กอบบุญด้วยความโกรธ

กอบบุญหดคอ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวใดๆ ทำได้ เพียงยืนนิ่งเงียบอยู่ที่เดิม ไม่ว่าอธิการจะดูเขาอย่างไร เขาก็

ไม่

กล้าตอบโต้

“และยังมีคุณ ในฐานะนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมือ งบาสแตร์ ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ วันๆสนใจแต่เรื่องชั่วร้าย เหล่านี้ ภารจา

เป็นนักศึกษาที่ดีเด่นของมหาวิทยาลัยของเรา คุณกลับทำ สิ่งเหล่านี้กับเธอ คุณไม่คู่ควรอยู่ในมหาวิทยาลัยของเรา!” อธิการตะโกนใส่

กอบบุญ

กอบบุญและอัดคพล ต่างก็ตกตะลึงกับอธิชนม์ และเมื่อถูกอธิการดำ ดำ เขาจึงถอยหลังสองก้าว

หลังจากตุกอบบุญและอัคคพลเสร็จ อธิการก็หันไปมองรพี พงษ์และการจา ใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ

“ขอโทษจริงๆ ผมไม่คาดคิดว่าจะมีคนชั่วแบบนี้ใน มหาวิทยาลัยของเรา กอบบุญคนหน้าชื่อใจคดคนนี้แสดง เก่งมาก ผมถูกเขา

หลอก พวกคุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ผมต้องให้ความ ยุติธรรมกับพวกคุณ ทางมหาวิทยาลัยของเราจะไม่ยอมให้ อภัยคนแบบนี้

เด็ดขาด” อธิการพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

รพีพงษ์เม้มริมฝีปากของเขา และพูดว่า “เมื่อเทียบคุณกับ พวกเขา ก็พอๆกัน ถ้าคุณต้องการให้ความเป็นธรรมกับภาร

จา

จริงๆ ก็คงไม่ฟังความข้างเดียว”

อธิการถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าครั้งนี้เขาทำผิดพลาดจริงๆ

รพีพงษ์หันหน้าไปมองอธิชนม์ และถามว่า “ตอนนั้นคุณ บอกว่า คุณต้องการบริจาคเงินสองร้อยล้านบาทให้กับ มหาวิทยาลัย

บาสแตร์?”
อธิชนม์พยักหน้า และพูดอย่างรวดเร็ว “เดิมที่ผมต้องการ ส่งเสริมการศึกษาของเมืองบาสแตร์ ผมไม่รู้ว่า ตัวตนของ

อธิการมหาวิทยาลัยเมืองบาสแตร์จะแย่ขนาดนี้ ผมจะ ถอนการบริจาคครั้งนี้”

“ไม่ต้อง รพีพงษ์พูด “ส่งเสริมพัฒนาการศึกษานั้นจำเป็น เงินนี้ไม่จำเป็นต้องถอนออก เพียงแค่ว่าเงินที่บริจาค ห้ามมี

ความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงๆกับอธิการคนนี้ เงินนี้ใช้ในนาม ของภารจา จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาที่ยากไร้

ช่วยเหลือนักศึกษาที่มีสภาพครอบครัวยากจน และส่ง เสริมนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมให้สำเร็จการศึกษา จำ ไว้ว่า

การบริจาคครั้งนี้ ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ อธิการ”

“ครับ คุณชาย” อธิชนม์รีบตอบทันที

อธิการรู้สึกละอายใจ แม้ว่ารพีพงษ์จะไม่ให้อธิชนม์ถอน เงินกลับไป แต่รพีพงษ์ก็เน้นย้ำว่าเงินก้อนนี้นั้นไม่เกี่ยวข้อง

กับ

อธิการ และยังจัดตั้งกองทุนในนามของภารจา ถ้าอย่าง นั้นมันก็ไม่มีส่วนที่จะช่วยในการได้ขึ้นตำแหน่งของเขา

เขาดำรงตำแหน่งอธิการมาหลายปี และปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายที่เขามีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง หลังจากปีนี้ เขาจะ

ไม่มี

โอกาสอีกแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาไม่มีหนทางใดๆเลย เพราะเขาเป็นคน ก่อเรื่องเอง ไม่มีใครช่วยเขาได้

เมื่อภารจาได้ยินรพีพงษ์พูดว่าให้ใช้ในนามของเธอจัดตั้ง กองทุนสองร้อยล้านบาท ทำให้เธอตกตะลึงและพูดอย่าง รวดเร็ว

“พี่รพีพงษ์ เรื่องนี้อธิบายและแก้ไขอย่างชัดเจนก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกองทุนในนามของฉัน”

รพีพงษ์ยิ้มให้กับภารจา และพูดว่า “นี่ถือเป็นการชดเชย ให้คุณ และจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนของคุณด้วย คุณไม่

ต้อง

ปฏิเสธ”

เมื่อได้ฟังรพีพงษ์พูดเช่นนั้น ภารจาก็พยักหน้า

หลังจากนั้นรพีพงษ์ตักเตือนกอบบุญและอัคคพล พรุ่งนี้ให้ พวกเขาอธิบายและชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคนใน

มหา

ลัย ถ้าถึงเวลาทั้งสองคนไม่มา แม้จะอยู่มุมไหนของโลก รพีพงษ์ก็จะตามจับพวกเขากลับมา
มีอธิชนม์ที่น่าเกรงขาม แม้กอบบุญและอัดตพลจะกล้า หาญแค่ไหน ก็ไม่กล้าหนี เพราะพวกเขารู้อยู่ในใจว่า แม้ว่า

พวกเขา

จะหนีไป อธิชนม์ก็มีปัญญาจับพวกเขากลับมาได้

หลังจากจัดการวางแผนเรื่องพรุ่งนี้เรียบร้อย รพีพงษ์ก็พา ภารจาออกจากที่ทำงาน ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว และรพีพงษ์คิดว่า

จะ

พาภารจาไปหาอะไรทานก่อน

เดิมที่อธิชนม์คิดจะช่วยจัดการให้รพีพงษ์ แต่รพีพงษ์เห็น ภารจาอึดอัดใจเล็กน้อย ก็เลยให้อธิชนม์กลับไปก่อน เขาจะ

พา

ภารจาไปทานข้าวกันเอง

ก่อนออกเดินทาง อธิชนม์ได้บอกกับรพีพงษ์ว่าคืนนี้เขาจะ จัดงานการเลี้ยงกุศล และเชิญรพีพงษ์มาร่วมงานในคืนนี้

ด้วย

รพีพงษ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธอธิชนม์ เขาคิดว่าเขาเพิ่งมาเมืองนี้ ครั้งแรก ควรหาอธิชนม์เพื่อเรียนรู้รายละเอียดและ สถานการณ์ที่นี่

คืนนี้เขาก็ไม่มีธุระอะไรไปร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ก็ได้

อธิชนม์รีบบอกตำแหน่งสถานที่งานเลี้ยงให้รพีพงษ์ทันทีและบอกว่าถ้าคืนนี้รพีพงษ์ไปถึงให้โทรหาเขา ถึงตอนนั้นเขา

ออกมาต้อนรับ

หลังจากพูดจบ อธิชนม์ก็ออกจากมหาวิทยาลัย

รพีพงษ์พาภารจาไปที่ลานจอดรถที่ตัวเองจอดรถไว้ คิดว่า ภารจาอยู่ในมหาวิทยาลัยเพื่อความประหยัด คงไม่ได้ทาน

อาหารดีๆ

ดังนั้นจึงจะพาเธอไปทานอาหารหรูๆ เพื่อเป็นการปลอบ ใจเธอ

ระหว่างทาง ภารก้มหัว จับมือแน่น ดูตื่นเต้น แม้แต่ผู้ ประกอบการรายใหญ่ในเมืองบาสแตร์อย่างอธิชนม์ยังให้ ความ

เคารพต่อรพีพงษ์ เธอกำลังติดตามรพีพงษ์ รู้สึกมีความ กดดันอยู่เล็กน้อย

“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลมาก แค่ทำตัวสบายๆ ผมบอกว่า คุณแล้วไง คุณเป็นน้องสาวของผม พี่สาเป็นสมาชิกใน ครอบครัว

ของเรา คุณก็คือสมาชิกในครอบครัวของเรา ไม่ต้อง เกรงใจ” รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม

ภารจาหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พยักหน้าให้รพีพงษ์ พูดว่า “พี่รพีพงษ์ ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะตั้งใจเรียนอย่างหนัก

และจะ

หาโอกาสตอบแทนคุณในอนาคต”

“คุณไม่จำเป็นต้องตอบแทนผม คุณแต่ดีกับแม่ของคุณก็

พอ”

ทั้งสองคนเดินบนถนน ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวน มาก เพราะข่าวคราวในช่วงเวลานี้ ภารจาเลยกลายเป็นคน ดังใน

มหาวิทยาลัย

“ทุกคนดูนั่นสิ นั่นคือภารจาไม่ใช่เหรอ ชายคนที่เดินมา กับเขาเป็นใครกัน? คงไม่ใช่แขกที่เธอต้อนรับ?”

“จะบ้าตาย ตอนนี้ภารจารับแขกก็เปิดเผยอย่างนี้เลยเหรอ นี่ช่างไร้ยางอายจริงๆ มันทำให้มหาวิทยาลัยเราเสื่อมเสียชื่อ เสียง”

“หีที คนประเภทนี้ควรถูกไล่ออก นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่ มีชื่อเสียง เราจะปล่อยให้มีคนแบบนี้อยู่ได้อย่างไร”

เมื่อภารจาได้ยินการซุบซิบจากผู้คนรอบข้าง ใบหน้าของ เธอก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที อยากจะหาที่ซ่อนตัว
รพีพงษ์หันมามองเธอ และพูดว่า “อย่าสนใจกับสิ่งที่พวก เขาพูด พรุ่งนี้ทุกคนจะรู้ความจริง จิตใต้สำนึกเราไม่ผิดต่อ ใครก็

พอแล้ว”

ภารจาพยักหน้า จากนั้นรีบเดินตามรพีพงษ์ และเดินออก ไปนอกมหาวิทยาลัย

มีคนหลายคนเดินตามพวกเขาออกจากประตู มหาวิทยาลัย ไปยังที่จอดรถของรพีพงษ์

ในเวลานี้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในฝูงชนเดินเข้าไปหาพวกเขา สองคน นั่นคือเพื่อนร่วมห้องของภารจา ชื่อไอศิรา

ไอศิราจ้องมองรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆภารจา และพูดด้วยท่า ทางแปลกๆ “โอ้ ภารจา เธอจะไปหาเงินแล้วเหรอ? ดูเหมือน ว่าเธอ

จะไม่สนใจรูปถ่ายในโทรศัพท์ของกอบบุญเลย เป็น โสเภณีที่ไร้ยางอายจริงๆ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ