พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 414 ปล่อยน้องชายของผมไป



บทที่ 414 ปล่อยน้องชายของผมไป

มืดมน อับชื้น และเสียงดัง

รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานแล้ว และศีรษะของก็มึนๆ งงๆเล็กน้อย หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าตัวเองอยู่ใน พื้นที่มืด ที่มีอากาศชื้นมาก

ที่ด้านบน มีโคมไฟสลัวแขวนไว้เพื่อให้เขามองเห็นเฉพาะ สถานการณ์ทั่วไปรอบๆตัวได้อย่างชัดเจน สามารถสังเกต ได้ว่า ในสถานที่แห่งนี้มีผู้คนอยู่มากมาย ในบางครั้งจะมีคน ผ่านหน้ารพีพงษ์ไปเพียงไม่กี่คน คนเหล่าก็จ้องมองไปที่ร พงษ์ สายตามีเลศนัย

“ผู้มาใหม่คนนี้ฟื้นขึ้นมาแล้ว รีบไปบอกลูกพี่ ถึงเวลาที่ เขาจะสนุกกับผู้มาใหม่คนนี้ เป็นครั้งแรกที่ห้องหมายเลขสิบ สามของพวกเราชายหนุ่มที่มีผิวบอบบางเนียนนุ่มแบบนี้ รอ ลูกพี่เพลิดเพลินกับมันเสร็จ พวกเราก็จะได้ลิ้มลองรสชาติ ตาม”

“เซีย อยู่ในสถานที่ที่บ้าๆแบบนี้มานานแล้ว เมื่อเห็นผู้ชาย คนหนึ่ง ก็รู้สึกหล่อมาก แม้ว่าจะมีรสนิยมทางเพศปกติ แต่ก็ อดไม่ได้เพราะไม่ได้สัมผัสผู้หญิงมานาน เดี่ยวหลังจากที่ ลูกพี่เสร็จแล้ว ฉันก็จะต้องสนุกด้วย”นายอยากจะหาผู้หญิงมาสนุกด้วย สามารถสู้กับบันได เห็นนภาก่อนเถอะได้ เพียงแค่นายสามารถเอาชนะบันไดเห็น นภาได้ ผู้หญิงในเทือกเขาสนาก็จะปีนไต่ตามตัวนาย ถึง ตอนนั้นนายก็ไม่สามารถลุกจากเตียงไปได้

“เก๋”แม่ง นายพูดอย่างกับว่าง่าย ตั้งแต่อยู่ในเทือกเขา สนามา คนที่สำเร็จบันไดเห็นนภาได้มีเพียงแค่สองคน ใคร จะกล้าท้าทายสิ่งนี้ นั้นก็เท่าว่ากับรนหาที่ตาย ลูกพี่ของห้อง ห้าช่วงก่อนเพิ่งไปท้าทายมา ปรากฏว่าสองรอบสุดท้ายก็ล้ม เหลว ตายอย่างน่าสังเวช

“พูดถูกต้อง ผู้พิทักษ์ในบันไดเห็นนภาล้วนเป็นยอดฝีมือ ในเทือกเขากิสนา ยอดฝีมือคนใดคนหนึ่งก็เปรียบเท่ากับ หนึ่งต่อหนึ่งร้อย สามารถท้าทายได้ง่ายๆ ที่ไหนกันล่ะ

เมื่อฟังการสนทนาของผู้คน รพีพงษ์ก็ลุกจากพื้นขึ้นมานั่ง หลังจากนั้นใช้มือลูบขมับของตัวเอง มองไปรอบๆ และพบว่า มันเป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่ ขนาดเท่าห้องเรียนสองห้อง

มีผนังสามด้านของห้อง เหลืออีกด้านหนึ่งเป็นรั้วเหล็ก ดู เหมือนว่าจะไม่แตกต่างจากห้องขังมากนัก

ทั้งห้องมีคนประมาณยี่สิบคน คนเหล่านี้ไปแล้ว เร่งรีม และแสดงถึงความโหดร้าย ราวกับว่าไม่ได้เห็น ดวงอาทิตย์มานานจะเห็นได้ว่า คนเหล่านี้และชินโตพวกเขาน่าจะเป็นคน ประเภทเดียวกัน เพียงแต่ว่าบนตัวของคนเหล่านี้มีความ กระหายเลือดมากกว่าซินโตพวกเขา ดูท่าทางแล้วพวกเขา คงจะรอดชีวิตมาจากการต่อสู้เข่นฆ่าต่างๆ

รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าคนที่มารถคันเดียวกับเขาก่อนหน้านี้ ไม่มีใครอยู่ในห้องนี้เลย จากคำพูดของพวกคนในห้องเหล่า นี้สามารถตัดสินได้ว่า ที่นี่น่าจะไม่ได้มีแค่ห้องนี้ห้องเดียว ใน โตพวกเขาน่าจะถูกแบ่งให้ไปอยู่ห้องอื่นๆ

เป็นไปได้ไหมว่าในนี้ก็คือเทือกเขาสนาเหรอ? ห้องขังที่มี ขนาดใหญ่กว่าเหรอ?

สังเกตได้จากสภาพรอบๆ ว่าที่นี่น่าจะอยู่ใต้ดิน หรือว่า เทือกเขาสนาจะเป็นสถานที่อยู่ใต้ดินเหรอ?

ทันใดนั้น รพีพงษ์มีคำถามมากมายในใจ แต่ตอนนี้เขาก็ ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่นี่ได้ในทันที

จากคำพูดของคนเหล่านี้ รพีพงษ์คาดคะเนออกมาได้ว่า ตอนนี้เขาอาจต้องจัดการกับปัญหาบางอย่างก่อน

เฮ้ยๆ ไอ้น้อง รีบลุกขึ้นมา ให้พวกเราตรวจดู ดูว่า ร่างกายของนายเป็นอย่างไร ให้พวกเราทุกคนได้ลิ้มรสดูสัก รอบ มันเป็นกฎของผู้มาใหม่ ใครไม่ปฏิบัติตาม จุดจบจะ เป็นเรื่องที่น่าสังเวชทีเดียว”ชายคนหนึ่งเดินเข้าไปหารพีพงษ์ พร้อมกับรอยยิ้ม ยั่วยวนบนใบหน้า เห็นได้ว่าขนตามร่างของรพีพงษ์ก็ลุกขึ้น มา

“ไสหัวไปให้พ้นๆซะ รพีพงษ์มองไปที่ชายคนที่เดินเข้ามา และพูดเพียงประโยคเดียว

ชายคนที่เดินมาที่นี่ไม่ได้หยุด แต่บนในหน้าปรากฏรอย ยิ้มที่เยาะเย้ยขึ้น แล้วพูดว่า “ผู้มาใหม่อย่างพวกแก ก็ เหมือนกันหมด คิดว่าตัวเองอยู่ข้างนอกฆ่าคนตายไปไม่กี่คน ก็สุดยอดมาก จะบอกให้แกนะ สามารถมาอยู่ที่นี่ได้ ใคร บ้างที่ไม่มีความสามารถ เก็บความอวดดีของแกไปซะ ไม่ อย่างนั้นตอนนี้ฉันจะสอนความเป็นมนุษย์ให้แก!

“ไอ้น้อง อย่ามาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่นี่ ที่นี่คือเทือกเขา สนา อยู่ที่นี่ไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมาย แม้จะอยู่ในห้องของ แต่ละคน ก็อนุญาตให้ลงมือได้ ฆ่าคนตายที่นี่ ก็ไม่มีใครมา สนใจ นายก็แค่คนมาใหม่ ทางที่ดีเชื่อฟังพวกเราดีๆปฏิบัติ ตามกฏ ไม่เช่นนั้น พวกเราก็จะผลัดเปลี่ยนกันสั่งสอนความ เป็นมนุษย์ให้กับแกคนที่เหลือก็ตักเตือนรพีพงษ์ขึ้นมา

รพีพงษ์จ้องมองคนเหล่านี้อย่างเย็นชา เพราะเพิ่งตื่นมา และเขาก็กำลังยืดเส้นยืดสาย และทำให้กระปรี้กระเปร่า ที่ สำคัญรพีพงษ์ก็เข้าใจด้วยว่า อยู่ในสถานที่นี้ กฏเกณฑ์และ หลักการใดๆ เป็นเรื่องไร้สาระ ที่นี่เชื่อในพละกำลังหมัดของใครหนักกว่า กฎเกณฑ์ นั้นเขา ที่เป็นของคนคนนั้น ดัง ก็ไม่อยากใช้เหตุผลกับคนพวกนี้

“พวกแกบอกว่าที่นี่สามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบเหรอ?”

รพีพงษ์ถามกลับ

“เฮเฮ พูดถูก นายคงจะไม่อยากเพิ่งเข้ามา ก็ตายอยู่ที่นี่ใช่ มั้ย? ถ้าหากรู้ตัวว่าผิดแล้ว ตอนนี้ก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองดีๆ ชะ และยืนหันหน้าเข้าหากำแพง รอยยิ้ม ” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับ

รพีพงษ์ตะคอกอย่างเย็นชา ก็ไม่ได้พูดเพ้อเจ้อไร้สาระกับ คนคนนั้น ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก็ลงมือจัดการกับเขา ทันที

ในเมื่อที่นี่สามารถฆ่าคนตายได้ตามใจ อย่างนั้นรพีพงษ์ จึงไม่อะไรต้องลังเล หากต้องการสร้างบารมี ก็จะต้องเด็ด

ขาดบ้าง

อย่างไรก็ตามคนที่มาที่เทือกเขาสนาก็เป็นพวกเดนตาย มีออกหมายจับ ฆ่าพวกเขาทิ้ง รพีพงษ์ก็ไม่มีภาระทางใจ

ใดๆ

เมื่อคนคนนั้นเห็นรพีพงษ์เป็นคนริเริ่มลงมือก่อน เบะปาก ยื่นมือออกไปและคว้ากำปั้นที่รพีพงษ์กออกมา

ในช่วงเวลาที่มือของคนทั้งสองสัมผัสกัน พลังหมัดของรพีพงษ์ก็กระแทกมือของคนคนนั้นกลับไป

ใบหน้าของคนคนนั้นก็แสดงออกมาถึงความประหลาดใจ แล้วรีบถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้นใบหน้า ยังถูกหมัดของรพีพงษ์ชกจนมีรอยแดง จากนั้นก็กระอักเลือด ออกมาจากปาก

รพีพงษ์เลิกคิ้ว ตามการคาดการณ์ของเขา ถ้าเขาชกหมัด นี้ลงไป คนนั้นจะถูกฆ่าตายทันที แต่คิดไม่ถึงว่าเขาแค่เพียง อาเจียนเป็นเลือด

ความแข็งแกร่งของคนที่ต่อสู้กับรพีพงษ์นั้นสูงกว่าหมาป่า ดูเหมือนว่าเทือกเขาสนาจะไม่ธรรมดาจริงๆด้วย แค่คน ธรรมดาเช่นนี้ ก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่อ่อนแอ

คาดเดาได้ว่าคนในห้องนี้คงมีความแข็งแกร่งระดับนี้ และ บางคนอาจจะมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ หากนับห้องอื่น รวบรวมความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ และปล่อยไปข้างนอก มันเป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังอย่างแน่นอน

แต่ในไม่ช้า รพีพงษ์ก็โล่งใจ ที่นี่คือเทือกเขาสนา สถาน ที่นี้ไม่มีกฎหมาย ดังนั้นสิ่งที่ตามมา ก็คือกฎผู้ที่แข็งแกร่ง ที่สุดคือผู้รอด ผู้ที่อ่อนแอ จะไม่สามารถอยู่รอดในสถานที่ แห่งนี้ได้

ความคิดเหล่านี้เพิ่งผ่านเข้ามาในหัวของรพีพงษ์ จากนั้นก็ รีบพุ่งก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับชกเข้าที่หน้าอกของชายคนนั้นด้วยหมัดอีกครั้ง โดยไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจ

ชายคนนั้นอาเจียนเลือดออกมาอีกหนึ่งคำ ดวงตาเบิก กว้าง และเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายขยับขึ้นสองครั้ง จากนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก เลย

แม้ว่าคนคนนี้จะแข็งแกร่งกว่าหมาป่า แต่สำหรับรพีพงษ์ ก็แค่เพิ่มมาอีกหนึ่งหมัด

ผู้คนรอบข้างที่ยังคงเฝ้าดูความครึกโครมอยู่เมื่อเห็นว่า รพีพงษ์ทำให้ชายคนนั้นนอนตายด้วยสองหมัด ก็ตกใจมาก และสายตามองที่ รพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นระวังขึ้นมาทันที

“เด็กคนนี้แข็งแกร่งมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเราจะประเมิน เขาต่ำเกินไป

“เชีย เพิ่งจะเข้ามาแล้วมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ พบเห็นได้น้อยมาก เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือที่ถูก ระดับสูงของเทือกเขาสนาไล่ล่าเข้ามา

“ยอดฝีมือบ้าอะไร ก็แค่เก่งกว่าเรานิดหน่อยเท่านั้นเอง เขาไม่เก่งเท่าลูกพี่แน่นๆ เดี๋ยวถ้าลูกพี่มา เขาก็จะไม่มีทางได้ คึกคะนอง”

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ชายคนนั้นที่ล้มลงบนพื้น และพบว่าคนรอบตัวเห็นชายคนนี้ตาย ประหลาดใจเพียงเล็กน้อย และ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆมากนัก ดูเหมือนว่าทุกคนที่นี่จะคุ้นเคยกับ การเห็นความเป็นความตาย จะไม่เป็นเพราะมีคนคนหนึ่งถูก ฆ่าตาย แล้วดูแปลกใจเกินไป

ในไม่ช้า ผู้คนเหล่านั้นที่อยู่รอบๆรพีพงษ์ก็หลีกเลี่ยงทาง สายตาที่มองไปที่รพีพงษ์ก็เปลี่ยนมายินดีกับความโชคร้าย

“ลูกพี่มาแล้ว ไอ้เด็กนี่เข้ามาก็ฆ่าคนแล้ว ลูกพี่จะฆ่าความ ยิ่งใหญ่ของเขาแน่ๆ ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะน่าสังเวช

“เชีย แค่คนมาใหม่ ก็กล้าหยิ่งยโสโอหังต่อหน้าพวกเรา ลูกพี่ก็ควรจะฆ่าเขาทิ้งซะ

“แบบนั้นไม่ได้ ยากมากที่จะมีผู้ชายผิวบอบบางเนียนนุ่ม เข้ามา ลูกพี่คงจะเสียดายแน่ๆ

รพีพงษ์มองไปไม่ไกล พบว่าใครหนึ่งมีใบหน้าที่คมชัด ร่างกายที่แข็งแกร่ง และกล้ามเนื้อสองก้อนบนแขนที่เหมือน ก้อนอิฐชายคนนั้นเดินไปทางด้านนี้

ดวงตาของชายคนนั้นเรียบเฉย เพียงแค่เหลือบมองไปที่ ชายที่ล้มลงบนพื้น จากนั้นก็ดึงสายตาตัวเองกลับมาและจ้อง ไปที่บนตัวรพีพงษ์

รพีพงษ์รู้สึกว่ารัศมีบนตัวของคนคนนี้ไม่ได้อ่อนแอ และเหมือนว่าน่าจะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งไม่อ่อนแอ

“เด็กน้อย แกกล้าหาญมากนะ เพิ่งมาฆ่าคนตายในห้อง ของฉันจงจินตน์ แกไม่เอาลูกพี่อย่างฉันอยู่ในสายตาเลยใช่ ไหม!”จงจินตน์พูดอย่างเย็นชา

“ชื่อของแกก็ค่อนข้างสาวดีนะ”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

จงจินตนคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่รพีพงษ์สนใจคือชื่อของเขา ใน ใจก็มีความโกรธขึ้นมาทันที เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว และบีบคอของรพีพงษ์ด้วยมือข้างเดียว

รพีพงษ์เคล็ดตัวหลบไปได้ จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปทางด้าน หลังของจงจินตน์อย่างรวดเร็ว หลังจากเห็นหว่างขาของเขา แล้ว ก็ยกเท้าขึ้น และเตะมันไป

น้ำเสียงในลำคอของจงจินตน์ที่เปล่งออกมาทันทีไม่เข้า กับรูปร่างของเขาเลย จากนั้นก็หนีบขาทั้งสองข้างของตัวเอง ไว้แน่นๆ ใบหน้าซีดเขียวมาก

รพีพงษ์ใช้โอกาสตอนที่ร่างกายของจงจินตน์ยังแข็งทื่อ กดเขาเข้ากับกำแพงทันที และพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้แกมี สองทางเลือก หนึ่งคือ ให้ฉันส่งแกไปเจอพญายม อีกทาง เลือกคือ แกต้องยอมสละตำแหน่งลูกพี่ และตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป ทุกคนในห้องนี้จะฟังฉัน แกเลือกเอาอย่างใดหนึ่ง อย่าง”หลังจากที่จงจินตน์ค่อยๆกลับสู่สภาพปกติ ก็ชัดขึ้นทันที เมื่อรพีพงษ์เห็น เตะไปหว่างขาเขาอีกครั้ง จงจินตนก็กลาย เป็นขาทั้งสองหนีบเข้าหากันอีกครั้ง

รพีพงษ์กลัวว่าครั้งนี้จงจินตนยังไม่พอใจ ก็ขยับเตะเข้าไป หาที่หว่างขาสองข้างของเขา และทุกครั้งที่จงจินตน์ส่งเสียง ร้องออกมาก็จะเหมือนกับผู้หญิง

เมื่อผู้คนที่อยู่ด้านหลังเห็นฉากนี้ ยังคงหายใจอยู่ใน อากาศเย็น จงจินตนอยู่ในห้องนี้พูดได้ว่าไม่มีใครสามารถ เอาชนะได้ จงจินตน์ที่ปกติเด็ดขาดกล้าหาญตอนนี้ถูกร พงษ์เตะจนเสียงแหลมเล็กเหมือนผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องที่ตกใจ มากสําหรับพวกเขา

ในที่สุด จงจินตน์ก็ทนต่อเท้าของรพีพงษ์ไม่ไหว ขอร้อง ด้วยความเมตตา: “ผม…ผมเลือกข้อที่สอง ลูกพี่ ปล่อยน้อง ชายของผมไปเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ