พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่429คนที่มาช่วยคุณ



บทที่429คนที่มาช่วยคุณ

ธฤตญาณเห็นธนาตย์ลุกขึ้นยืน เขาหรี่ตาลง เมื่อตอนที่ปะทะ ฝีมือกับธนาตย์ เขารู้เลย ว่าฝ่ายตรงข้ามค่อนข้างมีฝีมือ อย่างไรเสียเขาก็ได้ฝึกฝนกับจันทร์ไชยมานานขนาดนี้แน่นอนว่า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามแน่

เขาก็เลยแข็งขันกับโยษิตาและธนาตย์ได้ รอให้ใครทศมาถึง

ธนาตย์เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของ โยษิตา ฝีมือย่อมฉกาจไม่ เบา จึงได้เข้ามาอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์ ธนาตย์นั้นนับว่าเป็น ยอดฝีมืออยู่แล้ว

ตอนนี้ทางฝั่งพวกเขา ก็มีแค่ไตรทศกับธนาตย์เท่านั้นที่ต่อสู้

ธฤตญาณไม่ได้ห่วงเลยว่าไตรทศจะสู้ธนาตย์ไม่ได้ ซึ่งพวกเขา มีคนเยอะขนาดนี้ ถ้าบุก ขึ้นพร้อมกัน ธนาตย์จะรับมือได้มาก น้อยเขียว เขาคงถอนตัวออกไม่ได้แน่

“ฉันขอเตือนให้พวกแกตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหน่อย ต่อให้พวกแกคนเยอะ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของธนาตย์อยู่ดี พวกแกมัน ก็แค่นักเลงหัวไม้ท้องถิ่น คิดว่าไม่น่าจะเคยเห็นยอดฝีมืออะไร ทำนองนี้! “โยษิตามองธฤตญาณอย่างไม่สบอารมณ์

พอได้ฟังคําพูดของโยษิตา ไตรทศจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ เขา เดินไปอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน ยืนจังก้อยู่หน้าธนาตย์ พูดค่อนแคะ”กูว่ามันเป็นแค่ยอดฝีมือสวะ อย่าคิดว่ามาจากเกียวโต แล้วเราจะด้อยชั้นกว่า วันนี้จะสำแดงให้ดูว่า ยอดฝีมือสำหรับ พวกแก สำหรับกแล้ว ก็แค่ขี้ก้อนหนึ่ง

“หึ คุยโวโอ้อวด คนท้องถิ่นอย่างพวกแกจะเคยเห็นอาราย ความสามารถของธนาตย์ เหนือชั้นกว่าแมวสามขาอย่างพวกแก เยอะ” โยษิตายังคงมองอย่างดูแคลน

ธฤตญาณไม่ใส่ใจโยษิตา หันกลับไปมองไตรทศ แล้วพูด “พวกนายยืนรอข้างๆก่อน ฉันจะจัดการกับเจ้านี่เอง วันนี้จะ ทำให้มันรู้ เมืองริเวอร์แม้จะเป็นเมืองเล็ก แต่ก็ไม่ใช่ที่พวกมัน จะมาวางก้ามได้! ”

“งั้นระวังตัวนะ”ธฤตญาณไม่พูดอะไร กำชับไว้แค่นี้

“วางใจได้ เรารู้จังหวะไตรทศพูดคำหนึ่ง หันกลับไปหา ธนาตย์

ธนาตย์ไม่ได้พูดอะไร เขาเห็นไตรทศ โกรธจนแทบจะลงไม้ ลงมือ ดูไม่ลังเล และพร้อมรบเต็มที่

ไตรทศกรรโชกโฮกฮาก สำแดงฝีมือออกมา หมัดหนักๆ ปะทะ เข้าร่างธนาตยอย่างแรง

โยษิตาเห็นไตรทศเป็นฝ่ายโจมตีธนาตย์อยู่ฝ่ายเดียว จึงเบ้า ปาก สําหรับหล่อนแล้ว การกระทำของไตรทศนั้นรนหาที่ตาย ชัดๆ

ธนาตย์ก็พอรู้จักเมืองริเวอร์อยู่บ้าง เมืองเล็กๆแบบนี้มียอดฝีมือค่อนข้างน้อย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไตรทศไม่น่าจะมีฝีมืออะไร

มาก

เขายื่นมือออกไปรับหมัดไตรทศ ในช่วงจังหวะที่รับหมัดนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นเขาจึงรีบซะล่าถอย อาศัยจังหวะ ล่าถอย ในการชะลอแรงจากน้ำหนักมือของไตรทศ

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีปฏิกิริยากับไว หมัดเมื่อครูของไตรทศ อาจจะทำให้เขาเสียแขน ไปข้างหนึ่งเลยก็ได้

เจ้านี่ทําไมถึงหมัดหนักอย่างนี้นะ ในหัวของธนาตย์มีความคิด นี้แวบขึ้น จากนั้นจึงไม่กล้าซะล่าใจอีก แล้วต่อสู้กับไตรทศอย่าง จริงจัง

โยษิตาเองก็เห็นถึงสมรรถภาพของไตรทศ เขาสามารถทำให้ ธนาตย์ล่าถอยได้ แต่ว่า เขาไม่คิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ ไตรทศเอาชนะธนาตย์ได้ เมื่อครูธนาตย์อาจจะพลาด ไป

ช่วงนี้ไตรทศผู้อยู่ใต้การอบรมของจันทร์ไชย ฝีมือเขาพัฒนา ไปแบบก้าวกระโดด นอกจากนี้การฝึกฝนของเขา มากกว่าธฤต ญาณถึงสองเท่า ความลำบากลำบนในการฝึกเป็นสิ่งที่แทบจะไม่ ต้องนึกถึงเลย

บวกกับไตรทศมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนอยู่แล้ว ฝีมือตอนนี้ก็ ห่างไกลกว่าแต่ก่อนมาก

ธนาตย์มีกำลังแกร่งแค่ไหน ก็ยังคงไม่เห็นวิชาของจันทร์ไชย อยู่ในสายตา ไตรทศนับได้ว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของจันทร์ไชย ถ้าหากแค่ธนาตย์ก็ยังจัดการไม่ได้แล้ว คาดว่าต่อไปคงไม่มีหน้าไปพบจันทร์ไชยแน่นอน

ทั้งคู่แลกกระบวนท่ากันไปราวๆ บกระบวนท่า ธนาตย์สัมผัส ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากจันทร์ไชยอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ว่าถ้าสู้ ต่อไป เขาจะต้องแพ้ให้แก่ไตรทศแน่นอน ตอนนั้นเขากับโยษิตา คงต้องรับชะตากรรม

โยษิตาเองก็ดูออกว่าธนาตย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ไตรทศแม้แต่น้อย เธอขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะทะเลาะเบาะแว้ง จึงได้แต่ร้อนใจอยู่ อย่างนั้น

ไม่นานนัก ธนาตย์ถีบไตรทศออกไป ไตรทศล่าถอยไปสอง สามก้าว อาศัยจังหวะนี้ ธนาตย์หมุนตัว คว้าแขนโยษิตาไว้ แล้ว แบกเธอขึ้นกับตัว วิ่งแนบออกไปจากตรอก

เขารู้ว่าวันนี้คงจะสู้กับไตรทศไม่ได้แล้ว ก็เลยจะพาโยษิตาหนี

ไตรทศไม่คิดว่าธนาตย์จะเด็ดขาดขนาดนี้ รู้ว่าตัวเองจะสู้ไม่ได้ ก็เลยชิงตัวคนเผ่นแนบไปเลย

ธฤตญาณเห็นสถานการณ์ จึงรีบวิ่งตามธนาตยไป ไตรทศไม่ ลังเลแม้แต่น้อย รีบพุ่งเข้าไป

ธนาตย์พาโยษิตากะเผลกๆไปตามตรอก อาศัยตำแหน่งที่ซับ ช้อนซ่อนเงื่อน จึงเลิกคิดถึงการไล่ล่าจากไตรทศ

เขาแบกโยษิตาไป กระโดดลอยตัวขึ้น แล้วทะยานข้ามกำแพง

เตี้ยๆ แล้วเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้ร้างมานานมากแล้ว ในบ้านมีกอหญ้าเต็มไปหมดหลังจากที่ธนาตย์วาง โยษิตาลงบนหญ้า จึงใช้หญ้าคลุมตัวเธอ พูดเสียงค่อย คุณหลบอยู่นี้ก่อนนะ ผมจะออกไปล่อพวกมัน ถ้า ผมไม่กลับมา อย่าออกไปตาม เพื่อความปลอดภัย ค่ๆคุณค่อย ออกมา

“คุณอยู่กับฉันที่นี่เถอะ ถ้าออกไปโดนพวกมันจับแน่” โยษิตา เอ่ยปากพูด

ธนาตย์ยิ้ม พูดขึ้น ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่กันหมด นั่นแหละจะถูกจับ คุณตัวเล็ก หญ้าพวกนี้คลุมคุณเอาไว้อยู่แน่นอน พวกมันคงไม่ พบคุณเข้าง่ายๆ แต่ถ้าผมหลบอยู่พร้อมกับคุณพวกมันเจอเข้า แน่ๆ”

“สบายใจเถอะ ถ้าผมจะหนีเสียอย่าง พวกมันก็ตามผมไม่ได้

พูดจบ ธนาตย์จึงลุกขึ้นยืน เวลานี้เขาหยุดชะงัก จากนั้นจึง ประคองตัว แล้วจุมพิตเบาๆลงบนหน้าผากโยษิตา พูดขึ้นว่า “อยู่ ต่อไปดีๆนะ”

โยษิตาน้ำตาไหล เธอรู้อยู่แก่ใจ ถ้าธนาตย์ออกไป โอกาส รอดมีน้อย

แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น มีแค่ทางเดียวคือธนาตย์ออกไปล่อ คนพวกนั้น โยษิตาถึงจะหนีไปได้

ธนาตย์ไม่รอช้า ในตอนที่กระโดดข้ามกำแพงเตี้ยไป พวกธ ฤตญาณก็ไม่ได้ตามมา

ธนาตย์จ้องดูตรอกตาเขม็ง จากนั้นจึงเลือกทางหนึ่ง แล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนที่เร่งฝีเท้าใกล้ถึงตำแหน่งเขตเมืองเก่า ไตรทศกับ ฤตญาณสองคนวิ่งตามธนาตย์ไป

ไตรทศสาวเท้าก้าวยาวราวกับดาวตก ชูหมักขึ้น แล้วทุบลง บนหลังธนาตย์

ธนาตย์ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาโดนไตรทศจับคว่ำลงกับ พื้น จนกระอักเลือดออกมา

ไตรทศเดินไป ยกธนาตย์ขึ้นมา ด่าทอว่า “แม่งเอ๊ย หนีเก่ง ชะมัด ไหนตอนนี้จึงลองหนีให้กูดูซิ ตอแหลกับกูเหรอ ตอนนี้รู้ จุดจบแล้วสินะ”

มุมปากของธนาตย์มีรอยเลือด บนหน้าไม่ปรากฏรอยยิ้ม แม้แต่น้อย เปิดปากพูด”ล่า พองอะไรหะ มึงไม่ได้แล้วไงวะ อยากมาก แค่เสียชีวิต”

ธฤตญาณจ้องมองแล้วถามขึ้น โยษิตาละ ซ่อนมันไว้ที่ไหน “ซ่อนไว้ในใจ แกเชื่อไหมล่ะ”ธนาตย์ยิ้มมุมปาก

ไตรทศไม่พูดพล่ามทําเพลงปล่อยหมัดใส่ธนาตย์ ซัดจน กระอักเลือดอีกครั้ง

“แม่งเอ๊ย รีบบอกมาว่าผู้หญิงคนนั้นมันอยู่ไหน ไม่เช่นนั้น วัน นี้กูจะหักกระดูกมึงเป็นท่อนๆ ให้ถึงตายทั้งเป็น! “ไตรทศพูด อย่างดุดัน
“วันนี้ต่อให้ถึงกับเป็นหมื่นต้น ก็ไม่บอกหรอกว่าเธออยู่ ที่ไหน พวกมึงฆ่า กูเลย แต่ขาดนี้ทั้งขาดก็ขับเธอไม่ได้ เธอจะ งอกงามขึ้นมาอีกครั้ง ถึงเวลาพวกมาก็จะตายคามือเธอ! “ ธนาตย์คุ้มคลั่ง เลือดกลบปาก ดูแล้วเหมือนคนบ้า

ไตรทศ ปล่อยหมัด ใส่ธนาตย์อีกครั้ง ตอนนี้กระดูกในร่างเขา หักเสียงดังกรวบๆ สีหน้าเขาแสดงความเจ็บปวดเต็มทน

“จะพูดไม่พูด

“ไตรทศแค่นเสียง

“หึหึ แล้วจึงคิดว่าไงล่ะ กูเป็นบอดี้การ์ดที่ฝึกมาเป็นพิเศษ ต่อ ให้ถึงต่อแถวกันมาทรมาน ทำให้เปิดปากไม่ได้หรอก ถึง ตายใจได้เลย”ธนาตย์ให้ตายก็ไม่ยอมปริปาก

ไตรทศระเบิดอารมณ์ออก แล้วปล่อยหมัด ใส่ธนาตย์เต็มแรง ไม่นานนัก ธนาตย์ก็ไม่ เคลื่อนไหวอีกต่อไป ธฤตญาณจึงขวาง ไตรทศเอาไว้

ธฤตญาณยื่นมือไปยังจมูกธนาตย์ หันไปสบตากับไตรทศ แล้ว บอกว่า เขาตายแล้ว”

ไตรทศถลึงตาแล้วพูดว่า”ไม่มั้ง แค่ไม่กี่หมัดเอง”

ธฤตญาณกลอกตาขาวทันที แล้วเปิดปากพูด”หาคนมาจัดการ ศพซะ ที่เหลือไปตามหาโยษิตากับฉัน ตอนนี้โยษิตาไม่มีคน คุ้มครองแล้ว ก็น่าจะไปไหนไม่รอด ถ้าจับได้ รอรพีพงษ์กลับมา ค่อยจัดการ”

หลังจากจัดการเรียบร้อย คนกลุ่มหนึ่งจึงแยกตัวกันไป หางาของโยษิตา

นกลาง ก

เสียงแมลงร้องระงม ในบ้านร้าง หญ้ารกเต็มลาน แสงจันทร์ สาดส่อง ดูอึมครึม

ในเวลานี้เอง จู่ๆ กองหญ้านั้นก็ขยับ จากนั้นเงาร่างบอบบางจึง ลุกขึ้นยืน ถ้าตอนนี้ในบ้านมีคน ก็คงคิดว่าผีหลอก

โยษิตาท่าทางอิดโรย หน้าตามอมแมม ริมฝีปากแห้งผาก แววตาหมองคล้ำ ไม่ต่างอะไรจากวิญญาณ

ถ้าหากเราไม่ผิด ธนาตย์น่าจะตายอยู่ในน้ำมือพวกธฤตญาณ แล้ว จากนิสัยของเขา ไม่เคยปล่อยให้ศัตรูลอยนวล

คิดมาถึงตรงนี้ โยษิตาก็รู้สึกปวดใจ คนเดียวที่เธอพึ่งพาได้ก็ ไม่อยู่แล้ว เหลือไว้เพียงเธอคนเดียว เธอเองก็ไม่รู้ว่าต่อไปตัวเอง ควรทําอย่างไร

รพีพงษ์บารมีกว้างใหญ่ ลำพังแค่เธอ ยากที่จะไปโค่นภูเขา มหึมาเยี่ยงรพีพงษ์ได้อย่างไรกัน

เธอเดินไปที่ริมกำแพง พลิกตัวขึ้นอย่างลำบากยากเย็น ใน ตอนที่กระโดดข้าม เนื่องจากยืนไม่มั่นคง จึงล้มลงก้นเบ้า

ตอนนี้เธออยากร้องไห้เหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าเสียงร้องจะดังไป จนคนพวกนั้นได้ยิน ก็เลย อดกลั้นไว้

เธอกัดฟันลุกขึ้นจากพื้น และในตอนนี้เอง เงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ โยษิตาเงยหน้าขึ้น จู่ๆ ก็เห็นคนปรากฏตรงหน้า เธอ ตกใจจนขนหัวลุก คิดว่าเห็นผี

“แก…..แกเป็นผีหรือเปล่า”โยบิดาถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ”คนสวมชุดดำถาม ภายใต้แสงจันทร์ ดวงหน้าแน่นิ่ง กรอบแว่นทำให้เขาดูสุภาพ ดูเหมือนเป็น เลขานุการ

“แกเป็นคนของธฤตญาณเหรอ” โยษิตาจ้องมองไปที่คนๆนั้น อย่างตระหนก

“ไม่หรอก ผมไม่ใช่คนที่นี่”คนๆนั้นตอบ

“แล้วแกเป็นใคร” โยษิตาถาม

“คนที่มาช่วยคุณ”คนๆนั้นตอบเสียงเรียบ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ