พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 572 ไอ้คนใจดำ



บทที่ 572 ไอ้คนใจดำ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงวันจัดงานเลี้ยงของตระกูลธาดาวรวงศ์ และตระกูลพงศ์ธนธิดา

ในช่วงเวลานี้ อารียาอยู่กับรพีพงษ์ตลอด ชลาธิปทำตามที่ ตกลงไว้ ไม่ได้เอาเรื่องนี้บอกกับคุณนายใหญ่พงศ์ธนธดาและ ตระกูลธาดาวรวงศ์ ตอนนี้ทั้งสองครอบครัวยังคงคิดว่าอารียา อยู่ในตระกูลพงศ์ธนธดาอย่างปลอดภัย

ที่โรงแรมซีไซด์ เพื่อที่จะจัดงานเลี้ยงนี้ ตระกูลพงศ์ธนธดา เหมาพื้นที่ของโรงแรมไปหนึ่งชั้น

ในตอนนี้เป็นไปตามข้อกำหนดของชลาธิป ดำเนินการ

ตกแต่งด้วยความประณีต

ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยดอกไม้ การตกแต่งต่างๆค่อนข้างโร แมนติก เพื่องานเลี้ยงครั้งนี้ โรงแรมซีไซด์ยังเปลี่ยนโคมไฟ ระย้าเป็นโคมไฟคริสตัลเป็นพิเศษ ทั้งห้องโถงเป็นสีทองอร่าม สะท้อนลงมาที่ดอกไม้เหล่านั้น ดูสวยงามเป็นพิเศษ

และผนังของโรงแรม มีหลายที่ปกคลุมด้วยผ้า ดูลึกลับ ไม่รู้ว่าใต้ผ้าม่านนั้น คืออะไร

ในเวลานี้ชลาธิปยังคงยุ่งอยู่กับการตรวจสอบการตกแต่งของ งานเลี้ยงในห้องโถง แม้ว่างานเลี้ยงนี้ดูเผินๆแล้วเหมือนกำลังเตรียมไว้สําหรับฉัตรพลและอารียา แต่มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้น ที่รู้ ตัวเอกของงานเลี้ยง ที่จริงแล้วคือรพีพงษ์

จ้องไปที่ผ้าม่านเหล่านั้นบนผนังแวบหนึ่ง ชลาธิปไปหาเจ้า หน้าที่จัดเตรียมอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ หลังจากมั่นใจว่าไม่มี ปัญหาอะไร ถึงได้ให้คนเปิดประตู เริ่มต้อนรับแขก

ขณะนี้รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมซีไซด์ งาน เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลธาดาวรวงศ์ เรื่องใหญ่แบบนี้ แต่ ใครก็ตามที่ค่อนข้างมีฐานะในเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็จะไม่พลาดงานนี้ สามารถเป็นที่ยอมรับจากตระกูลพงศ์ธนธิดาและตระกูลธาดาว รวงศ์ได้ ตัวเองก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ

บางคนอยากที่จะมาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ถึงขนาด ทำความ รู้จักกับคนใหญ่คนโตในสังคมชั้นสูง ใช้เงินจํานวนมากเพื่อซื้อ ของกํานัน

รพีพงษ์ได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าโรงแรมซีไซด์นานแล้ว แต่เขา กลับไม่ได้เข้าไป เขารออยู่ตรงนี้ ก็เพื่อดูคุณชายของตระกูล ธาดาวรวงศ์ ว่าตกลงเป็นคนแบบไหน

ท้องฟ้าเริ่มมืด บนถนนมีรถไม่ขาดสาย ทุกคนต่างก็รู้ว่าคืนนี้ ที่โรงแรมซีไซด์มีงานเลี้ยงใหญ่ และพวกเขาไม่รู้เลยว่า เบื้อง หลังงานเลี้ยงนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน ถนนหน้าโรงแรมซีไซด์เส้นนั้นจู่ๆก็เริ่ม คึกคัก ทุกคนที่มาที่นี่เพื่อร่วมงานมองไปไม่ไกลนัก ทางด้านนั้น มีรถห้าคนขับครองทั้งเลน สี่คันอยู่ที่มุมทั้งสี่ คุ้มกันรถปอร์เชสีคําที่อยู่ตรงกลาง

“พวกคุณดูเร็ว! รถเหล่านั้นป่าเถื่อนจริงๆ! คนที่นั่งในรถเป็น ใครกัน?”

“คงจะเป็นตระกูลพงศ์ธนธิดาที่จะแต่งงานกับตระกูลธาดาว รวงศ์มั้ง เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลธาดาวรวงศ์เลย ความ เอิกเกริก ในตอนนี้ แทบจะมากกว่าตระกูลพงศ์ธนธดาสะอึก”

“เรื่องนี้พวกคุณคงไม่รู้ละสิ ตระกูลธาดาวรวงศ์ที่จริงเป็น ครอบครัวที่ซ่อนเร้น เมื่อปี 1980 พวกเขาถูกเรียกว่าเจ้าแห่ง เมืองเซี่ยงไฮ้ ต่อมาเพราะความแข็งแรงนับวันยิ่งมากขึ้น ก็ได้ ถอนตัวออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ถ้าจะว่าไปแล้ว ตระกูลพงศ์ธนธ ดาไม่ได้เก่งไปกว่าตระกูลธาดาวรวงศ์”

กลุ่มคนที่ได้ยินคำนี้ เขาพยักหน้าอย่างครุ่นคิดทันที ไม่นาน นัก รถทั้งห้าคันหยุดที่หน้าโรงแรมซีไซด์ ทั้งสี่คันด้านข้างที่ลง รถมาเป็นบอดี้การ์ดทั้งหมด รถที่คันที่อยู่ตรงกลางนั้น ที่ลงรถ มาก็คือชายวัยกลางคนที่ค่อนข้างมีฐานะและชายหนุ่มที่ดูเฉลียว ฉลาดคนหนึ่ง

รพีพงษ์จ้องมองสองคนนั้นครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าสองคนนั้นก็คือพ่อ ลูกตระกูลธาดาวรวงศ์ ภูดิทและฉัตรพล

ภูดิทมองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีฐานะ สูงส่ง เป็นเจ้าของกิจการที่ถูกเลี้ยงมาเป็นอย่างดี ฉัตรพลกลับ ทำให้เขาสะดุดตา ชายหนุ่มคนนี้ดูไม่มีความเป็นนายน้อยแห่ง ตระกูลใหญ่ แต่ดูแล้วกลับเป็นคนที่ท่าทางเก่งกาจ ทำให้คนรู้สึกเข้าถึงได้ยาก

ภูติทและฉัตรพลสองคนลงมาปุ๊บ ทันใดนั้นผู้คนมากมายมา รวมตัวกันรอบๆทั้งสองคน สีหน้าของทุกคนทักทายอย่าง กระตือรือร้น

ภูดิทมองไปที่คนเหล่านี้เป็นทักทายแต่ไม่แยแส ตอบกลับ ไม่กี่คำ ก็มุ่งหน้าเข้าไปในโรงแรม

ในเวลานี้ มีคนสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆ คนหนึ่ง เด็กหญิงตัวเล็ก ที่มีใบหน้าสกปรกวิ่งไปหาภูดิท จ้องมองเขาด้วยสายตา อ้อนวอน พูดว่า “คุณลุง สงสารหนูเถอะ หนูไม่ได้กินข้าวมา สามวันแล้ว แม่หนูหิวจนลุกไม่ไหว ขอของกินหน่อยได้ไหม ช่วยแม่หนูด้วย”

ภูดิทเห็นสาวน้อยคนนี้ ขมวดคิ้วทันที จากนั้นเขาก็เตะเด็ก หญิง เตะเธอออกไปหลายเมตร

“สมัยนี้ คนแบบไหนกันกล้ามาขวางหน้าฉัน เห็นตระกูล ธาดาวรวงศ์ฉันมาเพื่อทำทานงั้นเหรอ”ภูดิทพูดออกมาประโยค หนึ่ง

คนรอบๆที่เห็นภูดิทเตะเด็กหญิงคนนั้นออกไป ไม่มีแม้แต่คน เดียวที่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม

หลายคนถึงกับปรบมือตะโกนว่าดี ชมว่าร่างกายของภูดิทดี แข็งแรง แค่เตะครั้งเดียวก็ทำให้เด็กหญิงคนนั้นกระเด็นไปไกล ขนาดนั้น
“ไอ้เด็กสมควรตายเกือบจะทำให้ชุดฉันเปื้อนแล้ว รีบเอาเธอ ออกไป อย่าทําให้ทุกคนอารมณ์เสีย ภูติทพูดออกมาเสียงดัง จริงจัง

บอดี้การ์ดที่เดินตามเขามาก็เดินไปทันที จะเข้าไปจับเด็ก หญิงคนนั้น แล้วโยนออกไป

เด็กหญิงถูกภูดิทเตะครั้งหนึ่ง ได้ร้องไห้เสียงดัง เธอคิดว่าวัน นี้เธอสามารถขอความช่วยเหลือจากคนรวยเหล่านี้ได้ แต่ไม่คิด ว่าคนรวยเหล่านั้นจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้

ตอนนี้เห็นบอดี้การ์ดเหล่านั้นเดินมาที่ตัวเอง การแสดงออก บนใบหน้าของเด็กหญิงเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น

“คุณลุง หนูผิดไปแล้ว หนูจะไปเดี๋ยวนี้ หนูจะไม่ขวางทาง พวกคุณ คุณลุงอย่าทำอะไรหนูเลย” เด็กหญิงใบหน้าเต็มไปด้วย การอ้อนวอน

แน่นอนว่าบอดี้การ์ดไม่สนใจคำอ้อนวอนของเด็กหญิง อยู่กับ ภูดิทนานแล้ว

พวกเขาต่างรู้ดี คนธรรมดาก็เหมือนหญ้า คนจนอย่างเด็ก หญิงนี้ แม้ว่าจะฆ่าตาย ก็ไม่มีใครร้องเรียนให้กับพวกเขา

เมื่อบอดี้การ์ดคนหนึ่งกำลังจะเอื้อมมือไปบีบคอของเด็กหญิง มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังของเด็กหญิง อุ้มเด็กหญิงขึ้นมา

“นายใหญ่ของตระกูลธาดาวรวงศ์ผู้สูงส่ง แม้กระทั่งเด็กหญิง ตัวเล็กๆก็ลงมือได้ หรือว่ามโนธรรมในใจของคุณ ถูกหมากินหมดแล้ว?” รพีพงษ์จ้องไปที่ภูดิทด้วยดวงตาทั้งสองข้างอย่าง เย็นชา เสียงทุ้มดังก้องอยู่ในหูของทุกคน

ภูติทที่กำลังยิ้มและฟังคำชมของคนรอบข้างได้ยินเสียงนี้เข้า

ก็หันหน้ามาทันที

เมื่อเขาเห็นรพีพงษ์เป็นแค่คนที่ใส่ชุดธรรมดา ดูแล้วเป็นหนุ่ม ที่ไม่มีลักษณะพิเศษอะไร ในแววตาเผยความดุร้ายออกมา

“ทำไม หรือว่าเพราะเรื่องนี้เลยอยากจะสั่งสอนฉันทำให้ฉัน รู้สึกว่าตัวเองทำผิด?”ภูดิทหลายปีมานี้ฐานะสูงส่งมาตลอด ศีล ธรรมของโลกเหล่านี้ถูกละเลยมานานแล้ว

ทุกคนมองไปที่รพีพงษ์ มีความเห็นอกเห็นใจในดวงตา ใน สายตาของพวกเขา รพีพงษ์กำลังยุ่งเรื่องของชาวบ้านอยู่ อีกทั้ง ยังยุ่งเรื่องของนายใหญ่ของตระกูลธาดาวรวงศ์ เห็นได้ชัดว่าน้ำ เข้าสมองแล้ว

รพีพงษ์มองภูดิท มีอาการหนาวสั่น ในดวงตาของ

ของเขา

“ถ้าแม้แต่เห็นใจเด็กหญิงคุณยังไม่เข้าใจ ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะ สอน ไอ้คนใจดำอย่างคุณแทนแม่หนูคนนี้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ