พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 430 ฝึกฝน



บทที่ 430 ฝึกฝน

เทือกเขากิสนา

เวลาครึ่งเดือนผ่านไปรวดเร็วมาก ในช่วงเวลาครึ่งเดือนมานี้ รพีพงษ์ใต้คุ้นชินกับชีวิตที่นี่เสียแล้ว และก็รู้จักที่นี่มากพอ

หลังจากที่ใช้ชีวิตที่นี่มาพักใหญ่ รพีพงษ์รู้สึกว่าไม่ได้น่ากลัว อย่างที่เทพยางค์บรรยายเลยสักหน่อย แม้ว่าที่นี่จะไม่มีกฎหมาย และก็มีคนตายบ่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เข้ามาแล้วจะตาย

หลังจากที่ได้สมาคมกันไปพักหนึ่ง รพีพงษ์ก็ยิ่งสงสัยว่าเมีย ของเทพยางค์ถูกคนในเทือกเขาสนาลักพาตัวไปหรือเปล่า เพราะว่าจงจินตน์บอกรพีพงษ์ว่า ในเทือกเขาสนาไม่มี เรื่อง สัพเพเหระแบบนี้หรอก

ที่นี่มีเด็กสาวๆไว้บริการมากมายก็จริง แต่เด็กสาวส่วนใหญ่ เป็นคนที่เทือกเขาสนาอบรมออกมาโดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่งมา จากข้างนอกจริงๆ แต่ว่าพวกที่พาเข้ามาล้วนเต็มใจ มากันเอง

ผู้หญิงพวกนั้นคล้ายๆกับผู้หญิงที่ขังไว้ในห้องใต้ดิน ต่างก็ ร้อนเงิน หรือไม่ก็ไม่มีที่ไป จึงรับการดูแลจากเทือกเขาสนา ขายร่างกายให้ แล้วมาให้บริการในนี้

ส่วนที่เทพยางค์บอก เทือกเขาสนามักจะให้ความสำคัญกับ สาวฮอต ลักพาตัวพวกหล่อนมา แต่สำหรับจงจินตน์แล้ว คำพูด พวกนี้เหลวไหลสิ้นดี
พวกระดับสูงอยากจะเล่นดาราสาว ก็จะหิ้วกันมาจากข้างนอก ไม่จำเป็นต้องมาหาเอาในเทือกเขาสนา และเทือกเขาสนา จะไม่ทำเรื่องแบบนี้อันขาด

รพีพงษ์เลยสงสัยเล็กน้อย ว่าเมียของเทพยางค์นั้นอาจจะเกิด อุบัติเหตุทางรถยนต์จริงๆก็ได้ เพียงแต่เทพยางค์รับความจริงไม่ ใต้ ภายใต้จิตสํานึกจึงผูกโยงเรื่องราวความตายของภรรยา ให้ เป็นที่ยึดเหนี่ยว ในการมีชีวิตต่อไป

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าเทพยางค์น่าสงสาร ตรวจสอบมาตั้งหลายปี ก็หาทางเข้ามาเทือกเขาสนาไม่ได้ แต่ ถ้าสุดท้ายพิสูจน์แล้วว่าภรรยาไม่ได้โดนลักพาตัวมาที่เทือกเขา สนา เขาคงโลกแตกแน่

และก็เป็นเรื่องปกติ เป็นเพราะสาเหตุคลาดเคลื่อนต่างๆนานา ถึงทำให้โลกนี้สับสนวุ่นวายนัก

ในช่วงเวลาครึ่งเดือนมานี้ ชื่อเสียงของรพีพงษ์แพร่สะพัดไป ทั่ว เขาได้ขึ้นเวทีไปสองรอบ ใช้ความสามารถในการเอาชนะทุก คน

ก่อนหน้านี้ห้องเบอร์13เป็นห้อง ที่แย่ที่สุดในชั้นใต้ดิน แต่หลัง จากทรพีพงษ์มาอยู่ ห้องเบอร์13จึงกลายเป็นห้องที่ไม่เหมือนห้อ

งอื่นๆ

ทุกคนรู้พอเจอรพีพงษ์บนเวทีก็ต้องยอมแพ้โดยดุษฎี เพราะว่า ไม่มีเหตุผลที่ต้องสู้อีกต่อไป

ส่วนฝนสุดกับธนเทพก็ไม่หาเรื่องรพีพงษ์อีกต่อไป ฝนสุดาคงจะกลัวว่ารพีพงษ์จะปล่อยรูปในมือถือออกไปจริงๆ หลังจาก เกิดเรื่องก็ไม่เคยหารพีพงษ์อีกเลย

ส่วนธนเทพหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ส่งคนไปหารพีพงษ์อีก พี พงษ์ไม่รู้ถึงสาเหตุหรอก แต่คิดว่าคนที่คิดจะฆ่าตัวเองไม่มาหา เรื่องอีก ก็นับเป็นโชคดีมหาศาลแล้ว

ในห้องเบอร์13 รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่บนเตียง จ้องมองคนที่อยู่ ในห้องเบอร์13

ตอนนี้ทุกคนในห้องเบอร์13ต่างนั่งซิตอัพด้วยท่าทีที่เหมือน กัน ถ้าไม่รู้ว่าคนพวกนี้หมดหนทางหนีตายมาที่เขาสนา คนที่ เห็นภาพฉากนี้ คงจะคิดว่าพวกเขาคงจะเป็นนักกีฬามืออาชีพ

รายงานลูกพี่ ซิตอัพหนึ่งร้อยครั้งเรียบร้อยครับ! “เวลานี้มี คนหนึ่งหยุดลง ตะโกนใส่รพีพงษ์

“กลุ่มละสองคน เริ่มซิตอัพอีก คนละสองร้อย ทำไม่เสร็จ ห้าม กินข้าว รพีพงษ์เอ่ยปาก

คนเหล่านั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ไม่รีรอ คนหนึ่งกดเท้าอีก คนไว้ แล้วเริ่มซิตอัพอีกครั้ง

ช่วงนี้รพีพงษ์กำลังคิดเพิ่มสมรรถภาพคนห้องเบอร์13 ใน สถานที่แบบนี้ ถ้าไม่เข้มแข็ง ก็จะถูกโละออก

แน่นอนว่า ที่เขาทำแบบนี้ เพราะอยากจะทำให้คนในห้อง เบอร์13ได้รับของกินที่ดีกว่าเดิม เป็นเพราะปกติคนพวกนี้ไม่ได้ เข้าร่วมการแข่งขันอะไร อยู่ในห้องก็ไม่มีอะไรทำ แถมยังคุยได้สาระ รพีพงษ์ก็เลยจับฝึกฝนเสียเลย ด้านหนึ่ง ทำให้พวกเขาไม่ อ้อยสร้อยอีก ส่วนอีกด้านทำให้ที่พักของรพีพงษ์ไม่วุ่นวาย เหมือนเคย

เริ่มแรกคนเหล่านี้ไม่ยอมรับการฝึกฝนเท่าไหร่ ภายใต้หมัด ของรพีพงษ์ ไม่นานก็ไม่มีใครกล้าหือ

รพีพงษ์ยังกำหนดด้วยว่าถ้าไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย ก็ไม่มี ข้าวกิน ตอนนี้คนพวกนี้ เพื่อที่จะได้กินดีอยู่ดี ต่างก็แย่งกันฝึกฝน

ประตูห้องพวกนี้เปิดออก จงจินตนเดินเข้ามาจากข้างนอก มา หยุดตรงหน้ารพีพงษ์

“ลูกพี่ การฝึกฝนของลูกพี่สมัครไปแล้วนะ ตอนบ่ายวันนี้เอง ขอแค่ฝึกผ่าน ทางเทือกเขาสนาก็จะจัดตารางประลองให้ แล้ว จะหายอดฝีมือมาประลองด้วย ลูกพี่แน่ใจนะว่าจะเข้าร่วม ประลอง จงจินตน์มองแล้วถามอย่างอ่อนใจ

รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้นแน่นอน พอผ่านการฝึกฝนกับประลองแล้ว ฉันก็จะได้รับอิสระในเทือกเขาสนาแล้ว หรือว่านายอยากจะถูก ขังอยู่ในนี้ตลอดไป”

แม้ว่าพูดได้ไม่เลว ไม่มีใครอยากถูกขังอยู่ในนี้หรอก แต่กว่า จะผ่านการฝึกฝนไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นต้องไปประลองกับ ยอดฝีมืออีก ถ้าผ่านก็ได้รับอิสระจริงๆหรอก แต่ถ้าพลาด ก็ เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง จงจินตน์พูดสีหน้าขึงขัง

“ดีดี นายอยากจะให้ฉันพลาดขนาดนี้เลยเหรอ”รพีพงษ์จ้อง

จงจินตน์อย่างหยอก
จงจินตน์ตัวสั่นงันงก หลังจากนั้นจึงรีบหัวเราะแก้เก้อพูด ขึ้น เปล่า เปล่า ลูกพี่ต้องสำเร็จอยู่แล้ว ผมรู้ว่าลูกพี่ไม่ธรรมดา พวกเราจะไปเทียบได้ไงเล่า

รีบไปฝึกฝนกับพวกเขา ภารกิจนายวันนี้ยังไม่เริ่มเลย ทำไม่ เสร็จก็ห้ามกินข้าวเหมือนกัน”รพีพงษ์ตะคอก

จงจินตนแสดงหน้าลำบากใจ แต่เขาไม่กล้าพูดอะไร จึงได้แต่

เดินเข้ามุมอยู่เงียบๆ แล้ว ซิตอัพ ช่วงบ่าย สองสามคนมาที่ห้องเบอร์3ของเทือกเขาสนา

“รพีพงษ์ออกมา”เสียงกล้าหาญเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนในห้องต่างสะดุ้ง หันหน้าไปดู เห็นว่ารพีพงษ์ไปถึง

ประตูแล้ว

“อยากเข้าร่วมการฝึกฝนหรือ”คนนั้นถามขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า

“ออกมาเถอะ จะพาไปเอง”คนนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง พูดกับ

รพีพงษ์

รพีพงษ์จึงเดินตามออกไปจากห้องใต้ดิน

พวกเขาเพิ่งออกไปไม่นาน คนในห้องใต้ดินต่างก็วิพากษ์กัน ขึ้นมาเสียงขรม

“พิพงษ์นี่แน่จริงนะ กล้ายื่นใบสมัครฝึกฝน พวกนายว่าเขาจะ

สําเร็จใหม
“สําเร็จบ้าไรล่ะ การฝึกฝนแบบนั้นไม่ใช้คนแบบเราจะไปลอง เลย แล้วยิ่งต้องไปปะทะกับยอดฝีมือนะ นั่นแหละฉิบหายเลย

“ก็จริงนะ รพีพงษ์ฝีมือเหนือกว่าพวกเรามาก แต่ก็ไม่น่าจะเก่ง ไปกว่ายอดฝีมือหรอกนะ ต่อให้เขาผ่านการฝึกฝน แต่ก็ไม่ได้ หมายความว่าจะชนะการประลอง

ห้องเบอร์13ไม่มียอดฝีมือคนนี้แล้ว ก็คงต้องกลับเป็นเหมือน เดิมนะ หวังว่าบนเวทีรอบหน้าคงจะได้เจอพวกเขา แบบนี้ก็จะได้ ระบายอารมณ์หน่อย

“ไม่มีรพีพงษ์ ห้องเบอร์13 ก็กลายเป็นห้องขยะ พวกมัน จะไป มีปัญญากินดีอยู่ดียังไง ขอให้รพีพงษ์โดนยอดฝีมือฆ่าตายเร็วๆ ไม่กี่วันพอคนในห้องเบอร์13ต้องขึ้นประลอง พวกเขาจะได้รู้ถึง ความเก่งกาจของกู! ”

เสียงคนวิพากษ์ระงมเซ็งแซ่ ดังลอดเขาไปถึงหูคนห้องเบอร์13 สีหน้าทุกคนต่างอึมครึม เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้ทำให้เธอไม่ สบายใจ

จงจินตน์จ้องมองคนพวกนี้แล้วพูด ไม่ต้องมายืนตะลึงอะไร แล้ว ลูกพี่บอกแล้วไง มีแต่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นจะได้เป็นราชา รีบฝึก เร็ว ไม่แน่ลูกพี่อาจประลองชนะก็ได้ แล้วพวกเราก็จะได้แบ่งผล ประโยชน์กัน

ทุกคนได้ยินคำพูดจงจินตน์ จึงไม่สับสนอีกต่อไป แล้วรีบ ฝึกฝน น
ห้องฝึกวิทยายุทธ์ขั้นสอง รพีพงษ์ถูกพามาที่ห้องที่กว้างขวาง ห้องหนึ่ง ในห้อง มีคนที่ดูเหมือนคนทำงานสองสามคนรออยู่ ด้านหลังคนพวกนี้ เป็นประตูบานใหญ่สีดำ ไม่รู้ว่าด้านหลังประตู จะเป็นอะไร

“คนพวกนี้เข้าร่วมฝึกฝน เตรียมให้เขาหน่อย ถ้าสําเร็จค่อย เรียกผม ถ้าไม่สําเร็จก็จัดการศพแล้วกัน คนที่นำพารพีพงษ์พูด ข็ม แล้วหันกลับหายไป

คนในห้องสองสามคนมองดูรพีพงษ์ สีหน้าไม่มีรอยยิ้มแม้แต่ น้อย บ่นพึมพ์มารนหาที่ตายอีกคนละ ไม่รู้ว่าพวกนี้เอาความ มั่นใจมาจากไหน ถึงได้ผ่านการฝึกฝนง่ายดายขนาดนี้ เสียดาย กว่าพวกเขาจะเข้าใจเหตุผล เกรงว่าคงจะไม่มีชีวิตแล้ว

“พ่อหนุ่ม มาลงทะเบียน หรือว่าจะไปตอนนี้ก็ได้ แน่นอน นาย สมัครฝึกฝนแล้ว ถ้าเปลี่ยนใจ ต้องโดนตัดลิ้นนะ”คนหนึ่งยิ้มเย็น ชาให้รพีพงษ์พูดขึ้นคำหนึ่ง

รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจท่าทีของเขา เดินไปลงทะเบียน

“ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ รพีพงษ์ถาม

คนนั้นยื่นมือไปที่ประตูสีดำ พูดขึ้น “เดี๋ยวนายเข้าไปในประตูนี้ นะ นายมีเวลาสิบห้านาที ภายในสิบห้านาที ถ้านายเดินออกมา จากประตูบานนี้ได้ ถือว่าสำเร็จ

“ถ้านายตายอยู่ข้างใน หรือเลยเวลาสิบห้านาที คนที่เลยเวลา จะมีอาหารมื้อสุดท้าย แล้วก็เตรียมบอกลา โลกนี้ซะ เข้าใจที่พูด ไหม”
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ลังเล เดินเข้าไปในประตู

มองตามรพิพงษ์เดินเข้าไป คนทำงานสองสามคนยิ้มเป็นชา “พวกแกว่า เจ้าหนุ่มนี้สำเร็จไหม “คนหนึ่งพูดขึ้น

“มันเนี่ยนะ อย่าล้อเล่นเลย หน้าซีดขนาดนั้น หนึ่งนาทีก็ตาย อยู่ข้างในแล้ว ไปเถอะ เราไปรออีกประตู แล้วไปดูกล้องวงจร เผื่อมันตาย จะได้ไปเก็บศพ

อีกคนพูดขึ้น เมื่อดูเวลา จึงเดินไปทางประตูอีกบานหนึ่ง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ