พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 648 วิชาหายใจออก



บทที่ 648 วิชาหายใจออก

เช้าวันต่อมา รพีพงษ์ตื่นมาบนต้นไม้ต้นหนึ่ง

ถึงแม้เรือนไม้ริมน้ำจะมีหลายหลัง แต่รุ่นน้องของรพีพงษ์พัก อยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงห้องเดียว จึงยกให้ฝนสุดา

ฝนสุดาเต็มใจที่จะนอนห้องเดียวกับรพีพงษ์ แต่ที่นี่ไม่เหมือน กับที่บ้านของดามา รพีพงษ์จึงไม่ยอมนอนห้องเดียวกับฝนสุดา ดังนั้นเขาจึงหาต้นไม้ที่พอนอนได้และเอาต้นไม้นั่นทำเป็นที่นอน

ตอนที่โดนไล่ออกมาจากตระกูลช่วงแรก รพีพงษ์เคยอยู่ใน สภาพแร้นแค้น เพราะฉะนั้นการนอนบนต้นไม้ไม่ได้มีปัญหา อะไรกับเขา

หลังจากที่ลงมาจากต้นไม้ รพีพงษ์ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ดัง

มาจากไม่ไกล เมื่อเข้าหันหน้าไปมองก็พบกลับคนสิบกว่าคนที่

กำลังมองมาจากริมน้ำ

ฝนสุดากำลังสระผมอยู่ริมน้ำ ใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า ทำให้รุ่นน้องของรพีพงษ์น้ำลายไหล

ในหุบเขาแบบนี้ การที่พวกเขาจะได้เจอเพศตรงข้าม คงจะ เป็นแค่แม่ไก่ สุนัขจิ้งจอกอะไรประเภทนั้น แน่นอนว่าพวกเขามี ความกระหายและเพ้อฝันเกี่ยวกับผู้หญิง

จู่ๆ ก็มีหญิงสาวโผล่มา แถมยังสวยปานนางฟ้าอีกด้วย พวก หนุ่มโสดอย่างพวกเขาก็ไม่สามารถละสายตาได้อย่างแน่นอน
ฝนสุดาทำตัวไม่ถูกเพราะถูกคนสิบกว่าคนจ้อง หลังจากที่เธอ สระผมเสร็จ เธอก็สะบัดผมเบาๆ ทำให้พวกหนุ่มโสดพากัน อุทานออกมา

รพีพงษ์เดินเข้ามา เมื่อฝนสุดาเห็นเขาก็รู้สึกเหมือนเทวดามา ช่วยชีวิต เธอรีบวิ่งไปหารพีพงษ์

“รพีพงษ์ คนพวกนี้ประหลาดจริงๆ ฉันสระผมก็เอาแต่จ้องอยู่ อย่างนั้น ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย” ฝนดาบันอุบ

รพีพงษ์กวาดตามองคนเหล่านั้นแวบหนึ่ง พวกนั้นน่าจะเป็นลูก ศิษย์ของอาจารย์ ในนั้นมีคนที่รพีพงษ์รู้จักและไม่รู้จัก คงจะเป็น พวกที่อาจารย์รับเป็นศิษย์หลังจากที่เขาจากที่นี่ไป

ตามหลักเหตุผลแล้วคนระดับอาจารย์ การที่จะเลือกรับใคร เป็นศิษย์ต้องคัดเลือกและพิจารณาเป็นอย่างดี น่าจะประมาณ หนึ่งถึงสองคนก็น่าจะเพียงพอ อีกอย่างการที่มีศิษย์หลายคนก็ ไม่ดีเท่ากับมีศิษย์ที่ดีเพียงคนเดียว

อีกทั้งอาจารย์ของรพีพงษ์ชอบท่องไปทั่วหล้า รับศิษย์ไปทั่ว ทุกที่ ถึงแม้จะพิจารณาคุณสมบัติ แต่เมื่อเทียบกับผู้มีฝีมือคนอื่น ลูกศิษย์ของอาจารย์ดูเหมือนจะเยอะมาก ที่เหลืออยู่ในหุบเขา เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

รพีพงษ์ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถึงทำเช่นนี้ อาจารย์คงจะแค่ชอบ รับศิษย์

อีกอย่างจนถึงตอนนี้รพีพงษ์ยังไม่รู้ชื่อของอาจารย์ หลังจากที่ อาจารย์รับเขาเป็นศิษย์ อาจารย์สอนทักษะให้เขาเท่านั้น ไม่สนใจเรื่องอื่น และไม่เคยพูดถึงอดีตของตัวเอง ลูกศิษย์คนอื่นก็ เช่นกัน

เพราะฉะนั้น ในสายตาของรพีพงษ์ อาจารย์ยังคงมีความ

ลึกลับเล็กน้อย

ลูกศิษย์เหล่านั้นหันไปมองรพีพงษ์เป็นตาเดียว เมื่อเห็นร พงษ์ต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

พวกเขารู้จากดำเกิงการพีพงษ์กลับมาแล้ว และเมื่อรู้ว่าร พงษ์พาสาวสวยกลับมาด้วย ก็รู้สึกไม่ดีกับรพีพงษ์ทันที

ตอนนี้เห็นฝนสุดาทำท่าทางน่ารักต่อหน้ารพีพงษ์ พวกเขาก็ รู้สึกไม่พอใจ

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าคนสิบกว่าคน เป็นผู้ชายที่โครงหน้า ชัดเจน แววตาของเขาเย็นชา ชื่อของเขาคือเวทัส เป็นหนึ่งในลูก ศิษย์ที่อาจารย์รับไว้ช่วงแรกๆ

ตอนนั้นรพีพงษ์เป็นเด็กที่ไม่คิดอะไร เย่อหยิ่งและอวดดี และมี เรื่องขัดแย้งกับคนที่ฝีมือไม่เลวอย่างเวทัส แต่ตอนนั้นพละกำลัง ของรพีพงษ์แข็งแกร่ง เวทัสสู้เขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้

ตอนนี้เวทัสได้เรียนรู้วิชากำลังภายในแล้ว และเป็นคนที่ แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามคนที่ฝึกวิชากำลังภายใน

“รพีพงษ์ นายยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอ ตอนนั้นนายคิดว่าบน โลกนี้ไม่มีใครสู้นายได้ แล้วตอนนี้กลับมาหาอาจารย์ทำไม” เวที สแสยะยิ้มมองรพีพงษ์
รพีพงษ์เหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “เวทัสพูดแรงไปแล้ว ฉันพูด ตอนไหนว่าไม่มีใครสู้ฉันได้

เวทัสส่งเสียงหึ แล้วพูดออกมาว่า “เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เถอะ

ตอนนั้นท่าทางที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของนาย ฉันยังจำได้ดี “นั่นคงจะเป็นความเข้าใจผิดของนาย” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำ เสียงเรียบเฉย จากนั้นก็หันหลังเดินไปหลังภูเขา

ภารกิจสำคัญของเขาคือการฝึกวิชากำลังภายในกับอาจารย์ ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องของคนอื่น

“รพีพงษ์ ฉันเตือนนายว่าเลิกทำตัวมั่นใจในตัวเอง นายไม่ใช่ ศิษย์รักของอาจารย์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และความสามารถของ ฉันไปถึงกำลังภายในแล้ว ถึงนายจะกลับมา ก็ยังคงเทียบฉันไม่ ได้ ถ้านายยังอวดดีเหมือนแต่ก่อน ฉันจะสั่งสอนนายแทน อาจารย์เอง!”

เวทีสตะโกนใส่รพีพงษ์

คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็พูดเสริมขึ้น หนึ่งในคนที่ได้ใจที่สุดคือ นําเกิง เขาคิดว่ารพีพงษ์แค่มีกำลังมากกว่าคนอื่น แต่ถ้าเทียบ กับเวทัส ก็ยังห่างชั้นกันมาก

รพีพงษ์ไม่สนใจ เขาเดินตรงไปข้างหน้า

ฝนสุดาเห็นดังนั้นก็รีบเดินตามไป เธอไม่อยากโดนผู้ชายพวก

นั้นจ้องตลอดเวลา

“ดูเหมือนว่าโอรสแห่งสวรรค์ ยังคงโดดเดี่ยว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงมาทําเวกัสแน่ๆ”

“เขารู้ไงว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเวกัส ดูข้างหลังมันสิ เหมือน ไอ้พวกขี้แพ้ไหมล่ะ”

“มันคงรู้ตัวเอง ถึงตอนนั้นมันจะโดดเด่นแล้วยังไงล่ะ มันไป จากที่นี่ไม่กี่ปี คงจะสู้พวกเราไม่ได้แล้ว”

เมื่อดำเกิงได้ยิน ก็แอบสบถในใจ เขายอมรับว่ารพีพงษ์ไม่ได้ โดดเด่นอีกแล้ว อีกทั้งเขายังเป็นศิษย์รักของอาจารย์ แต่ถ้าพูด ว่ารพีพงษ์สู้พวกเขาไม่ได้ ดำเกิงกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น

เรื่องที่ยกหินที่มีน้ำหนักขนาดนั้น นอกจากคนที่ได้ร่ำเรียนวิชา กําลังภายในสามคน ที่เหลือก็คงไม่มีใครทำได้ แต่เขาก็ขี้เกียจ พูดช่วยรพีพงษ์

ข้างบนหลังเขา

รพีพงษ์ทำตามคำแนะนำของอาจารย์ เขานั่งลงบนพื้น ลม หายใจของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป มันแตกต่างจากการหายใจ ปกติ

ฝนสุดาที่อยู่อีกข้างรู้สึกเบื่อมาก เพราะว่าเธอไม่มีอะไรทำจึง เรียนกับเขาด้วย อาจารย์ทำเพียงยิ้มออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร

วิชากาลังภายในก็คือวิชาการหายใจออก ด้วยขั้นตอนการ หายใจที่เปลี่ยนไป ทำให้บรรลุเป้าหมายที่จะเผยพลังแฝงที่ซ่อน อยู่ในร่างกาย
เมื่อสองพันกว่าปีก่อน ในหนังสือ Huangdi Neijing ก็มีการ พูดถึงวิชากลั้นหายใจแล้ว สอนให้คนรู้จักเปลี่ยนแปลงวิธีการ หายใจ เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

แต่วิชาหายใจออกของกำลังภายใน มันซับซ้อนกว่านั้น อีกทั้ง ยังต้องฝึกควบคู่กับจุดฝังเข็มของร่างกาย ในขณะเดียวกันก็ต้อง ตั้งสมาธิเพื่อเอาพลังแฝงภายในร่างกายออกมาด้วยความ ระมัดระวัง ให้พลังแฝงภายในร่างกายได้ถูกใช้ออกมาตามใจ ปรารถนา

การที่รู้วิธีการใช้กำลังภายใน ยังไม่ใช่สิ่งที่ประสบความ สำเร็จ ในขณะเดียวกันต้องมีร่างกาย พรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา และยังต้องฝึกฝนเป็นเวลาหลายปี

ผู้มีฝีมือด้านกำลังภายในมีความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน และ ต้องใช้ความพยายามอย่างที่คนทั่วไปคิดไม่ถึง นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะ ทำได้ภายในวันสองวัน วิชาหายใจออกจำเป็นต้องฝึกฝนและ สั่งสมวิชาไปเรื่อยๆ

รพีพงษ์ค่อยๆ เริ่มฝึกและสั่งสมวิชาไปเรื่อยๆ พยายามทำให้ ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ