พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่582 กลับเมืองริเวอร์



บทที่582 กลับเมืองริเวอร์

“หือ? ว่ายังไงนะ?”เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของชายวัยกลาง เลยถาม

ชายวัยกลางคนมองไปที่รพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดว่า “น้องชาย อย่าหาว่าฉันที่พูดตรงเกินไปล่ะ เมื่อกี้นายก็น่าจะ ได้ยิน ไปเที่ยวเล่นที่เกาะพระจันทร์หนึ่งรอบ แค่ค่าใช้จ่าย ธรรมดา ก็ไม่กี่แสนแล้ว นี่ยังไม่นับรวมกับรายการบันเทิงต่างๆ ฉันดูนายก็ไม่เหมือนคนรวยเลย เกาะพระจันทร์สถานที่แบบนี้ นายฟังฉันโม้ก็พอแล้ว สถานที่แบบนั้น คนมีเงินเขาไปกัน ไม่ เหมาะกับพวกเรา”

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “แม้ว่าเสื้อผ้าที่ฉันสวมใส่ มันจะดูธรรมดา แต่ฉันก็ยังมีเงินสำหรับไปเที่ยวเล่นเกาะ พระจันทร์ที่คุณพูดถึงได้หนึ่งรอบ สิ่งสำคัญที่สุดคือภรรยาฉัน อยากไป ฉันก็ต้องพาเธอไปอยู่เป็นธรรมดา”

ชายวัยกลางคนเหลือบมองไปที่อารียาที่อยู่ข้างๆรพีพงษ์ แวว ตาก็เปล่งประกาย คิดในใจภรรยาไอ้หมอนี่สวยจริงๆ คือ ดอกฟ้ากับหมาวัดซัดๆ

“เอาจริงนะ ภรรยาของนายสวยจริงๆ เพื่อเอาใจภรรยาที่สวย ให้มีความสุข นายก็ยอมลงทุน ทำให้คนนับถือจริงๆ แต่นายฟัง ที่พี่เตือนหน่อย เงินไปเที่ยวเล่นที่เกาะพระจันทร์ เราก็มี แต่เป็น เงินทอดออมมาด้วยความยากลำบาก คนอย่างเรา จะมีปัญญาที่ไหนไปใช้จ่ายระดับนี้ ชายวัยกลางพูด

เพื่อนหลายคนของเขาก็เริ่มเดือนรพีพงษ์ขึ้นมา บอกว่าร พงษ์ยังเด็ก ชอบพูดจาโอ้อวดแบบนี้ พวกเขาเข้าใจ เตือนร พงษ์อย่าหน้าเอาตามากเกินไป

ในขณะที่พูดอยู่ คนในกลุ่มก็เริ่มเตือนอารียาขึ้นมา บอกกับ อารียาว่ารพีพงษ์หาเงินมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เธอในฐานะผู้หญิง ควรจะเห็นอกเห็นใจรพีพงษ์ ไม่ควรจะฟุ่มเฟือยตามใจชอบแบบ

รพีพงษ์และอารยาทั้งสองคนก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เงิน

หลายแสนสําหรับคนธรรมดาแล้ว เป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว นี่เป็นเงินค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ดีว่าคนเหล่านี้เจตนาดี ไม่ได้ใช้

โอกาสวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาสองคน ดังนั้นก็เลยไม่ได้พูดอะไร

มาก

กลุ่มคนกำลังพูดคุยอยู่ และพูดคุยถึงเรื่องอารียาและรพีพงษ์ ช่วงก่อนหน้านี้ที่มีชื่อเสียงมากอยู่ในเมืองริเวอร์ คนเหล่านี้เคย ได้ยินเรื่องราวของรพีพงษ์และอารียา แต่ไม่เคยเจอทั้งสองคนมา ก่อน ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่าคนสองคนที่พวกเขากำลังพูดถึง ก็นั่งอยู่ ข้างๆพวกเขา

การวิพากษ์วิจารณ์ของคนเหล่านี้ผ่านการพูดต้นฉบับที่เกิน จริงมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รพีพงษ์ไม่เคยทำมาก่อน ก็ใส่อยู่ บนตัวของรพีพงษ์ รพีพงษ์และอารียาฟังอยู่จนรู้สึกละอาย
“น้องชาย นายเคยได้ยินชื่อรพีพงษ์มาก่อนไหม คนคนนี้เป็น ตำนานจริงๆ ถ้าให้ฉันพูด นายก็ควรจะเลียนแบบเขาให้มาก ถ้า นายมีปัญญาอย่างเขา อย่าว่าแต่ไปเที่ยวเล่นเกาะพระจันทร์เลย ต่อให้ไปอยู่ที่เกาะพระจันทร์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร”ชายวัยกลางคน หันไปพูดกับรพีพงษ์

ในตอนนี้จู่ๆเขาก็รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์และอารียาที่นั่งอยู่ข้างๆ หน้าคุ้นๆ ราวกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่คิดไปสักพักก็คิดไม่ ออกว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน เพียงคิดว่าตัวเองตาลาย

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางพูด พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า: “ใช่ใช่ใช่ ควรจะเรียนแบบ

สนามบินเมืองริเวอร์

ในเวลานี้ที่หน้าประตูสนามบิน มีรถเก๋งสีดำจอดอยู่สิบกว่าคัน ข้างรถพวกนี้มีกลุ่มผู้ชายในชุดสูทคนยืนอยู่ ดูสง่าน่าเกรงขาม และเคร่งขรึม

รถเก๋งคันที่อยู่ด้านหน้าสุด มีคนสองคนยืนประสานสองข้าง มือไว้ จ้องไปที่ประตูสนามบิน ราวกับรอให้คนใหญ่คนโตอะไร ออกมา

ทั้งสองคนนี้ก็ต้องเป็นธฤตญาณบอสใหญ่ และเธียรวิชญ์ ประธานของบริษัทซันบีบเบิล กรุ๊ป

พวกเขาทั้งสองคนได้รับข่าวมาก่อนแล้วว่ารพีพงษ์กำลังจะกลับมา ดังนั้นจึงพาคนมารออยู่ที่ด้านนอกสนามบินก่อนเวลา

ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างก็ถูกดึงดูดความสนใจจากรถหลายสิบคัน ที่จอด และก็ยังคงพูดคุยถึงสถานการณ์ที่นี่ไม่หยุด

“คนเหล่านี้คือทำไมอะไรกัน? ท่าทางมีอำนาจมากเลย?”

“ไม่เห็นสองคนที่อยู่ด้านหน้าเหรอ คนหนึ่งคือธฤตญาณ อีก คนคือเธียรวิชญ์ พวกเขาทั้งสองคน พูดได้ว่าเป็นบอสใหญ่สอง คนที่มีอำนาจที่สุดในเมืองริเวอร์ตอนนี้

“เหรอ ก็คือบอสใหญ่ธฤตญาณเหรอ? โอ้โห คนแบบนี้ ทำไม ถึงมาที่สนามบินได้ล่ะ?”

“น่าจะมารับคน คนที่สามารถทำให้บอสใหญ่ทั้งสองคนมา รับด้วยตัวเองได้ ทั้งเมืองริเวอร์ คงจะมีแต่รพีพงษ์คนเดียว”

ทุกคนก็เข้าใจทันที ถึงว่าทำไมที่นี่ถึงได้เอิกเกริกขนาดนี้ ที่แท้

ก็เพื่อรอรับรพีพงษ์

“จากไปนานขนาดนี้ ในที่สุดรพีพงษ์ก็กลับมาสักทีนะ”ธฤต ญาณกล่าว

“ใช่ โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพี่สะใภ้ ไม่งั้นพรพีคงเป็นบ้า แน่ๆ ถึงตอนนั้น ใครก็อย่าคิดที่จะได้มีความสุขเลย” เธียรวิชญ์ ตอบ

เมื่อขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ ก็มีร่างที่สวยงามวิ่งมาตรงหน้า ทั้งสองคน และพูดอย่างโกรธๆว่า “พวกนายสองคนนี้มันจริงๆ เลย มารับรพีพงษ์ก็ไม่บอกฉัน พวกนายสองคนต้องการต่อต้านเหรอ! จะบอกพวกนายให้ ตอนนี้อยู่ที่เมืองริเวอร์ ฉันเป็นลูกพี่ ครั้งหน้าถ้าพวกนายกล้าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ปล่อยพวกนายไว้ แน่”

ธฤตญาณและเธียรวิชญ์ทั้งคู่ต่างมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ตรง หน้า ก็ปวดหัวเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าจะไม่ให้เธอมา แต่ไม่คาด คิดว่าป้าคนนี้จะตามมาจนได้

หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ เป็นจารุณีที่หายดีแล้ว

หลังจากที่จารุณีหายดีแล้ว จึงเก็บข้าวของอีกครั้ง มาถึงที่ เมืองริเวอร์ ครั้งนี้เธอไม่ได้มาพัวพันกับรพีพงษ์ แต่เพราะเธอรู้สึก ว่าเมืองริเวอร์เป็นสถานที่ที่ไม่เลว และเหมาะสมกับการใช้ชีวิต แน่นอนว่าเธอเป็นเพราะว่ารพีพงษ์ถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้

หรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกัน

ที่สำคัญจารุณีได้สัญญากับรพีพงษ์แล้ว ว่าจะไม่พัวพันกับเขา อีกต่อไป ค่าตอบแทนก็คือรพีพงษ์ไม่สามารถห้ามจารุณีคบกับ ลูกชายในอนาคตของรพีพงษ์ได้

ตอนนี้จารุณีคิดได้ทั้งหมดแล้ว รู้สึกว่าเรียกรพีพงษ์ว่าพี่ชาย มันก็ดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความคาดหวัง เนื่องจาก ชาติหนึ่งยังยาวนานขนาดนี้ เธอไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะให้กำเนิด ลูกชายไม่ได้

เมื่อตอนที่จารุณีกลับมา ได้พาศักดาพ่อตาของรพีพงษ์กลับมา ด้วย ตอนแรกศักดาไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่อยากกลับมาเผชิญหน้ากับศศินัดดาเลย

แต่จารุณีรู้สึกว่าทั้งครอบครัวควรจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ในเมื่อรพีพงษ์พาอารียากลับมาแล้ว อย่างนั้นศักดาก็ควรจะตาม กลับมาด้วย เพื่อที่ครอบครัวจะได้พร้อมหน้าตากันอีกครั้ง

ดังนั้น กดาภายใต้การบังคับของศักดา จึงพาศักดากลับมา

ได้

ว่ากันว่าการกลับมาของในวันแรกของศักดา ศศินัดดาลงมือ ตบตีเขาอย่างหนัก บนใบหน้าของเขามีรอยข่วน ศักดาทนไม่ ไหว จึงต้องไปขอร้องธฤตญาณ ให้ธฤตญาณจัดเตรียมที่พักให้ เขา

ไม่นานนัก เครื่องบินของรพีพงษ์ก็ลงจอดที่สนามบิน รพีพงษ์ และอารียาจับมือกันก็เดินออกจากสนามบิน

ชายวัยกลางคนที่คุยกับพวกเขาตลอดทางก็เดินตามพวกเขา อยู่ข้างๆ ทันทีที่กลุ่มคนออกจากสนามบิน ก็เห็นกลุ่มคนของธฤต ญาณอยู่ไม่ไกล

“พระเจ้า คนเหล่านี้เป็นใครกัน คือมารับคนหรือเปล่า? นี่มัน เอิกเกริกเกินไปหรือเปล่า?”ชายวัยกลางคนอุทาน

รพีพงษ์และอารียาก็มองตามไปเห็นพวกคนของธฤตญาณ รพี พงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า: “มารับพวกเราเองแหละ”

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็เดินไปที่นั่น ชายวัยกลางคนบ่นพึมพำทันที “ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังชอบโอ้อวดอยู่ได้ เขาเอิกเกริกกัน ใหญ่ขนาดนี้ จะมารับเขาได้ยังไง?”

แต่เมื่อเขาเห็นรพีพงษ์และอารยาทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะกับ คนข้างรถเก๋งดำ จากนั้นก็เข้าไปในรถ ชายวัยกลางคนก็ตก ตะลึงทันที

“มา….มารับเขาจริงๆเหรอ?”

ในเวลานี้เพื่อนของชายวัยกลางเดินเข้ามา และพูดว่า “ฉันรู้ แล้วว่าคนพวกนั้นมารับใคร”

“ใคร?”ชายวัยกลางคนถามอย่างรวดเร็ว

“คนไม่กี่คนที่นั่น คนหนึ่งคือธฤตญาณบอสใหญ่ของเมืองริ เวอร์ อีกคนคือเธียรวิชญ์ประธานบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป และผู้ หญิงคนนั้นเป็นคุณหนูของหอการค้าสมน, พวกเขาปรากฏตัว พร้อมกัน คนที่ต้องการมารับก็มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือรพีพงษ์”

รพีพงษ์!

เมื่อได้ยินชื่อนี้ ชายวัยกลางคนก็ตกตะลึงทันที เมื่อนึกถึงคำ พูดที่เขาพูดกับรพีพงษ์บนเครื่องบิน ก็ตกตะลึงจนแข็งทื่อทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ