พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่682 ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า



บทที่682 ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า

บนถนนผู้คนมากมายกำลังเดินไปที่เซ็นทรัลพลาซาของอำเภอ ตึงเมน

“ได้ยินมาหรือเปล่าว่า วันนี้คุณชายใหญ่ของตระกูลวิรุฬห์ธน กิจจะปะทะฝีมือกับคนที่เศษสวะที่สุด ก็ไม่รู้ว่าที่มาของเศษสวะนี้ มาจากไหน ที่สามารถทำให้ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจระดมผู้คน มากมาย

“ไม่ว่าจะมาจากไหน นี่ก็บอกไว้ชัดแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นแค่เศษ สวะ น่าจะไม่มีภูมิหลังอะไร วิ่งเข้าหาให้คุณชายตระกูลวิรุฬห์ธน กิจกระทืบ โดยเฉพาะ

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณว่าคนคนนี้มีความกล้าไปที่เซ็นทรัลพลา ชาหรือเปล่า เปลี่ยนเป็นฉัน คงจะวิ่งหนีเป็นอย่างแรกแน่ๆ”

“ไม่หนีถึงเวลาถูกคุณชายตระกูลวิรุฬห์ธนกิจกระทบอย่าง รุนแรง ยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงเศษสวะเข้าไปใหญ่ ถ้าหนีไปยิ่งไม่ต้อง พูดแล้ว เท่ากับว่ายอมรับโดยตรงว่าตัวเองก็เป็นเศษสวะ ไม่จะ หนีหรือไม่หนี คนคนนี้ก็อยู่ไม่สุข

รพีพงษ์และดำเกิงทั้งสองคนกำลังเดินอยู่บนถนน เมื่อได้ยิน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่เดินผ่านไป ใบหน้าของดำเกิง เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“โธวัดก็หน้าด้านจริงๆ รอเดี๋ยวพ่ายแพ้ผมบนเวทีประลอง ดูสิ ว่าเขาจะมีจุดจบอย่างไร ดำเกิงพึมพำ

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “อย่าวางมาดใหญ่ไป แม้ว่า สองปีมานี้นายจะเติบโตขึ้นมาก แต่โธวัดอาจไม่ได้ก้าวอยู่ที่ เดิม อย่าได้ประมาณศัตรู”

ดำเกิงยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ เรื่องนี้พี่สบายใจได้ ที่ สำคัญยังไงพี่ก็ควรเชื่อมั่นอาจารย์เราบ้าง แม้ว่าฝ่ามือสอบ พยัคฆ์จะเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่ ตอนนั้นอาจารย์ก็เคยบอกข้อดีข้อเสียของฝ่ามือสยบพยัคฆ์กับ ผม เรียกได้ว่าตรงจุดตรงประเด็นเลย เมื่อเทียบกับทักษะวิชาที่ อาจารย์ถ่ายทอดให้พวกเรา ฝ่ามือสยบพยัคฆ์แย่กว่าไม่น้อย

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเห็นด้วยกับคำพูดของดำเกิง เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าอาจารย์จะไม่เคยบอกข้อดีข้อเสียของฝ่ามือ สยบพยัคฆ์ แต่จากทักษะวิชาที่ตัวเองเรียนจากอาจารย์ เขาก็ รู้สึกถึงความยอดเยี่ยมของวิธีที่อาจารย์ถ่ายทอดมา

ในระหว่างที่เรียนกับอาจารย์ รพีพงษ์สามารถสัมผัสได้ถึง ฝีมือความชำนาญของอาจารย์ ความแข็งแกร่งของหลายร้อย ตระกูลรวมกัน และเลือกศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะ มองจากมุมไหนก็ตาม มันก็เป็นฝีมือที่สมบูรณ์แบบ

ดังนั้นแม้ว่ายังไม่เคยประลองพลังที่สุดยอดของฝ่ามือสอบ พยัคฆ์ เขาก็รู้ว่าฝีมือความชำนาญของอาจารย์ไม่ใช่ว่าสำนัก ศิลปะการต่อสู้ใดก็ไม่สามารถเทียบได้
ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงเซ็นทรัลพลาซา ในเวลานี้ ตำแหน่งตรงกลางของเซ็นทรัลพลาซา ได้ตั้งเวทีประลองขึ้นมา แล้ว เวทีประลองถูกล้อมรอบเต็มไปด้วยผู้คน

ด้านบนของเวทีประลอง มีป้ายแขวนอยู่ บนแผ่นป้าย เขียนไว้ ไม่กี่คำว่า “การท้าทายของเศษสวะที่สุดในจักรวาลไม่มีใคร เทียบได้มาถึงเร็วๆนี้ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของคุ้มขวัญ

โธวัดยืนอยู่บนเวทีประลองแล้ว แล้วมองลงไปที่ผู้คนด้านล่าง มีรัศมีของการดูถูก

และอยู่ไม่ไกลจากเวทีประลอง มีเก้าอี้วางอยู่ไม่กี่อัน ปีติภัทร และโสงกรกำลังนั่งอยู่ที่นั่น คุ้มขวัญยืมอยู่ข้างๆ มองกวาดรอบๆ ตลอด ราวกับกำลังมองหาใครบางคน

รพีพงษ์แวบแรกก็สังเกตเห็นโสงกรกำลังนั่งอยู่ที่นั่น รู้สึกได้ ถึงลักษณะที่ไม่ธรรมดาของคนคนนี้ ปีติภัทรที่อยู่ด้านข้าง ดึงดูดความสนใจของรพีพงษ์ แต่ว่าเขาทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่า ไม่ ได้แข็งแกร่งกว่าโสจกร

หลังจากบรรลุถึงระดับเนยจิ้ง รพีพงษ์ก็เพียงพอที่จะสามารถ อาศัยรายละเอียดพวกนี้ แยกความแตกต่างระหว่างยอดฝีมือ เน่ยจิ้งและคนธรรมดาออก เขาคาดไม่ถึง ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจนี้ กลับซ่อนยอดฝีมือเนยจิ้งไว้สองคนจริงๆ และหนึ่งในนั้นก็ยัง ถือว่ามีกำลังที่ไม่อ่อนแอ นี่มันทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

“นายรู้หรือเปล่าคนที่นั่งอยู่ที่นั่นเป็นใคร?”รพีพงษ์ชี้ไปที่โส จกร แล้วเอ่ยปากถาม
ก๋าเก๋งมองแวบเดียว ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไม่รู้จัก แต่ว่าคนที่ นั่งด้านข้างเขา ก็คือนายใหญ่ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ปีติภัทร”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด และไม่ได้คิดอะไรมาก โสจก รมีสถานะอะไรก็ไม่สำคัญสำหรับเขา ภารกิจของเขาในครั้งนี้ ก็ คือคุ้มครองไม่ให้ยอดฝีมือของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจลงมือกับ ดำเกิง เรื่องอื่นก็ไม่จําเป็นต้องสนใจ

ในไม่ช้า ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหน้าเวทีประลอง

“เศษสวะดำเกิงอยู่หรือเปล่า ตกลงว่านายมีความกล้าหาญที่ จะขึ้นเวทีต่อสู้กับฉันหรือเปล่า ถ้าไม่มีความกล้าหาญนี้ ก็ออกมา ขอโทษน้องสาวฉันโดยเร็วที่สุด อย่าทำให้ทุกคนที่นี่เสียเวลา!” โธวัดพูดอย่างหงุดหงิด ตะโกนใส่คนด้านล่างเวที

หลังจากที่ดำเกิงได้ยิน ก็ส่งเสียงอย่างเย็นชา พูดกับรพีพงษ์ ไม่กี่ประโยค จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปที่ด้านบนเวทีประลอง

ในพริบตา ดำเกิงก็ยืนอยู่ตรงข้ามโธวัดแล้ว

“ปู่ของนายมาแล้ว!”

โธวัดมองดำเกิงหัวจรดเท้า พร้อมด้วยใบหน้าที่แสยะยิ้ม แล้ว เอ่ยปากว่า: “ไม่เจอกันสองปี แกก็ยังบ้านนอกกระจอกไม่เอา ไหน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนยังให้คนมาด่าน้องสาวฉันที่บาร์อีก ฉัน ว่าแกคงเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย ในเมื่อวันนี้นายกล้าที่จะ ขึ้นเวทีประลองนี้ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้แกมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป!”

ดำเกิงเบะปาก แล้วพูดว่า “อย่าพูดเกินไปหน่อยเลย ไม่แน่วันนคนที่ไม่สามารถเดินลงเวทีประลองได้ อาจเป็นแก

หลังจากคุ้มขวัญเห็นดำเกิงปรากฏตัวตอนนี้อยู่บนเวที ตะโกนเสียงทันที “พี่ กระทืบไอ้หมอนี่ให้มันสาหัสไปเลย จาก นั้นก็เก็บไว้ให้ฉัน ฉันจะทรมานเขาเป็นอย่างดีเลย!

โธวัตแสดงท่าทางมือโอเคให้กับคุ้มขวัญ

“ไอ้น้อง ในสองปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของฉันดีขึ้นมาก ถ้า วันนี้อาจารย์ลุงโสดกรดูอยู่ข้างล่างเวที วันนี้ฉันก็ถือซะว่าแก เป็นกระสอบทราย แสดงให้อาจารย์ลุงโสจกรได้เห็นเป็นอย่างดี เลย!” โธวัดท่าท่าทางฝ่ามือสยบพยัคฆ์ให้กับเก๋ง

บนใบหน้าของดำเกิงแสดงรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ พิมพ์ว่า: “นาย แค่ดีขึ้นเอง สองปีมานี้ ความแข็งแกร่งของฉันพุ่งขึ้นอย่าง รวดเร็วเหมือนกับจรวด เดี๋ยวแกก็จะได้รู้ความสุดยอดของลูก ศิษย์คนที่สองของสำนักอาจารย์ฉัน!!

การต่อสู้ระหว่างทั้งสอง เกิดขึ้นภายในพริบตา

การเคลื่อนไหวของฝ่ามือสยบพยัคฆ์แม่นยำทะมัดทะแมง เกือบจะใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธที่สามารถโจมตีได้ ควบคู่ไปกับแรงพลังระเบิดที่ยอดเยี่ยม อยู่ในระหว่างการต่อสู้ มันมีผลที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก

โธ่วันเปลี่ยนท่วงท่า โจมตีนาฬิกาชีวิตของดำเกิง การ เคลื่อนไหวดูไปแล้วงดงามมาก ผู้คนด้านล่างเวทีดูการต่อสู้ของ โธวัต ราวกับกำลังดูหนังกังฟู หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนปรบ มือตะโกนขึ้นมา
ในตอนเริ่มแรกค่าเกิงเลือกที่จะป้องกัน อาจารย์เคยบอกกับ เขาว่า แม้ว่าแรงพลังระเบิดของฝ่ามือสยบพยัคฆ์จะแข็งแกร่ง แต่ จุดอ่อนไม่มีทางที่จะหลอมรวมกับการป้องกันการโจมตีได้ โดย ทั่วไปเมื่อตอนที่ใช้ท่าไม้ตาย ก็ง่ายที่จะปรากฏจุดอ่อน

เขาเริ่มเลือกที่จะปกป้อง เพียงเพื่อรอให้จุดอ่อนของโธวัดเปิด เผย

ผู้คนด้านล่างเวทีต่างดูความครึกครื้น ไม่เข้าใจกลยุทธ์ เห็น แต่ค่าเกิงปกป้องตลอด คิดว่าเขาโธวัดไม่ได้ ยิ่งทำให้เขาดูไม่ ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่โสจกรจ้องมองท่วงท่าของดำเกิง หรี่ตาลง

ปีติภัทรมองแผนการของดำเกิงไม่ออก เพียงแต่คิดว่าลูกชาย ตัวเองเก่งกาจ ยังยิ้มแล้วพูดกับโสจกรว่า: “ศิษย์พี่โสจกร พื้น ฐานของลูกชายผมได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นดำเกิง เป็นแค่คนที่เอ้อระเหย เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของลูกชาย ฉัน”

โสจกรส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กนี่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่นาย คิด เขามองจุดอ่อนของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ออก รอลูกชายของนาย เผยจุดอ่อนออกมา จะคว้าโอกาสในการโจมตีกลับ

ปีติภัทรขมวดคิ้ว ไม่คาดคิดว่าโสจกรจะรู้สึกว่าดำเกิงจงใจ ปกป้อง เขากลับไม่รู้สึกว่าลูกชายตัวเองจะสู้คนบ้านนอกคอกนา ไม่ได้ คิดในใจว่าเดี๋ยวโธวัฒชนะแล้ว ก็จะรู้ว่าใครผิดใครถูก

ในไม่ช้า กลยุทธ์ของโธวัตระเบิดออกมาหมดแล้ว จุดอ่อนปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในกลยุทธ์ ดำเกิงคว้าโอกาสนี้ไว้ ใช้ โอกาสโจมตีกลับ และใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออก มาโดยตรง เคลื่อนไหวเพื่อโจมตีจุดอ่อนของโธวัด บีบคั้นให้เขา ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีโอกาสโต้กลับเลย

ผู้คนด้านล่างเวทีเห็นสถานการณ์การต่อสู้ที่พลิกแพลง ก็เบิก กว้างทันที มีความรู้สึกว่าเหลือเชื่อ

สีหน้าของปีติภัทรเคร่งเครียด คว้าที่จับของเก้าอี้ด้วยมือข้าง เดียว ไม่คาดคิดว่าจะจริงอย่างกับที่โสจกรพูด จุดอ่อนของ ลูกชายของตัวเองถูกดำเกิงคว้าไว้แล้ว

เดิมทีโธวัตคิดว่าตัวเองสามารถอาศัยท่วงท่าที่สับสนหลอก ผ่านไปได้ คาดไม่ถึงภายในแวบเดียวก็ถูกดำเกิงมองทะลุ

เรียกได้ว่าทหารแพ้ราวกับภูเขาล้ม หลังจากที่โธวัดเผยจุด

อ่อนออกมา ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของดำเกิงได้ หายใจ

ได้ไม่กี่วินาที ก็ถูกดำเกิงจูงจมูกไป

ในที่สุด โธวัตก็ต้านทานหมัดหนักของดำเกิงไม่ได้ นั่งลงบน

ด่าเก๋งคว้าโอกาสไว้ กดโธวัดลงกับพื้นทันที จากนั้นต่อหน้า ทุกคน บนก้มของโธวัต ตีอย่างรุนแรง

“วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกแทนพ่อของแกเอง ใครให้แกอวดดี สมควรถูกเฆี่ยนตีแล้ว!”

หลังจากพูดจบ ดำเกิงก็ตีลงบนก้มโธวัดอีกครั้ง
ทุกคนด้านล่างเวทีต่างส่งเสียงหัวเราะ

เมื่อปีติภัทรเห็นฉากนี้ ก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาก็ เขียว กัดฟันและตะโกนว่า “แกกล้าทำให้ลูกชายของฉันอับอาย ต่อหน้าผู้คนมากมายได้ยังไง คิดว่าคนตระกูลวิรุฬห์ธนกิจจะ รังแกได้ง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ!”

หลังจากพูดเสร็จ ปีติภัทรก็พุ่งขึ้นไปบนเวทีประลองอย่าง

รวดเร็ว ต้องการจะลงมือกับดำเกิง

สีหน้าดำเกิงเปลี่ยนไป รีบวิ่งไปที่ด้านล่างเวทีประลอง

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของยอดฝีมือ เนยจิ้งได้ เมื่อเห็นฝ่ามือของปีติภัทร ต้องการที่จะตบลงบนหลัง ของคําเกิง

“ศิษย์พี่ ช่วยผมด้วย!” ดำเกิงตะโกนเสียงดัง

ในขณะนี้ มีร่างปรากฏต่อหน้าปีติภัทร ซัดหมัดออกไป ขัด ขวางปีติภัทรไว้

“ลูกของคุณความสามารถไม่เท่าคนอื่น แพ้แล้วก็สมควรโดน ตี ก็เป็นสัจธรรมแล้ว คุณในฐานะนายใหญ่ของตระกูล ยอมเดิม พันแต่ไม่ยอมรับแพ้ ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า?”

สายตาของรพีพงษ์ที่สงบนิ่งราวกับน้ำ ตกไปที่บนตัวปีติภัทร กําลังโมโห


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ