พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 759 ขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง



บทที่ 759 ขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง

ปภาวิชญ์ที่อยู่กลางอากาศเมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่ตื่นตระหนกแต่ อย่างใด บนใบหน้าก็แสดงความสงสัยออกมา แต่ในขณะนี้เขา ไม่สามารถสนใจเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เขารู้เพียงว่า ด้วยหมัดนี้ของ เขา รพีพงษ์ไม่มีทางรอดได้อย่างแน่นอน

“อย่ามาวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน! วันนี้ เป็นวันตายของ แก!”

พลังวิเศษเสนในร่างกายของรพีพงษ์ไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ผ่านเส้นลมปราณของร่างกายทั้งหมด ถูกถ่ายส่งไปถึงยังฝ่ามือ อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ รพีพงษ์ไม่กักเก็บแม้แต่น้อย เมื่อหมัดของปภาวิชญ์กำลังจะกระแทกไปที่บนหัว ฝ่ามือของ

รพีพงษ์ผลักออกไปด้านข้างทันที พลังอานุภาพไม่ได้อ่อนแอกว่า

หมัดของปภาวิชญ์มากนัก

“ฝ่ามือธันเดอร์!”

ชกไปที่ฝ่ามือหนึ่งหมัด ทันใดนั้นลมแรงก็พัดเข้ามาในลาน บ้าน ฝุ่นบนพื้นก็ลอยขึ้นมา แต่พลังอานุภาพรอบๆตัวรพีพงษ์ และปภาวิชญ์ถูกพัดหายไปอย่างรวดเร็ว

ผู้คนในเหตุการณ์ต่างไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรเพื่ออธิบายความ รู้สึกของตัวเอง การต่อสู้ครั้งนี้ เป็นการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ พวกเขาเคยเห็นมาในชีวิต
“พีพงษ์ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ปภาวิชญ์เป็นแบบนี้แล้ว เขา ยังสามารถต้านทานได้ นี่มันก็ไม่ใช่คนแล้ว!”

“การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะแพ้ชนะ คงจะแพร่กระจายไปทั่ว ประเทศจีนอย่างแน่นอน ปภาวิชญ์มีชื่อเสียงมานานหลายปี ถ้า รพีพงษ์ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อของเขา จะทำให้แวดวงศิลปะการ ต่อสู้สั่นสะเทือน”

“รพีพงษ์จะชนะได้จริงเหรอ? ปภาวิชญ์กินยาเลยนะ ถ้านี่ก็ สามารถชนะได้ ถ้าอย่างนั้น ใช้วิปริตมาก็ไม่เพียงพอที่จะอธิบาย ว่าเขาเป็นได้”

รพีพงษ์และปภาวิชญ์ทั้งสองคนปะทะกันเป็นเวลานาน พลังที่ ทั้งสองคนระเบิดออกมา ต่างก็บรรลุถึงจุดที่สูงที่สุดของแดน ปรมาจารย์ ตอนนี้ที่กำลังแข่งขันกันเอง ก็คือพลังของ ใครอยู่ได้ ยาวนานยิ่งกว่ากัน

ปภาวิชญ์มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ ยังไงเขาก็คาดไม่ถึง รพีพงษ์จะรับมือกับการโจมตีพลังทั้งหมดที่แสดงออกมาจากการ กินยาเม็ดไอกิแดนได้ และไม่ยอมแพ้เลย

ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร ถ้า หากให้เขาพูดอะไรจริงๆ เขาเพียงอยากบอกกับรพีพงษ์ว่า: “แก แม่งเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่!

“ทำไม? ทำไมฉันกินยาเม็ตไอกิแดนไปแล้ว ยังคงไม่สามารถ ฆ่าแกได้ล่ะ? หรือว่าความแข็งแกร่งของแกบรรลุถึงจุดที่สูงที่สุดของแดนปรมาจารย์แล้วเหรอ? แต่แกอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่า นี่เป็น เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย! ปภาวิชญ์มองไปที่รพีพงษ์ เกือบจะ ร้องไห้ออกมา

รพีพงษ์มองไปที่ปภาวิชญ์ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า “หลัง จากท่วงท่าน แกไม่มีทางมีชีวิตรอดได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้า อย่างนั้นฉันก็จะบอกให้แกเอง

ปภาวิชญ์เบิกตากว้างทันที และมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือ เชื่อ

“ความจริงแล้วฉันมีความแข็งแกร่งเพียงเน่ยจิ้งขั้นกลาง”รพี พงษ์เอ่ยปาก

“นี่เป็นไปไม่ได้! แกอย่าคิดว่าฉันโง่! ปภาวิชญ์โต้ตอบตรงๆ

“นี่เป็นความจริง ส่วนเหตุผลที่ฉันสามารถต้านทานท่วงท่า ของแกได้ เป็นเพราะว่าร่างกายของฉัน ยังมีพลังอื่นอยู่ รพีพงษ์ พูดต่อ

“พลังอื่นเหรอ?” ปภาวิชญ์นิ่งอึ้งทันที

“ถูกต้อง แต่พลังแบบนี้คืออะไร ฉันก็จะไม่บอกแก เนื่องจาก แกเป็นคนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ?”รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา

ปภาวิชญ์ไม่ตอบสนองจากคำพูดของรพีพงษ์เป็นเวลานาน เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน บนโลกใบนี้ นอกจากเน่ยจิ้งแล้ว ยังมี พลังอื่นๆอยู่

แม้ว่าจะเป็นนายใหญ่อันดับหนึ่งของตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่ปภาวิชญ์เข้าใจ ก็ไม่ได้มากกว่าชนาธิปอย่างแน่นอน

ในไม่ช้า ปภาวิชญ์ก็ตอบสนองจากคำพูดที่รพีพงษ์ได้พูดมา ในแววตาของเขาก็ปรากฏความบ้าคลั่งออกมา

“กูจะตายอยู่ในเงื้อมมือของเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ได้อย่างไร อย่าได้เพ้อฝันไป หน่อยเลย วันนี้ที่ต้องตาย คือแก!” ปภาวิชญ์ตะโกนอย่างอารมณ์แปรปรวน

ทันทีที่เขาตะโกนคำเหล่านี้จบ ก็รู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายของ เขาเริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว ในใจของเขารู้ดี ฤทธิ์ของยาเม็ด ไอกิแดนถึงขีดจําแล้ว ต่อไป เขากำลังจะเผชิญหน้ากับการ ลอบกัดของยาเม็ดนี้

รพีพงษ์ในทางกลับกัน ยังคงไม่มีความตั้งใจที่จะถอยหลัง พลังในร่างกายของเขาดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และยังคง ถ่ายทอดพลังลง ในฝ่ามือ

ตอนแรกปภาวิชญ์คิดว่าหลังจากที่ใช้ยาเม็ตไอกแดนเพิ่ม ความแข็งแกร่งแล้ว จะกำจัดเขาอย่างรวดเร็ว ด้วยศักยภาพทาง กายของเขา ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้านทานการลอบกัดของยาเม็ดนี้ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือการกลายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ สามารถฝึกศิลปะการต่อสู้ได้เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามเขาไม่คาดไม่ถึง ต่อให้เขาจะกินยา ยังคงไม่ สามารถกำจัดรพีพงษ์ได้ ในเวลานี้ฤทธิ์ยาได้สิ้นสุดลงแล้ว รพี พงษ์ก็ไม่มีวี่แววว่าจะล้มลงแม้แต่น้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ ลมปราณอ่อนแอกว่าเมื่อกี้นี้
สิ่งที่ทำให้หัวใจของปภาวิชญ์เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ถ้าเป็น แบบนี้ต่อไป เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“รพีพงษ์ ความแข็งแกร่งของแกฉันรู้สึกได้ แกอยู่เหนือ จินตนาการของฉันจริงๆ ต่อให้ฉันจะกินยา ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของแก เราถอยกันคนละก้าวไม่ดีกว่าเหรอ ฉันจะไม่หาทางแค้น แก้แก แกก็ไว้ชีวิตฉันด้วย ต่อให้แกไม่ลงมือกับฉัน ยานี้ก็จะ ทำให้ฉันกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ฉันก็จะไม่สร้างภัยคุกคาม ใดๆต่อแกอีก”ปภาวิชญ์กลอกตาไปมา เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาทำได้เพียงแค่ขอความเมตตาเท่านั้น

รพีพงษ์ยิ้มให้เขาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ถ้าหาก แกร้องขอความเมตตาก่อนหน้านี้ ฉันอาจจะมีเมตตา แต่เมื่อกี้นี้ ฉันได้บอกความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันไปแล้ว ดังนั้นต่อให้แก จะไม่สร้างภัยคุกคามใดต่อฉัน ฉันก็ไม่สามารถเก็บแกไว้บนโลก ใบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นนี่ก็คือฉันขาดความรับผิดชอบต่อตัวเอง แก ว่าใช่มั้ย”

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ปภาวิชญ์ก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างฉับ พลัน หัวสมองทำงานอย่างรวดเร็ว โดยคิดว่าทำอย่างไรถึงจะ รักษาชีวิตของตัวเองไว้ได้

รพีพงษ์ไม่ให้โอกาสใดๆกับเขาเลย หลังจากพูดจบ พลังบน ฝ่ามือก็เพิ่มขึ้นทันที ปภาวิชญ์ร้องโอดโอยอย่างกะทันหัน จาก นั้นร่างกายก็บินออกไปข้างหลัง

ปภาวิชญ์ล้มลงกับพื้น เลือดก็พุ่งออกมาจากปากเขาราวกับน้ำพุ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาแตกออกมาทันที ทั้งหัว เปรอะเปื้อนด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงไปในพริบตา ดูไปแล้ว น่ากลัวอย่างมาก

เมื่อสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนเห็นสิ่งนี้ ก็รีบพุ่งตรงไปที่ป ภาวิชญ์

รพีพงษ์ไปถึงที่ตรงหน้าปภาวิชญ์ก่อนหน้าพวกเขา ขวาง สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนไว้

“พวกแกรอก่อน รพีพงษ์เอ่ยปาก

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนไม่รู้ว่ารพีพงษ์หมายถึงอะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงความไม่พอใจ นายใหญ่ของพวกเขากิน ยาเม็ตไอกแดนไปยังเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ แล้วพวกเขาจะเป็นคู่ ต่อสู้ของรพีพงษ์ได้อย่างไร

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ปภาวิชญ์ที่ล้มลงบนพื้นแวบหนึ่ง จากนั้น นั่งยองๆลงมา แตะคอของเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขาตายแล้ว ถึง ได้ลุกขึ้นยืน หันไปมองสมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “เขาตายแล้ว พวกแกสามารถเข้าไปได้แล้ว”

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนต่างก็ตกตะลึง รพีพงษ์ขวาง พวกเขาเมื่อกี้นี้ หรือว่าก็เพื่อรอให้ปภาวิชญ์ตายเหรอ?

ตอนนี้คนตายแล้ว ยังตั้งใจบอกกับพวกเขาอีก นี่….ก็เสียสติ เกินไปแล้ว?

สมาชิกไม่กี่คนของตระกูลภูธนมองไปที่รพีพงษ์เหมือนปีศาจที่ออกมานรก บนเกิดอาการขนลุกมา

ถ้าใช่เพราะศพของนายใหญ่ตระกูลภูธนล้มบนพื้น พวกเขาคง

พวกเขาทางรู้เลย เหตุผลที่รพีพงษ์ทำเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะ เสียว่าเขาพลังอื่นอยู่ไป

ในสมาชิกไม่กี่ของตระกูลภูธน เพียงสิบแปดสิบเก้าปี เขาตั้งใจมาอยากหน่วยก้านของนายใหญ่ นายใหญ่ปกติแล้วความ เข้มขรึมน่าเกรงขาม กลับตายอยู่ที่

ตอนนี้เห็นรพีพงษ์สติไม่สามารถกลั้นไว้ได้อย่าง กะทันหัน ร้องไห้ออกมา

เสียงดังก้องไปทั่ว ทำให้กลุ่มนกเกาะอยู่กิ่งตกใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ