พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่600 ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง



บทที่600 ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง

เมื่อกุลดิลกได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มตามขึ้นมา แล้วพูดว่า “นายอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่มอบให้เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่เจอ กันเท่านั้นเอง ฉันเห็นว่าภรรยาของนายก็ไม่มีชุดไหนที่ควรค่าแก่ การนำมาแสดงเลย ดังนั้นก็เลยอยากมอบให้หนึ่งชุด สองล้าน กว่าเอง จากมรดกห้าร้อยล้านมาพูด ถือว่าไม่มากอะไรเลย

คําพูดของกุลดิลกเต็มไปด้วยความโอ้อวดและการเยาะเย้ย รพีพงษ์ หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นแค่เศษสวะ เขาก็ไม่เกรงกลัว ว่าจะทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ

ที่สำคัญเขาต้องทำให้อารียาว่าความน่าเกรงของตัวเอง “เหอะๆ ไม่จําเป็นล่ะ ชุดที่นายเลือกภรรยาของฉันไม่ชอบร พงษ์กล่าว

เมื่อชุดที่แพงที่สุดออกมาในเวลานั้น อารียาไม่ได้มีท่าทีอะไร มากนัก แม้ว่าชุดนี้จะดูงดงาม แต่อารียาก็ไม่ชอบสไตล์นี้

กุลดิลกเบะปาก แล้วพูดว่า “ชุดนี้สวยมาก เป็นสิ่งผู้หญิงก็ ชอบทั้งนั้น นายอย่าตัดสินว่าภรรยาของนายไม่ชอบชุดนี้เพียง เพราะราคาชุดนี้เลย ฉันก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ชุดนี้ฉันซื้อลงมา มอบให้เป็นของขวัญในการเจอกัน

เมื่อรพีพงษ์เห็นกุลดิลกพูดแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แล้วพูดว่า “ของที่ฉันซื้อไม่เคยต้องดูราคาก่อน ภรรยาของฉันชอบหรือไม่ชอบ ฉันรู้ดีที่สุด นายก็แค่คนนอกคนหนึ่ง อย่ามาพูด เองเออเอง”

ทุกคนมองไปที่รพีพงษ์และอารยาทั้งสองคนด้วยความอยากรู้ อยากเห็น และก็รู้ได้อย่างรวดเร็ว ว่าทั้งสองรู้สึกเหมือนกับตา ต่อตาฟันต่อฟัน

และสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนเป็นแบบนี้ ก็เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ ตรงกลางคนนั้น

“ว้าว ผู้หญิงคนนั้นก็มีความสุขมาก มีผู้ชายมาแย่งกันซื้อ เสื้อผ้าแพงขนาดนี้มอบให้เธอ

“ดูเหมือนว่า ผู้ชายที่ซื้อเสื้อผ้าคนนั้นต้องการแย่งภรรยาของ ผู้ชายอีกคนไปนะ โลกของคนมีเงิน น่าตื่นเต้นและลุ้นมากขนาด นี้เลยเหรอ?”

เมื่อกุลดิลกได้ยินคำพูดของที่ไม่พอใจของรพีพงษ์ จึงรีบไปหา พิธีกรเพื่อจ่ายเงินทันที และซื้อเสื้อผ้า ถึงเวลาไม่แน่อารียาก็อาจ ทิ้งรพีพงษ์เพราะเขายากจน

รพีพงษ์ก็เดินไปหาพิธีกร อารียารีบตะโกนเรียกเขาอย่า รวดเร็ว

“รพีพงษ์ เสื้อผ้าพวกนี้แพงเกินไป อย่าซื้อเลยดีกว่า”อารียา

พูด

รพีพงษ์ยิ้ม และกล่าวว่า “มันไม่แพง ตราบใดที่เธอชอบ ฉันก็ จะซื้อ ให้เธอ”
เมื่อกุลดิลกได้ยินคําพูดของอารียา หัวเราะเยาะทันที ดูท่าทาง แล้ว พวกเขาคงจะไม่มีทรัพย์สินอะไรมากนัก ไม่อย่างนั้นอารียา ก็จะไม่มีทางรู้สึกเสียดาย

หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไปหาพิธีกร กุลดิลกก็หยิบการ์ด ธนาคารของตัวเองออกมา ยื่นให้ และพูดว่า “ห่อชุดที่ฉันเพิ่งพูด ไปให้ด้วย”

พิธีกรรับการ์ดธนาคารไปด้วยรอยยิ้ม รีบให้คนไปรูดการ์ด จ่ายชำระ

รพีพงษ์ก็ไม่ได้ห้าม ก็ยืมรอให้พิธีกรรูดจ่ายเงินของกุลดิลกอยู่ ด้านข้าง

หลังจากเสร็จแล้ว กุลดิลกมองไปที่รพีพงษ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อันที่จริงไม่จำเป็นเลยจริงๆ ภรรยาของนายก็เพิ่งบอกเอง

เสื้อผ้าพวกนี้แพงเกินไป นายไม่ต้องเสียเงินทั้งเปล่าเพื่อศักดิ์ศรี

แค่นี้หรอก”

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่มองไปที่พิธีกร

“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณมีชุดไหนที่ชอบบ้าง?” พิธีกรยิ้มแล้วถาม “หมายเลขหนึ่ง หมายเลขเก้า และหมายเลขสิบสี่”รพีพงษ์พูด ออกมาสามหมายเลข

ดวงตาของพิธีกรก็เปล่งประกายขึ้น ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะ ซื้อหนึ่งครั้งทีเดียวสามชุด

กุลดิลกก็ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดสามชุดนี้ออกมาทันที ก็พูดอย่างดูถูกว่า: “สามชุดนี้รวมกันแล้วเกือบสี่ล้าน นายแน่ใจนะ ว่าต้องการจะซื้อสามชุดนี้จริงๆ?

“คุณผู้ชาย คุณโปรดรอสักครู่ ฉันจะให้พวกเขาเตรียมสามชุด นี้ให้คุณ”พิธีกรกลัวว่ารพีพงษ์จะเปลี่ยนใจ รีบพูดอย่างรวดเร็ว

ในเวลา รพีพงษ์พูดอย่างเบาๆ “คุณเข้าใจผิดแล้ว ความ

หมายของฉันคือ ยกเว้นสามชุดนี้ เสื้อผ้าที่เหลือ ฉันเอาทั้งหมด

“อะไรนะ?” เห็นได้ชัดว่าพิธีกรไม่ทันดึงสติกลับมา และถาม กลับรพีพงษ์แทน

“ต้องให้พูดอีกครั้งเหรอ?”รพีพงษ์ต้องพิธีกร ด้วยใบหน้าที่ นิ่งสงบ

พิธีกรดึงสติกลับมา แล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ต้อง ฉันจำได้แล้ว

ยกเว้นหมายเลขหนึ่งหมายเลขเก้าและหมายเลขสิบสี่ ที่เหลือเอา

หมด!”

กุลดิลกที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจกับคำพูดของรพีพงษ์ เขา เบิกตากว้างจ้องมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายอย่ามาล้อเล่นนะ ยกเว้นชุดไม่กี่ชุดพวกนี้ ที่เหลือรวมกับตั้งยี่สิบล้านกว่า ขี้โม้ก็ไม่ ได้โม้อย่างนายนะ”

“หึ ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง? นี่ยังต้องขี้โม้อีก เหรอ?”รพีพงษ์มองไปที่กุลดิลกอย่างไม่เข้าใจ

จู่ๆกุลดิลกก็รู้สึกเหมือนกับลสักเวลาทานอาหาร คิดในใจว่า ไอ้หมอนี่ขี้โม้เก่งเกินไปแล้ว เขาโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นใครที่ขี้โม้ได้ขนาดนี้มาก่อน

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ยืนยันทรัพย์สินของเขาก่อน ค่อยให้ คนเอาเสื้อผ้ามา? กุลดิลกหันหน้าไปมองพิธีกร แล้วถาม

ในเวลานี้พิธีกรก็ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน ถ้าหากว่ารพีพงษ์ พูดจาเพ้อเจ้อ พวกเขาก็จะเสียเวลามาก ดังนั้นเขาจึงมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า “คุณผู้ชาย ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจคุณ นี่เป็นครั้งแรกที่ พวกเราเจอกับสถานการณ์แบบนี้ คุณว่า……

รพีพงษ์หยิบการ์ดธนาคารออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเอง โดยตรง ยื่นให้พิธีกร การ์ดใบนี้ตอนนั้นเขาใช้มาซื้อชลาธิป และมีเงินอยู่ในนั้นทั้งหมดหนึ่งแสนล้าน

“คุณสามารถหักชำระเงินได้ก่อน จากนั้นค่อยเอาเสื้อผ้ามา รหัสผ่านคือตัวเลขหกหลักสุดท้ายของหมายเลขการ์ด รพีพงษ์ กล่าว

พิธีกรรีบรับการ์ดใบนั้นมา แล้วรีบเอาไปให้คนไปรูดจ่ายชำระ

กุลดิลกมองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เดิมทีเขาคิด ว่าสามารถอาศัยซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ ทำให้รพีพงษ์ตระหนักถึงช่อง ว่างระหว่างเขากับตัวเอง คาดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่แค่อ้าปากก็ซื้อ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ ถ้าหากว่าการ์ดใบนั้นของเขามีเงินมากมาย จริงๆ เขาคงไม่สามารถลงจากเวทีได้ในวันนี้

เงินยี่สิบล้าน สําหรับเขาแล้ว ก็เป็นจำนวนที่มาก แม้ว่าเขาจะ มีมรดกห้าร้อยล้าน แต่นี่คือรวมทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ถ้าจะ นับเงินสด เขาก็ไม่สามารถเอาออกมาได้มากขนาดนี้ในคราวเดียวกัน

เขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์ที่ร่ำรวยจากโชคลาภจะสามารถเอาเงิน ออกมาได้มากมายขนาดนี้ ในคราวกัน

“หึ ไอ้หมอนี่ก็แค่โอ้อวดเท่านั้นเอง เขาจะมีเงินมากมายขนาด นี้ได้อย่างไร เดี๋ยวถ้าคนมาบอกกับเขาว่ายอดเงินไม่พอ ดูซิว่าวัน นี้เขาจะอธิบายอย่างไร กุลดิลกส่งเสียงเย็นชาในใจ

หลังจากนั้นไม่นาน พิธีกรก็หยิบการ์ดธนาคารของรพีพงษ์เดิน มา ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดง และมือทั้งสองข้างก็สั่นขึ้นมา

“คุณผู้ชาย หักชำระเงินแล้ว นี่คือใบเสร็จ คุณกรุณาตรวจสอบ หมายเลขด้วย ฉันจะไปห่อเสื้อผ้าพวกนี้ให้คุณเดี๋ยวนี้” พิธีกร กล่าวอย่างตื่นเต้น

กุลดิลกก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าเต็ม ไปด้วยความไม่เชื่อ แล้วพูดว่า “การ์ด…..การ์ดใบนี้ของเขา ด้านในมีเงินมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?”

พิธีกรหันหน้าไปมองกุลดิลก แล้วพูดว่า: “ใช่ครับคุณผู้ชาย ที่ สำคัญการ์ดใบนี้ของคุณผู้ชายท่านนี้แสดงให้เห็นว่ามีระดับที่สูง ที่สุดของพวกเราที่นี่ นี่เป็นการ์ดที่ใช้ได้สำหรับหลายหมื่นล้าน เท่านั้น คุณผู้ชายท่านนี้ เป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ