พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 377 มุ่งหน้าสู่เมืองบาสแตร์



บทที่ 377 มุ่งหน้าสู่เมืองบาสแตร์

เมื่อได้ยินคำพูดของชนิสรา รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วขึ้นทันทีและ เอ่ยปากถามขึ้น “พี่สา ท่านอย่าร้อนรน ท่านเล่ามาก่อนว่า ลูกสาวท่านเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เงินสามแสนสำหรับพี่สาแล้วไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย สำหรับมันเป็นค่าเล่าเรียนลูกสาวและยังเป็นตัวเลขทาง ดาราศาสตร์

เมื่อเขาได้ยินพี่สาพูดว่าต้องการขอยืมเงินสามแสน สิ่ง แรกที่คิดคือลูกสาวของพี่สาจะต้องไปเกี่ยวข้องกับเงินกู้ ดอกเบี้ยสูง พักนี้มีข่าวว่ามีนักศึกษาไปยืมเงินกู้ดอกเบี้ยสูง แล้วกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

แต่ในความทรงจำของรพีพงษ์ ชนิสราพูดตลอดว่าลูกสาว ของนางขยันขันแข็ง ผลการเรียนก็ดีมากได้รับทุนการศึกษา ทุกปี พูดตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะไปเกี่ยวข้องกับเงินกู้ ดอกเบี้ยสูงได้

ตอนนี้ชนิสราบอกว่าลูกสาวต้องการเงินสามแสน เกรงว่า จะมีเงื่อนงำ

ชนิสราสูตหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้นว่า “เมื่อวานภา โทรศัพท์มาหาข้าบอกว่านางถูกเพื่อนชายหลอก เพื่อนชายผู้นั้นเป็นลูกของผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจจะเป็นเพราะว่าภา ไม่ได้ตอบรับค่าขอของเพื่อนชายผู้นั้นจึงข่มขู่ภาว่าต้องการ เงินสามแสน ไม่อย่างนั้นเพื่อนชายผู้นั้นจะบอกให้ มหาวิทยาลัยรู้ถึงความสัมพันธ์และขับไล่ภาออกจาก มหาวิทยาลัย ทำให้นางไม่มีหนทางใต้เรียนต่อ”

“รพีพงษ์ ภากว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้นางอยู่ปีสามแล้วถ้าถูกไล่ออกนางคงไม่มีโอกาสได้ เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตน ดังนั้นฉันจึงมาขอร้องท่าน”

ชนิสราพูดจบตาก็แดงขึ้น ดูแล้วนางคงให้ความสำคัญกับ การเรียนของลูกสาวมาก รพีพงษ์เคยเห็นสมาชิกใน ครอบครัวของชนิสรารู้ว่าสองคนแม่ลูกอยากออกไปจาก โคลนเลนนี้ซึ่งจะทำได้มีเพียงให้ลูกสาวประสบความสำเร็จ ในการเรียนเท่านั้น

ถ้าวันหนึ่งลูกของนางถูกไล่ออก สิ่งที่นางมีทั้งหมดในตอน นี้จะถูกทำให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนและไม่มีโอกาสที่จะ ทำให้ชีวิตพลิกขึ้นมาอีก ดังนั้นชนิสราจึงรู้นสึกร้อนใจ

พี่สา ท่านอย่าใจร้อนเรื่องของลูกสาวท่านไม่ใช่เรื่อง ธรรมดา ไม่น่าเป็นไปได้ที่ผู้อื่นมาข่มขู่นางแล้วนางจะยอมให้ เงินเขาจริงๆ อาจจะมีเรื่องที่นางยังไม่ได้บอกท่าน” รพีพงษ์ พูดขึ้น

ชนิสราได้ยินรพีพงษ์พูดคิดทบทวนแล้วก็อาจมีเหตุผล แต่ตอนนี้ลูกสาวของนางพูดทางโทรศัพท์ท่าทางร้อนรนมาก นางรู้จักนิสัยลูกสาวของนางดี ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆ ไม่มี ทางโทรหานาง

เด็กผู้นี้ปกติเมื่อเงินไม่พอใช้หาวิธีจัดการด้วยตนเอง ตอน ที่โทรหาตนบอกว่าต้องการเงินคงเพราะไม่มีหนทางอื่นจริงๆ

ตอนนี้นางพูดได้ว่าลูกสาวของนางพบกับเรื่องยุ่งยากและ เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก

“รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าท่านอาจจะสงสัยถึงเหตุผลที่ภาต้องการ เงินจำนวนนี้ไปทำไม แต่ฉันขอรับประกันด้วยชีวิตของฉัน ภา ไม่ใช่เด็กไม่ดี นางไม่มีทางทำเรื่องผิดกฎหมาย นางคบพบ กับเรื่องยุ่งยาก ฉันอับจนหนทางจริงๆ…”

ชนิสราพูดจบก็เกือบจะร้องไห้ออกมา

รพีพงษ์เห็นชนิสรามีท่าทางกระวนกระวายใจก็รีบ ปลอบโยนนาง “พี่สาท่านคือหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว เรา ลูกสาวท่านก็คือน้องสาวผม นางเผชิญกับปัญหาผมไม่ เพิกเฉยแน่นอน”

“ถ้าผมจำไม่ผิดลูกสาวของท่านน่าจะเรียนมหาวิทยาลัยที่ เมืองบาสแตร์ใช่ไหม” ชนิสรารีบพยักหน้าและพูดขึ้น “มหา วิทยาลัยบาสแตร์ นางเรียนที่นั้น ทุกปีนางจะได้รับทุน นาง ไม่มีทางทำเรื่องไม่ดี”
“พอดีผมจะไปทำธุระที่เมืองบาสแตร์ เดิมข้าคิดจะออก เดินทางพรุ่งนี้แต่เมื่อลูกสาวท่านเกิดเรื่องขึ้น ผมจะออกเดิน ทางวันนี้จะไปดูก่อนว่าแท้จริงแล้วนางเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถ้า เกิดเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ทำนวางใจผมจะยืน หยัดเพื่อนางไม่มีทางปล่อยให้นางไม่ได้เรียน” รพีพงษ์เอ่ย ขึ้น

ในเมื่อลูกสาวของชนิสราเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ที่เมือ งบาสแตร์ก็ไปหาด้วยตัวเองสักครั้งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิด เรื่องอะไรขึ้น

“รพีพงษ์ขอบคุณมาก ท่านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้ากับ ลูกสาว ขอเพียงลูกสาวข้าผ่านพ้นเรื่องในครั้งนี้ไปได้ ฉันจะ เป็นแม่บ้านให้ครอบครัวท่านโดยไม่รับเงินเดือนตลอดชีวิต ฉันจะไม่บ่นเลย” ชนิสรามองรพีพงษ์ด้วยความซาบซึ้ง

รพีพงษ์ยิ้มพูดขึ้น “พี่สานี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ ท่านก็อย่า ใจร้อนไม่มีเรื่องแล้วก็กลับไปก่อนเถอะ รอผมถึงเมืองบาส แตร์รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วจะช่วยลูกสาวท่านแก้ไขปัญหา ท่านอยู่ที่บ้านรอฟังข่าวจากผม”

ชนิสรารีบพยักหน้า นางรู้สึกว่าชีวิตนี้โชคดีที่สุดคือได้พบ รพีพงษ์ไม่อย่างนั้นตอนนี้นางงดงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

รอจนชนิสรากลับถึงบ้านรพีพงษ์ถึงเดินทางออกจาก หมู่บ้านนั่งรถไปยังสถานบันเทิงสตาร์กาย
เพราะว่าเมืองริเวอร์ห่างจากเมืองบาสแตร์ไม่ไกลนัก ถ้า ขับรถไปใช้เวลาสองชั่วโมงถึง รพีพงษ์จึงวางแผนที่จะขับรถ

ไป

ที่จอดรถของสถานบันเทิงสตาร์กาย รพีพงษ์และธฤต ญาณยืนอยู่หน้ารถซันทาน่าที่มีสภาพเก่าทรุดโทรม ธฤต ญาณพูดอย่างตะขิดตะขวงใจ “ตอนนี้ที่ผมสามารถให้ท่าน ยืมได้คือรถคันนี้ ในแผนการฝึกเจ้าสำนักหลี่ให้พวกเราต้อง ไปฝึกฝนที่ภูเขาซานเมืองพวกเราต้องขับรถไป ดังนั้นจึงมี เพียงรถคันนี้ที่สามารถให้ท่านยืมได้ รถคันนี้แม้ว่าจะดูทรุด โทรมแต่เมื่อขับก็ไม่มีปัญหาอะไร”

รพีพงษ์ยิ้มขึ้นและไม่ได้เลือกมากอะไร รถก็เป็นเพียง เครื่องยนต์สำหรับขับขี่ ขอเพียงสามารถขับได้ก็ไม่มีปัญหา

เขาสตาร์ทรถที่เก่าทรุดโทรมคันนี้ จากนั้นจึงโทรหาอารี ยาเพื่อบอกลา จากนั้นจึงเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองบาสแตร์

เมืองบาสแตร์เป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองหนึ่ง ที่นี่มีเทียนถังที่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและแม้ว่าจะอยู่ในตัวเมืองก็สามารถรับรู้ ได้ว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ชานเมือง เมืองบาสแตร์ยังมีวิวทิวทัศน์ระดับ A5 เศรษฐกิจของเมือ งบาสแตร์พัฒนาด้วยการท่องเที่ยวและเจริญรุ่งเรื่องขึ้น เรื่อยๆ

ระหว่างทางไปเมืองบาสแตร์ รพีพงษ์โทรหาท่านคทา
“ช่วยผมหาผู้ที่รับผิดชอบงานของตระกูลลัดดาวัลย์ ทั้งหมดในเมืองบาสแตร์ ผมจำเป็นต้องไปทำธุระที่เมืองบาส แตร์อาจจะได้ใช้สอย” รพีพงษ์พูดขึ้น

“พวกเราก่อนหน้านี้หลายปีได้ลงทุนพัฒนาจุดชมวิวที่ ภูเขาสองลูกในเมืองบาสแตร์ วันนี้ภูเขาสองลูกนั้นกลายเป็น จุดชมวิวระดับ A5 ที่เมืองบาสแตร์พวกเราพวกเราประสบ ความสำเร็จอย่างน่าภูมิใจตอนนี้เศรษฐกิจของเมืองบาสแตร์ ครึ่งหนึ่งตระกูลลัดดาวัลย์ควบคุมอยู่ ผู้ที่รับผิดชอบทางนั้น คืออธิชนม์รอสักครู่ข้าจะบอกเขาให้ไปรับท่าน” ท่านคทาพูด

รพีพงษ์ใต้ยินท่านคทาพูดดังนั้นก็เกิดความรู้สึกประหลาด ใจ คิดไม่ถึงว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะควบคุมเศรษฐกิจครึ่งหนึ่ง ของเมืองบาสแตร์ พูดได้ว่าอิทธิพลของตระกูลลัดดาวัลย์ใน เมืองบาสแตร์ต้องไม่ธรรมดา

“เฉิงจวินดูแลสิบสองบริษัทในเมืองบาสแตร์ เมืองบาส แตร์มีสองตระกูลเก่าแก่คือตระกูลภัทร์รัฐชัยและตระกูล พัฒน์นรี ตอนนนี้ตระกูลภัทร์รัฐชัยได้เลือกที่จะอยู่ภายใต้ ตระกูลลัดดาวัลย์ดังนั้นในเมืองบาสแตร์ขอเพียงไม่ไป เกี่ยวข้องกับตระกูลพัฒน์นรีจะจัดการเรื่องอะไรล้วน ง่ายดาย” ท่านคทาพูดต่อ

รพีพงษ์ส่งเสียงอึม หลังจากรับรู้สถานการณ์แล้วในใจ ของเขายังมีอยู่เรื่องหนึ่ง แม้ปัญหาทั่วไปรพีพงษ์แก้ไขปัญหา ใต้ด้วยตนเองแต่เมื่อมีลูกน้องก็สะดวกขึ้น
เมืองบาสแตร์ หอพักหญิง

ภารุจาสีหน้าหมองคล้ำ ก้มหน้าเดินเข้าหอพักของตน

แม้ว่าทั้งตัวดูไม่มีชีวิตชีวาแต่ก็ปกปิดความน่ารักบน ใบหน้าของนางไม่ได้

หลายวันมานี้พูดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตของ นาง เรื่องที่น่ารำคาญใจนั้นทำให้นางไม่มีกะจิตกะใจจะเรียน ร่างกายทรุด โทรมลงไปมาก

หอพักของนางเป็นแบบห้องสี่คน นางผลักประตูเข้าไป เพื่อนร่วมห้องของนางทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่เมื่อนางเดิน เข้าไปทั้งสามคนก็เงียบเสียงทันที สายตาจ้องมองไปยังภา

รุจาอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับมองสิ่งแปลกประหลาด

อย่างไรอย่างนั้น

ภารจาเดาว่าพวกนางคงกำลังพูดถึงเรื่องของนาง ในช่วง นี้ในมหาวิทยาลัยมีข่าวลือว่านางขายบริการ มีคนพูดว่านาง ราคาห้าร้อยหยวนต่อคืน ไม่ว่าในหรือนอกมหาวิทยาลัยรับ หมด

ระหว่างทางเดินกลับมีผู้ชายหลายคนถามนางว่าตอน กลางคืนต้องการออกไปไหม นางมองแววตาของผู้ชายเหล่า นั้นก็ตกใจรีบวิ่งหนีมา

นางไม่สนสายตาของเพื่อนร่วมห้อง ตอนนี้นางทำได้เพียงนอนบนเตียงของตนเองและพักผ่อน

นางเดินถึงเตียงขณะกำลังจะลงนอน ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ ว่าฟูกของตนเปียก ตอนแรกนางคิดว่าผู้อื่นไม่ทันระวังทำน้ำ หก แต่นานนางก็พบว่าฟูกของนางเปียกไปทั้งผืน

นางยื่นมือลูบฟูกของตนที่เปียกไปหมด แค่บิดก็มีน้ำไหล ออกมา นางรู้สึกกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

นางลุกขึ้นยืน หันหน้าไปมองหนึ่งในเพื่อนร่วมห้อง ใบหน้าบ่งบอกถึงความโกรธ แม้ว่าปกตินางจะอารมณ์ดีแต่ ภารุจาตอนนี้ทนไม่ไหวอีกแล้ว

“ไอศิราเป็นเธอใช่ไหมที่ทำ!”

หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าไอศิราหันมาจ้องภารุจาและพูดขึ้น อย่างดูถูก “ฉันทำอะไร เธออย่ามาใส่ร้ายคนอื่น”

“ในหอพักนี้นอกจากเจ้าจะมีใครกล้าทำ! เมื่อวานตอนฉัน อาบน้ำก็มาปิดน้ำนั้นก็ฝีมือเธอ หนังสือเรียนบนโต๊ะหายไป สองเล่มก็หาเจอในลิ้นชักของเธอ ฉันไปทำอะไรให้เธอ เธอ ถึงทำกับฉันแบบนี้!”

ภารจาตีโพยตีพายทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะไม่ได้รับความ ยุติธรรม นางตะโกนพูดกับไอศิรา

ไอศิรารีบลุกขึ้นทันที ดวงตาทั้งคู่มองไปที่ภารุจาพร้อมพูด ดูถูก “เธอตะโกนว่าใคร หญิงขายบริการที่ผับกล้ามีเรื่องกับฉันที่นี่? เตียงของเธอเปียกก็เปียกซิ อีกอย่างตอนกลางคืนก็ มีผู้ชายเปิดห้องให้เธอ เธอจะกลัวอะไร”

“เธอเลิกพูดจาเหลวไหลที่นี่ เรื่องพวกนั้นเป็นข่าวลือ!” ภา รุจากหมัดของตนเองแน่นและตะโกนพูดขึ้น

“ข่าวลืออะไร เธอรู้จักสิ่งที่เรียกว่าลมจากถ้ำที่ว่างเปล่า หรือไม่ มีคนเห็นเธอกับผู้อื่นเปิดห้องกันและพูดว่าวันนั้นเธอ ยั่วยวนเขา แล้วจะเป็นข่าวลือได้อย่างไร เธอเป็นไก่ก็คือไก่ ยังจะเสแสร้งอะไรอีก เป็นโสเภณีแล้วยังนึกถึงอนุสาวรีย์ให้ คนระลึกถึง” ไอศิราพูดอย่างเหยียดหยาม

ตั้งแต่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไอศิราผู้หยิ่งยโสพบว่า ตนเองไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียนและรูปร่างหน้าตาล้วนสู้ภา รุจาที่อยู่ในหอพักเดียวกับตนไม่ได้ จากนั้นมาจึงอิจฉาริษยา ภารุจาอย่างมาก

โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายตามภารจาจำนวนไม่ถ้วน แต่ตนเอง นอกจากพวกผู้หน้าตาน่าเกลียดก็ไม่มีใครมาสารภาพรักกับ นาง

ดังนั้นไอศิราไม่พอใจภารุจามาตลอด เมื่อมีโอกาสกลั่น แกล้งภารุจาแน่นอนว่าไม่มีปราณี ครั้งนี้มีข่าวลือว่าภารุจา ขายบริการและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไอศิราแน่นอนว่า ต้องถือโอกาสนี้กำจัดศัตรูที่อยู่ในใจของนางให้หมดสิ้น

ภารจาอดไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับไอศิรา แม้ว่านางจะนิสัยดีแต่ก็รับไม่ได้ที่ไอศิราใส่ร้ายนางแบบนี้

แต่ในเวลานั้นมือถือของภารุจาก็ดังขึ้น นางหยิบมือถือขึ้นมาเป็นอัคคพลที่โทรมา

“ภารุจาเธอเตรียมเงินเรียบร้อยหรือยัง ตอนนี้ดีที่สุดคือ เธอมาหาผมที่หน้าอาคารเรียน ผมได้ของบางอย่างของเธอ มา เธอให้ผมแค่สามแสนเกรงว่าจะไม่พอ”

ภารุจาสีหน้าเลี่ยนทันที นางอยากถามเขาว่าหมายความ ว่าอย่างไรแต่อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว

ไอศิราเห็นท่าทางของภารุจาก็ยิ้มเยาะอย่างดูแคลน พร้อมพูดขึ้น “อัคคพลโทรมาหรอ เธอรีบไปหาเข้าเถอะ เขา อาจจะมีของดีของเธอ ถ้าไปซ้าทั้งมหาวิทยาลัยจะเห็นเข้า นะ”

ภารุจากัดฟันพร้อมมองไอศิรา นางไม่ใส่ใจรีบออกจาก หอพักไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ