พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่695 แกนเกะกะจริงๆ



บทที่695 แกนเกะกะจริงๆ

บนเวทีในขณะนี้ มีชายร่างสูง สวมชุดคาราเต้สีขาว

คนนี้ชื่อบิลลี่ เป็นแชมป์คาราเต้ของประเทศอเมริกา มีชื่อเสียง อย่างมากในอเมริกา วันนี้ที่เขาปรากฏกายที่นี่ เพราะได้ยินชื่อ ของเทพมรณะ ดังนั้นจึงอยากมาท้าทายด้วยตัวเอง

“นั่นไงคนเทพมรณะ รีบขึ้นมาบนเวทีซะ วันนี้ฉันจะทำลาย ประวัติศาสตร์ของแก ให้ทุกคนได้รู้ ศิลปะการต่อสู้ของประเทศ จีนของพวกแก กับคาราเต้ เทียบกันไม่ได้!” ผู้ดูแลสนามมวย หยิบไมค์ขึ้นมา แล้วรีบสร้างบรรยากาศ

“ทุกคนทราบกันดี ว่าบิลลี่เป็นแชมป์ของประเทศอเมริกา ฝีมือของพวกเขาทุกคนรู้ดี คู่ต่อกรของเขาทุกคน สุดท้ายล้วนถูก หามออกจากเวทีทั้งนั้น!

” ในอเมริกาบิลลี่ มีฉายาว่าราชาเถื่อน มีคนคาดเดา ทั้ง อเมริกา ไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรของบิลลี่เลยสักคน และบิลลี่ได้ใช้ ความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนที่ขึ้นชกกับเขาทุกคน สุดท้ายก็ต้องแพ้ไป!”

“และวันนี้ ที่บิลลี่มาที่นี่ เพื่อท้าทายเทพมรณะที่ได้ชนะติดต่อ กันมาเป็นวันที่ห้าแล้ว! การประลองครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะชนะ เชื่อ ว่าทุกคนกำลังรอผลอยู่!”

“งั้นเราตะโกนชื่อของคนที่ตัวเองคิดว่าจะชนะในค่ำคืนนี้ออกมาหน่อยดีกว่า ให้พวกเราได้รู้สึกกระตือรือร้นสักหน่อย!” ทุกคน รีบตะโกน เทพมรณะและราชาเถื่อนสองฉายานี้ออกมา ดังลั่น สนามมวย แต่ไม่นาน เสียงของราชาเถื่อนก็ดังกว่าเทพมรณะ

ในฐานะที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเป็นแชมป์คาราเต้ ดังนั้น ตำแหน่งของบิลลี่ในสายตาคนทั่วไปถือว่าสูง แม้รพีพงษ์จะเก่ง มาก แต่ก็เพิ่งจะปรากฏตัวที่สนามมวยเพียงไม่กี่วัน เสียงเรียก น้อยกว่าบิลลี่แน่นอน

“ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนนั้นแย่! วันนี้ ฉันจะพิสูจน์ให้ พวกคุณดู!” บิลลี่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังสนั่น ก็สะใจขึ้นมา แล้วตะโกนให้ทุกคนได้ยิน

รพีพงษ์เพิ่งจะละสายตาจากอนันยช เมื่อได้ยินบิลลี่พูดแล้ว ก็ ขึ้นไปบนเวที

“เก่งแต่แสดงไอ้เด็กน้อยจากประเทศจีน กังฟูของพวกแกมัน แย่ วันนี้ฉัน จะเหยียบศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนให้จมดิน!”

บิลลี่ตะคอกรพีพงษ์ จากนั้นก็ทำท่าเบ่งกล้าม ด้วยท่าที่ดุร้าย

“แกนี่เกะกะจริงๆ” รพีพงษ์พูดกับบิลลี่อย่างนิ่งๆ จากนั้นก็ก้าว ไป ยกขาขึ้น ไปที่หน้าอกของบิลลี่ ร่างของบิลลี่ลอยออกไปจาก เวที แล้วหล่นลงบนพื้นอย่างแรง

คนพวกนั้นที่ยังตะโกนชื่อของบิลลี่อยู่นั้นก็งง ในทันใด อ้าปาก ค้างไร้ซึ่งเสียงที่ตะโกนออกมา และมีคนจำนวนไม่น้อยอ้าปากค้างเป็นตัวโอ
ในสนามมวย ล้วนเต็มไปด้วยความเงียบสงัด จากนั้น คนที่ เชียร์เทพมรณะ ก็ตะโกนชื่อเทพมรณะชื่อนี้อย่างบ้าคลั่งรพีพงษ์ ใช้เพียงเท้าธรรมดา ซึ่งน่าตะลึงเสียนี่กระไร

ใครจะคิดถึงว่า แชมป์คาราเต้ที่แข็งแกร่ง จะถูกรพีพงษ์ถีบ ลอยไป

ความจริงผู้ดูแลสนามมวยใต้ดินกำลังรอการประลองที่ระเบิด ความมันส์ของรพีพงษ์และบิลลี่อยู่ ใครคิดจะว่าการประลองนี้ยัง ไม่ทันเริ่ม ก็ต้องจบลงแล้ว ทำเอาเขารู้สึกอึดอัดกันเลยทีเดียว

บิลลี่ปีนขึ้นมาจากพื้น รับรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองขายหน้ามาก

ขนาดไหน แม้แต่การถีบของรพีพงษ์เขายังต้านทานไม่ได้ นี่

พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคาราเต้ในประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ มาก

เขากลัวว่าผู้คนที่เชียร์เขาจะตามมาหาว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้รีบ หนีไป

และในมุมมุมหนึ่งด้านล่างเวที คนที่ต้องรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ พึมพำขึ้นมาว่า “ที่แท้ก็เป็นไอ้พวกเห่อ แต่มันก็ทำได้แค่จัดการ กับคนธรรมดาแบบนี้แหละ วันนี้อน้นยามาที่นี่ ดูๆแล้วมาเพื่อหา เด็กนั่น ดูว่ามันจะทำไงเมื่อเจออนันยช

อนันยชก็จ้องไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ด้านบนเวที แล้วหลับตา รู้สึกได้ ถึงความคุ้นเคย

“นายท่าน คนที่ใส่หน้ากากนี้ ทําลายยอดฝีมือของเราไปห้า คนแล้ว” คนข้างๆอนันยชกล่าวขึ้นมา
อนันยชพยักหน้า แต่ไม่ได้สนใจคนที่อยู่บนเวทีมากนัก เพราะ จากฝีมือของเขาถ้าต้องการจัดการคนบนเวทีนั้น ง่ายยิ่งกว่า อะไรดี

ขณะนี้รพีพงษ์หันหน้าไปมองเขา แม้อน้นยศไม่เห็นอารมณ์ ของรพีพงษ์ แต่ก็รู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนเวที มีความอาฆาตต่อตน อยู่ไม่น้อย

“น่าสนใจ เขาทําลายยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุล น่าจะ เพื่อรอให้ฉันปรากฏตัว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะขึ้นไปข้าง บน” อนันยชกล่าว จากนั้นก็เหยียบไหล่คน ขึ้นไปบนเวที

ผู้คนด้านล่างเวทีเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง การประลองเมื่อ ของบิลลี่และรพีพงษ์ ยังไม่ทำให้พวกเขาสนุกได้เลย ตอนนี้เห็น อีกคนขึ้นไป ท่าทางเก่งอาจอย่างมาก พวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ตอนนี้ในสายตาของคนเหล่านี้ ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน นั้นเป็นตำนานที่มีจริง ถ้ามีการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือของ ประเทศจีนด้วยกัน พวกเขาก็ไม่ถือว่ามาเสียเปล่า

อนันยชจ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “แกเป็นใคร? ทำไมต้องมี ปัญหากับตระกูลนิธิวรสกุลของฉัน?”

“ศัตรู” รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งสงบ

อนันยช นปาก แล้วกล่าว “ศัตรูของตระกูลนิธีวรสกุลมีมาก มาน พวกที่อยากล้างแค้น สุดท้ายก็กลายเป็นเถ้าถ่าน การที่แก เป็นเน่ยจิ้งน่าจะไม่ง่ายสินะ ถ้าแกมอบชีวิตให้ฉันตระกูลนิธิวรส กุล บางทีฉันอาจปล่อยแกไปก็ได้นะ”
“มอบชีวิตให้ตระกูลนิธิวรสกุล? เกรงว่าถ้าฉันตอบตกลง แกก็ ไม่กล้าใช้ฉันหรอก” รพีพงษ์ยิ้มออกมา

“นกที่ดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนัก ความแค้นที่ผ่านมา เป็น เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทำไมฉันจะไม่กล้า” อนันยชก็ยิ้มพลางกล่าว

รพีพงษ์หลับตา ถาม “อนันยช แกไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันเป็น

ใคร?”

อนันยชมองหัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วกล่าว “รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ ออกว่าเป็นใคร ศัตรูของฉันเยอะ”

รพีพงษ์ไม่ทายค่าถามอนันยชต่อ เขายกมือขึ้นมา ถอด หน้ากากนั้นออก

หลังจากที่อนันยชเห็นรพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วนั้น

ม่านตาก็ขยายขึ้น

เพราะรพีพงษ์ถอดหน้ากากออกจึงทำให้คนด้านล่างคึกคักขึ้น มา ผลบุญจ้องไปที่รพีพงษ์ ขมวดคิ้ว แล้วพึมพำว่า “เป็นเด็กที่พัก ที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนนั่นหน?”

“ไง แปลกใจไหมล่ะ?” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

เขาไม่กังวลที่จะถอดหน้ากากออกในตอนนี้ ให้เวลาอนันยช ได้เตรียมตัวต่อสู้กับเขา ในเมื่ออนันยชยืนอยู่บนเวทีแล้ว รพี พงษ์จึงไม่อยากให้เขาได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ