พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่561 คิดเองเออเอง



บทที่561 คิดเองเออเอง

หลังจากที่ทุกคนต่างทยอยขึ้นรถกันไปจนหมด รพีพงษ์จึงขับรถ มุ่งหน้าไปทางอาคาร ลานคอน

นิษฐากับเยาวเรศทั้งคู่ให้ความสนใจในเรื่องที่รพีพงษ์ไปที่ อาคารลานคอนอย่างเห็นได้ชัด และมักจะส่งสายตาให้รพีพงษ์ อยู่เนืองๆ

ชนุดมเห็นว่านิษฐากับเยาวเรศรู้จักมักจี่กับสารถีที่ขับรถอยู่ จึง ถามขึ้นเสียงค่อยว่า”เธอสองคนรู้จักกับคนขับรถเหรอ”

นิษฐาพยักหน้าพูดขึ้นว่า “ก็รพีพงษ์ที่ฉันเคยบอกนายไงล่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าเขาหนีไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมาเป็นคนขับรถ อยู่ที่อาคารลานคอน

ชนุดมเบิ่งตาโพลงโต พูดขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ “รพีพงษ์ คนที่บริจาคหนึ่งพันล้านให้โรงเรียนเราน่ะเหรอ บ้าน่า เขาจะมา เป็นคนขับรถได้ยังไงกัน

นิษฐาพูดอย่างไม่สบอารมณ์” ใครจะไปรู้ว่าหนึ่งพันล้านนั่น เป็นของเขาหรือเปล่า ฉันเคยบอกนายก่อนหน้าแล้วไง เขาเป็น แมงดาที่คนรับเลี้ยงน่ะ ต่อมาพอฟังเขาบรรยายในห้องเรียน เลยคิดว่าคงเข้าใจเขาผิดไป ตอนนี้พอมาเห็นเขาเป็นคนขับรถ ตอนนี้เลยรู้สึกอีกว่าเงินหนึ่งพันล้านนั่นของเขาหรือเปล่า หรือว่า คนอื่นให้ เพราะว่าเขาไปขัดใจตระกูลพงศ์ธนธดา ก็เลยโดนเฉด หัวออกมาเป็นคนขับรถนี่ไง”
พอชนุดมได้ฟัง สีหน้าก็แสดงความดูแคลนออกมา พูดขึ้น ว่า “คนที่ฉันดูถูกที่สุด ก็คือพวกที่เกาะผู้หญิงกิน มีมือมีเท้า ยัง ต้องให้ผู้หญิงเลี้ยง ขายขี้หน้าผู้ชายหมด

“อย่าพูดแบบนี้สิ รพีพงษ์บรรยายได้ดีมากนะ เขาอาจจะเลอะ เลือนไปเพียงชั่วขณะก็ได้ แม้ว่าจะโดนนิษฐานอยู่ทุกคืนวัน เยาวเรศไร้ความรู้สึกที่ดีใดๆต่อรพีพงษ์แล้ว แต่เธอก็อดที่จะช่วย รพีพงษ์พูดขึ้นสักคำสองคำไม่ได้

“ถ้าจะพูดแบบนี้ เขาก็ยิ่งโดนดูแคลนแล้วล่ะ ทั้งๆ ที่มีความ สามารถหาเงิน แต่ไม่ไปบรรยายสอนหนังสือ แต่กลับจะไปพึ่งพา เศรษฐีนี คนแบบนี้ความคิดมีปัญหาใดๆ อาศัยผู้หญิงไต่เต้า

ไม่มีดีสักคน”ชนุดมพูดอย่างดูแคลน นิษฐาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย คิดว่าชนุดมพูดได้ไม่มีที่ติ

แม้ว่าพวกเขาจะกดเสียงพูดให้เบา แต่ว่าเนื่องจากรถกว้าง มาก พอมีอะไรเคลื่อนไหวนิดหน่อยก็จะได้ยินชัดเจน คนที่นั่งบน รถจึงได้ยินถ้อยคำของคนทั้งสามอย่างชัดเจน

คนไม่น้อยที่ดูถูกดูแคลนรพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าสารถีที่มารับพวก เขาจะเป็นคนแบบนี้

“คิดไม่ถึงว่าในโลกนี้ยังจะมีคนแบบนี้อยู่อีกนะ มีความ สามารถแท้ๆ แต่ยังเกาะผู้หญิงกิน หน้าด้านชัดๆ”

“หึหึ คนแบบนี้มักจุดจบไม่สวยหรอก ก่อนหน้าต่อให้รุ่งแค่ ไหน ตอนนี้ก็ตกลับมาเป็นคนขับรถนี่ไง นี่แหละเวรกรรม”
“คิดไม่ถึงนะว่าคนรถคนนี้จะไปขัดใจตระกูลพงศ์ธนธดา งั้น ฉันต้องระวังหน่อยแล้วล่ะ อยู่ห่างๆมันหน่อย อย่าให้มันพาซวย

เมื่อได้ยินคนบนรถวิจารณ์ ชนุดมจึงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เขาเป็นคนที่ชอบหาเรื่อง พอรู้ว่าคนขับรถคนนี้คือรพีพงษ์ที่นิษฐา เล่าให้ฟัง จึงพาลนึกไปถึงเรื่องที่นิษฐาเล่าเกี่ยวกับ รพีพงษ์ จึง เกิดความรู้สึกที่อยากจะกระทบกระเทียบรพีพงษ์ขึ้นมา

คิดว่าอย่างไรเสียคนที่รพีพงษ์ไปก่อนเรื่องไว้คือตระกูลพงศ์ ธนธดา และไหนๆก็ตกอับมาเป็นคนขับรถแล้ว คงไม่กล้าผยอง อะไรขึ้นมาอีก อีกอย่างแค่คนขับรถคนเดียว ก็ไม่มีอะไรให้น่า ผยอง นา

ชนิดมกลอกตา ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ แล้วไปนั่งที่นั่งด้าน หน้าสุด พูดกับรพีพงษ์ที่กำลังขับรถว่า “พี่ชาย ได้ข่าวว่าพี่โม้เก่ง นักนี้ บริจาคเงินให้โรงเรียนเราพันล้านเลยเหรอ ทำไมตอนนี้มา เป็นคนขับรถล่ะ”

รพีพงษ์เขม่น ใส่นักเรียนชายคนนี้ทีหนึ่ง เมื่อครู่เขาก็พอได้ยิน มาบ้างแล้วล่ะ แต่เขาแม่ไม่อยากไปถือสาหาความกับเด็กที่ยัง เรียนไม่จบก็เท่านั้น ก็เลยไม่ได้สนใจพวกเขา

ตอนนี้พอได้ยินชนุดมถามแบบนี้ ก็รู้สึกพูดไม่ออก จึงเอ่ยปาก พูดขึ้น กลับไปนั่งที่ คาดเข็มขัดนิรภัยซะ”

ชนุดมหัวเราะหึๆ พูดขึ้น ทำไมไม่ตอบคำถามล่ะ หรือว่าร้อนตัว ฉันได้ยินมาว่าพันล้านของแกนะ ผู้หญิงที่เลี้ยงแกให้มาเหรอ เรื่องแบบนี้ คงไม่เป็นจริงหรอกนะ”

รพีพงษ์เห็นนักเรียนชายคนนี้ได้คืบจะเอาศอก จึงตอบกลับไป

คําหนึ่ง“ปลอม”

ชนุดมได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ จึงตะลึง ในใจดูถูกว่ารพีพงษ์ เป็นคนไร้ยางอาย

“ฉันเคยเห็นแต่คนหน้าด้าน แต่ไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายแบบ นี้ แก…..”นุดมไม่ได้รู้สึกเกรงรพีพงษ์เลย แค่คนขับที่ไปขัดใจ ตระกูลพงศ์ธนธดา ต่อให้เจออะไรก็ต้องหดหัวเข้ากระดองอยู่ดี แต่ว่าเขาพูดยังไม่ทันจบ จูรพีพงษ์ก็เหยียบคันเร่ง แล้วหักพวง

มาลัย ชนุดมจึงหกคะเมน ลงไปนั่งตรงที่นั่ง รพีพงษ์ผู้ที่มีเทคนิคการขับรถสูงอยากให้ชนุดมได้รับความ

ทุกข์บ้าง แน่นอนว่าย่อมเป็น เรื่องง่าย

ชนุดมอดกลั้นต่อความเจ็บแล้วปีนขึ้นมา จ้องมองรพีพงษ์ อย่างดุร้ายพูดขึ้น “แม่ง จงใจใช่ไหม!

“ฉันบอกให้นายกลับไปนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว นายไม่ฟัง เอง”รพีพงษ์เปิดปากพูด

ชนุดมกำหมัดแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะไปกวนการขับรถ ของรพีพงษ์ และความปลอดภัยของทุกคนบนรถ เกรงว่าชนุดม คงจะลงไม้ลงมือกับรพีพงษ์แล้วล่ะ

“ชนุดม พอแล้วล่ะ นายกลับไปนั่งที่เถอะนะ”นิษฐาตะโกนใส่ชนุดม

ชนุดมแค่นเสียงแล้วนั่งที่ พร้อมคาด

ตลอดทาง พวกชนุดมสามคนถกเรื่องรพีพงษ์ตลอดทาง เพราะเมื่อกี้รพีพงษ์วิจารณ์รพีพงษ์ เขาตะโกนพูดโหวกเหวกเสียงดัง แค่ต้องการรพีพงษ์ขายหน้า

รพีพงษ์แกล้งทําเป็นไม่ได้ยิน ถ้าให้เขาไปถูกกับคนพวก นี้ เขาคงจะโง่ตาม

รพีพงษ์ขับมาจอดที่หน้าอาคารลานคอน หลัง ที่จอดแล้ว จึงให้คนที่สัมภาษณ์จากรถ หลังจากพวกนิษฐาสามคนลงจากรถแล้ว

พงษ์

ชนุดมจ้องทางรพีพงษ์อย่างดุร้าย เถอะ ฉันสัมภาษณ์ วันให้จบก่อน ค่อยบัญชีฉันเส้นสายที่นี่นะ เดี๋ยวฉันต้องไปคุยเขาไล่คนรถแบบแก แล้วแกก็ไม่แต่งานรถ ดูว่า แกจะสำนึกไหม”

นิษฐากลอกใจพลางคิดและไปหยุดตรงหน้ารพีพงษ์ พูดก่อนหน้าฉันคิดนายมาก แต่เรื่องหลายเรื่องเกิดขึ้นต่อมาทำให้ฉันรู้สึกนาย

“วันพวกเราสัมภาษณ์อยู่ในกรุ๊ปลานคอน เป็นพนักงานของกรุ๊ปลานคอน พวกเราก็ถือว่าได้ก้าวหน้าแล้ว คนรถ อย่างแกเทียบไม่ติดหรอก”

“ฉันอยากให้แกคิดปัญหาของตัวเองให้ดีๆ อย่าคิดเองเออเอง”

พูดจบ เธอจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในอาคารลานคอน

เมื่อมองตามเงาหลังของนิษฐา รพีพงษ์จึงยิ้มขึ้นมา คำว่าคิด

เองเออเอง น่าจะใช้กับตัว เธอจะเหมาะกว่า

ไม่รู้ว่าถ้าพวกนิษฐารู้ว่ารพีพงษ์เป็นเจ้าของอาคารลานคอน แล้ว จะมีปฏิกิริยาตอบกลับ อย่างไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ