พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่781 ท้าทายวงการแห่งหัวเซีย



บทที่781 ท้าทายวงการแห่งหัวเซีย

รพีพงษ์ได้ฟังคำพูดนี้ คิ้วกระตุก ในใจคิดว่าพูดถึงโจโฉ โจโฉก มา

“ให้เขาเข้ามาเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

คนๆนั้นพยักหน้า รีบเรียกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา ผ่านไปไม่นาน บดีศวรพาเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามา บดีศวร ท่าทางผึ่งผาย ดูเหมือนคนอิ่มประสบการณ์

ส่วนหญิงสาวหน้าตาซุกซน แววตาไร้เดียงสา

ทั้งคู่เดินด้วยกัน แม้ว่าจะขัดแย้ง แต่ก็ยังสามารถดึงดูด สายตาจากคนอื่นๆ คนที่อยู่ข้างๆบดีควรไม่ ใช่ใครอื่น เป็น หลานสาวคนโตอายุสิบหกปีของบดีศวร กับฉายสุดา หลังจากที่ทั้งคู่เข้าไปในห้องโถง สายตาก็ตกไปอยู่ที่รพีพงษ์

บดีศวรเห็นท่าทีรพีพงษ์ รู้สึกว่าเขามีบารมีมาก รู้สึกใจหายขึ้น มา รพีพงษ์เป็นอย่างที่ร่ำลือจริงๆ อ่อน

เยาว์ขนาดนั้น

บดีศวรสัมผัสได้ถึงอันตรายที่พูดไม่ออกบนตัวรพีพงษ์ ต่อให้ เศรษฐีตระกูลไหนก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้แบบนี้ ดูท่าปภาวิชญ์ กับจิรภาสสองพี่น้องคงตายคามือรพีพงษ์แน่นอน ไม่ใช่เรื่อง บังเอิญอะไร
หรอก

“ประมุขตระกูลลัดดาวัลย์ปราดเปรื่องสมชื่อ อายุน้อยหากมี ความสามารถ วันนี้ได้พบ เป็นดั่งคำร่ำลือแท้จริง บารมีสูงส่ง แม้แต่ผู้เฒ่าอย่างกระผมยังละอายใจ”บดีศวรกล่าว

ฉายสุดาที่ยืนด้านข้างได้ยินคุณปู่กล่าวอย่างนั้น จึงรีบโต้ กลับ”คุณปู่คะ คุณปู่คงหลงลืมไป ตานี่ดูมีสง่าราศีตรงไหน เขา ห่างไกลจากคำว่าสง่าราศรีอีกมากค่ะ”

“ฉายสุดา ห้ามเสียมารยาทบดีศวรหันไปมองฉายสุดา เอ่ย

ปากกล่าว

เห็นได้ชัดว่าฉายสุดาพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์”หนูพูดไม่ถูก ตรงไหนคะ หน้าตาเขาออกธรรมดา ห่างไกลจากคำว่าสง่าราศรี มากขนาดนั้น”

รพีพงษ์เห็นสาวน้อยคนนี้วิจารณ์หน้าตาเขาอย่างจริงจัง จึงพูด

ไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าบดีควรจงใจพาหล่อนมาตำหนิเขาชัดๆ

“ถ้าพวกคุณมาเพื่อดูว่าผมหน้าตาอย่างไร ผมว่าเสริชหาบน เน็ตก็ได้ครับ ไม่ต้องมาดูด้วยตัวเองหรอก รพีพงษ์เอ่ยปากพูด ฉายสุดารีบเบ้ปากใส่รพีพงษ์ ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ไม่ยี่หร่าใดๆ บดีศวรยิ้มให้รพีพงษ์อย่างกริ่งเกรง พูดว่า “หลานสาวผม เสียนิสัย ขายหน้าตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว”

“ผมไม่พูดพร่ำทําเพลงแล้วละกัน ครั้งนี้ที่มาหาประมุขลัดดา วัลย์ เพราะต้องการเชิญให้ตระกูลลัดดาวัลย์เข้าร่วมงานประลองฝีมือ เชื่อว่าตระกูลลัดดาวัลย์คงพอรู้จักงานประลองฝีมือมา บ้าง งานประลองนี้ ถ้าขาดตระกูลลัดดาวัลย์ไป คงน่าเสียดาย แย่”

รพีพงษ์ได้ยินคําพูดของบดีศวร จึงรีบทำสีหน้าดูแคลน กล่าว ขึ้น แต่ในโฆษณาไม่ได้ว่าแบบนี้นี่ ผมไม่คิดว่าการดูถูกดูแคลน คนจะทำให้เกิดงานเลี้ยง ใดๆขึ้นมา

เขาไม่เกรงใจบดีศวรแม้แต่น้อย ในเมื่อทุกคนรู้ว่าฝ่ายตรง ข้ามต้องการทําอะไรก็ไม่มีความจำเป็นต้องเสแสร้งกันอีกต่อไป บดีศวรไม่ได้โกรธ เพียงแค่ยิ้ม เปิดปากพูดเรื่องโฆษณา พวก เราทําได้ไม่ดีพอ แต่เชื่อมั่นในศักยภาพของประมุขตระกูลลัดดา วัลย์ ว่าจะไม่แปดเปื้อนกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้แน่

นอน เพียงแค่ประมุขลัดดาวัลย์ขึ้นไปแสดงฝีมือ ก็สามารถ กลบคําครหาได้แล้ว”

พูดจบ บดีศวรจึงควักบัตรเชิญใบหนึ่งออกมาจากเสื้อ

“นี่คือบัตรเชิญงานประลอง หวังว่าประมุขลัดดาวัลย์จะมาร่วม งาน ให้วงการแห่งหัวเซี่ยเห็นความเก่งกาจของประมุขลัดดา วัลย์”

บดีศวรชี้นิ้ว ปล่อยพลังเนยจิ้ง จากนั้นออกแรง ดีดบัตรเชิญไป ทางรพีพงษ์

ปรมาจารย์ฝีมือสูง เพียงแค่ร่อน ใบไม้ก็สามารถปลิดชีพผู้คน ได้ บัตรเชิญเมื่อเทียบกับ ใบไม้ แข็งแกร่งกว่าเยอะ เมื่อบดีศวรดี ดออกไป ก็จะกลายเป็นอาวุธสังหารคนได้ บัตรเชิญบินว่อนไปทางรพีพงษ์

อย่างรวดเร็ว

เมื่อผู้คนในห้องโถงเห็นการณ์ ต่างตกตะลึง พวกเขารู้สึก เพียงบารมีแข็งแกร่งถูกปล่อยออกไป ตึงเครียด บัตรนั้นร่อนไป ตรงหน้ารพีพงษ์

สีหน้ารพีพงษ์นิ่งสงบ ยามบัตรเชิญร่อนมาอยู่หน้าตนนั้น เพียง ใช้มือปัดเบาๆ แล้วใช้นิ้วหนีบบัตรเชิญนั้นไว้ พลังเน่ยจิ้งที่แฝง อยู่บนบัตรดับพลัน กระทั่งดูไม่ออกว่ามีพลังสังหารบนนั้นด้วย

บดีศวรเห็นรพีพงษ์รับมือกับการจู่โจมของเขาอย่างง่ายดาย เขาหรี่ตาลง ศักยภาพรพีพงษ์นั้น ดูท่าร้ายกาจว่าที่คิดไว้มาก

“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่คิดจะรับคำเชิญ นำบัตรเชิญกลับไป เถอะครับ”

รพีพงษ์พูดออกมาค่หนึ่ง จากนั้นโยนบัตรเชิญทิ้งเบาๆ บัตร เชิญจึงถูกสะบัดกลับไป

บัตรเชิญที่ถูกดีดกลับแรงกว่าที่บดีศวรร่อนมาเท่าหนึ่ง ทุกคน ต่างมองเห็นความโหดร้ายตรงหน้า ตึงเครียด บดีศวรเอี้ยวตัว หลบไปด้านหลัง ถึงได้รักษาเงาของตนไว้ได้ บัตรนั้นตอนนี้อยู่ใน มือเขาแล้ว

การโต้ไปมานี้เร็วประหนึ่งกระแสไฟ ทุกคนต่างตะลึงกับการ ปะทะฝีมือระหว่างปรมาจารย์ทั้งสอง ถ้าเป็นพวกเขา ต่อให้ตาย

ไปตอนไหนคงยังไม่รู้
บดีควรมองรพีพงษ์อย่างน่าเกลียด เอ่ยขึ้น งานประลองระดับ นี้ ตกลงคุณไม่เข้าร่วมใช่ไหม

“หึๆ ขออภัย สําหรับผม ไม่ใช่งานใหญ่อะไร”รพีพงษ์เอ่ย

กล่าว

“คนอย่างนายนี่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาซะเลย คุณปู่อุตส่าห์มา เชิญ นายยังกล้าปฏิเสธ ฉันไม่เคยเห็นคนไม่เจียมตัวแบบนาย เลย ฉายสุดาตะโกนใส่รพีพงษ์ทันที

บดีศวรส่ายหน้า รู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้โง่ เขาคงเดาจุดประสงค์ตน

ออกแล้วแน่นอน จึงได้ปฏิเสธดักคอ

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมไม่รบกวนแล้ว หากประมุขลัดดา วัลย์เปลี่ยนใจ มาร่วมงานประลองได้เสมอ ขอลา

พูดจบ บดีศวรจึงพาฉายสุดาเดินออกไป

ตอนที่ฉายสุดาเดินออกไปได้หันมาจ้องรพีพงษ์เขม็ง เธอดู โกรธไม่น้อย

ทั้งคู่เดินออกจากคฤหาสน์รพีพงษ์ ฉายสุดาสีหน้าไม่สบ อารมณ์ เอ่ยขึ้น คุณปู่คะ รพีพงษ์อะไรนั่นไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาซะ เลย คุณปู่มาเชิญด้วยตนเองแท้ๆยังปฏิเสธลงคอ หนูว่าคุณน่า จะลงมือสั่งสอนสักยก ชื่อเสียงของเขานั่นโม้ต่างหาก

บดีศวรหยุดลง หันไปมองฉายสุดา เอ่ยขึ้น “สุดา รพีพงษ์ ร้ายกาจนัก ไม่ได้ง่ายแบบที่หลานคิด แค่คำพูด ไม่ใช่คู่ต่อสู้ เขาด้วยซ้ำ”
ฉายสุดาเบิ่งตาโพลง เอ่ยขึ้น คุณปู จะเป็นคู่ต่อสู้ไม่ได้ อย่างไรเล่าคะ หนูก็ไม่เห็นเขามีอะไรพิเศษนี่นา ก็แค่รับบัตรเชิญ ที่คุณปู่ร่อนไปได้ แล้วร่อนกลับมา”

บดีควรสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นพับแขนเสื้อขึ้นอย่าง ระมัดระวัง

ฉายสุดาก้มลงมอง เห็นแต่แขนบดีศวรสั่นไม่หยุด บนแขน เส้นเลือดปูดโปน เกือบครึ่งเขียวช้ำ ฉายสุดาตกใจจนพูดไม่ออก

ภายในห้องโถงทุกคนต่างมองไปที่รพีพงษ์ รู้สึกว่าการที่ร พงษ์ปฏิเสธคำเชิญ เป็นทางเลือกที่ฉลาด

“ศิษย์พี่ ท่านเคยบอกว่าไม่เคยเห็นห้าตระกูลใหญ่อยู่ใน สายตามิใช่หรือ ทำไมสุดท้ายถึงปฏิเสธไปเล่า” ดำเกิงยิ้มให้พี

พงษ์

รพีพงษ์กวักมือให้ดำเกิง เรียกให้เขามา

ดำเกิงเดินมา มองรพีพงษ์อย่างลังเล รพีพงษ์กระเถิบไปข้างหู เขา ราวกับพูดอะไรด้วย

เห็นแต่ดำเกิงเบ่งตาโพลง จากนั้นตะโกนออกมา”ว่าไงนะ! ท่านจะท้าทายวงการหัวเซีย โดยการปฏิเสธคำเชิญจากห้า ตระกูลใหญ่ เพื่อที่จะให้สิทธิในการปกครองมาตกอยู่ที่ตนเอง อย่างนั้นหรือ? ! ! ! ”

ทุกคนในห้องโถงอ้าปากค้าง มองรพีพงษ์เป็นตาเดียวโดยที่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ