พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่587 เรียกลูกน้องมาหนึ่งร้อยคน



บทที่587 เรียกลูกน้องมาหนึ่งร้อยคน

เมื่อใบหน้าของผนึกรถูกรพีพงษ์ตบไปหนึ่งครั้งจนทำให้มึนงง และล้มลงบนพื้นเป็นเวลานาน โดยไม่รู้ตัว และทุกคนที่อยู่รอบตัว ก็ตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็ลงมือกันขึ้นมา

“แก…..แกแม่งเป็นบ้าเหรอ? แกกล้าตบฉัน ให้เกียรติจึงใช้ มั้ย!”ผนึกรที่เพิ่งรู้สึกตัวก็ตะโกนใส่รพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ผนึกรอย่างเย็นชา แล้วถามว่า “เงินที่ศศิ นัดดาขาย โรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลยังเหลืออยู่เท่า ไหร่?”

สีหน้าของมนีกรก็เปลี่ยนไป เบิกตากว้างจ้องมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดว่า “แกแม่งเป็นใครวะ กูมีเงินเท่าไหร่ ถึงยุ่งอะไรด้วย!”

“ฉันคือรพีพงษ์ รพีพงษ์กล่าว

มนีกรหรี่ตาลง หลังจากที่รู้ตัวตนของรพีพงษ์ ความหวาดกลัว ในใจเมื่อกี้ก็หายไปเลยทันที

เขาลุกขึ้นมาจากพื้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ และพูด ว่า: “แม่งฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้คือลูกเขยเศษสวะของศศินัดดาเอง แกนี่มันแน่มากจริงๆ แม้แต่กูก็กล้าตบ ถ้าวันนี้แกไม่คุกเข่าลง ขอโทษฉัน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ!

รพีพงษ์นิ่งไปชั่วครู่ ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากที่บอกตัวตน ของตัวเองออกไป ฆนิกรจะมีความหวาดกลัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะหยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้น

แม้ว่าศศินัดดาจะด่าว่าลูกเขยคนนี้ของเธอต่อหน้านีกรเป็น ร้อยๆครั้ง แต่ว่าในสายตาของศศินัดดา ต่อให้รพีพงษ์เก่งกาจ แค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่ตัวซวย

รวมทั้งส่วนลึกหัวใจของศศินัดดาไม่เต็มใจที่จะยกย่องพ พงษ์ ดังนั้นสิ่งที่บอกกับมนีกรคือที่ผ่านมาคือรพีพงษ์เศษสวะแค่ ไหน ไร้ประโยชน์แค่ไหน ไม่เคยพูดถึงสถานะปัจจุบันที่รพีพงษ์ อยู่ในเมืองริเวอร์

แล้วฆนีกรก็เป็นคนต่างถิ่น สำหรับการกระทำของรพีพงษ์ก็ไม่ เคยได้ยินมาก่อน ภาพในหัวที่เขามาต่อรพีพงษ์ ก็ฟังมาจากศ นัดดาทั้งหมด

ดังนั้นรพีพงษ์ในความคิดของผนึกร ก็ยังคงเป็นแค่เศษสวะที่

ทําได้เพียงซักผ้าทําอาหาร

รพีพงษ์ไม่สนใจท่าทีของมนีกรที่มีต่อตัวเอง ท้ายที่สุดไม่ว่า ท่าทีของเขาจะเป็นอย่างไร ผลสุดท้ายก็เหมือนกัน

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน คุณหลอกเอาเงินของศศิ นัดดาไป ยังเหลือเท่าไหร่ รพีพงษ์ถามอีกครั้ง

“แกแม่งปากเสีย ใช่มั้ย ใครหลอกเอาเงินของหล่อน นั้นคือ หล่อนสมัครใจลงทุนเอง!”นักรพูดอย่างมั่นใจ

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าเขาพูดแบบนี้ ก็บีบคอของเขา พูดอย่างเย็น ชา: “แกอยากตายมากใช่มั้ย?”
ใบหน้าของกรแดงขึ้นทันที และก็ดิ้นรนไม่หยุด

ในเวลานี้ผู้คุมกาลิโนเดินมาพร้อมกับนักเลงร่างสูงกล้ามใหญ่ หลายคน และยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์

“เพื่อน แกจะเอายังไงกันแน่? มาสร้างปัญหาที่กาสิโนของ พวกเรา ไม่ได้เอาคนที่นี่ของพวกเราไว้ในสายตาเลยใช่มั้ย? บุคคลที่รับผิดพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่รพีพงษ์

หลายวันมาฆนีกรสูญเสียเงินไปเกือบสิบล้าน ในกาสิโนของ พวกเขา เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่แท้จริงของพวกเขา ตอนนี้ ลูกค้ากำลังเดือดร้อน แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องออกมาช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นจากนี้ไปก็จะไม่มีใครที่ใจกว้างมาส่งเงินให้พวกเขาที่ กาสิโนแบบนี้อีก

รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่ผู้คุม และพูดอย่างเย็นซาว่า “ไม่ อยากตายก็รีบไสหัวออกไปซะ

ทันใดนั้นผู้คุมก็โกรธขึ้นมา ไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าที่ จะหยิ่งผยอง ก็จะให้คนของตัวเองลงมือกับรพีพงษ์ทันที

นีกรก็จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างโหดเหี้ยม กัดฟันพูดว่า “แกแม่ง…….ปล่อยกู กูเป็นลูกค้าวีไอพีที่นี่ ถ้าแกยังมีปัญหากับ ฉันอีก คนของกาสิโนไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่!”

ในขณะนี้ มีคนในฝูงชนเดินเข้าไปหาผู้คุม และกระซิบข้างหู ของเขาว่า: “คนคนนี้คือรพีพงษ์นะ ฉันเตือนคุณทางที่ดีอย่าง เรื่องกับเขาดีกว่า ไม่อย่างนั้นคำพูดของเขาคำเดียว กาสิโนของ พวกคุณก็จบเห่แน่”
สีหน้าของผู้คุมก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาก็เคยได้ยินชื่อ ของรพีพงษ์มาก่อน บอสใหญ่ของเมืองริเวอร์ อยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ ต้องทําตัวดีๆ เขาเป็นเพียงผู้คุมกาสิโน จะไปมีเรื่องกับคนใหญ่ โตแบบนี้ได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถเป็นผู้คุมกาสิโนได้ ยังต้องพึ่งพา ญาติตัวเองที่ตามติดธฤตญาณมา นี่ถ้าธฤตญาณรู้ว่าเขากล้า พูดจาแบบนี้กับรพีพงษ์ เขาและญาติคนนั้นคงจะจบเห่แน่

เมื่อตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาผู้คุมจึงห้ามลูกน้องที่ อยู่ข้างหลังทันที จากนั้นเดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ และพูด ขอโทษ: “พี่ ผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินพี่ ผมจะพาคนเหล่านี้ ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ยุ่งเรื่องนี้ด้วยเด็ดขาด กาสิโนนี้พี่อยากทำอะไร ก็ทําไปเถอะ ต่อให้จะพังยับเยินก็ไม่เป็นไร ขอให้พี่เล่นอย่างมี ความสุขนะพี่”

หลังจากพูดจบ ผู้คุมก็พาพวกนักเลงทั้งหลายจากไปโดยไม่ หันกลับมามอง เพราะกลัวว่าตัวเองออกไปช้า จะถูกรพีพงษ์ตบ หนึ่งทีเดียวตายห่า

ตอนแรกคิดว่าจะมีคนในกาสิโนมาช่วยตัวเอง ฆนิกรที่วันนี้ ตัวเองคงจะไม่เป็นอะไรแน่ๆได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็ตกตะลึงทันที

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องกลัวเศษสวะนี้ด้วย และ ปากยังคงตะโกนอย่างคลุมเครือ

มองดูคนของกาสิโนจากไป รพีพงษ์ก็ไม่ได้ถือสาเอาความ พวกเขา ตอนนี้กันความโกรธทั้งหมด
มองดูฆนิกรที่เกือบจะถูกตัวเองบีบคอตาย รพีพงษ์ปล่อยมือ ตัวเองออก และพูดว่า “ฉันไม่สนว่าแกหลอกเอาเงินศศินัดดาไป เท่าไหร่ ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกแค่ครั้งเดียว แกตามฉันไป อธิบายตรงหน้าศศินัดดาให้ชัดเจนว่าตกลงแกเป็นคนยังไง ทำให้หล่อนรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน ฉันก็สามารถไว้ชีวิตแกได้ ไม่ อย่างนั้น เทพเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้

มนึกรยังไม่รู้ตัวกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญในตอนนี้ ในความคิดของเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่เศษสวะ ไม่มีสิทธิ์มาพูดจา แบบนี้กับตัวเอง

เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าวกัดฟันแล้วพูดว่า “แกแม่งอย่า คิดว่าแค่แรงเยอะกว่าฉันก็จะกลัว จะบอกแกให้ฉันอยู่ที่นี่มีเส้น สายอยู่ แกเชื่อหรือไม่ฉันโทรศัพท์แค่สายเดียวเรียกลูกน้องมา แกให้ตาย!”

รพีพงษ์รู้สึกขบขันกับคำพูดของมนีกร เขารู้ดี ถ้าหากว่าไม่ทำ ให้ผนึกรเห็นความสามารถของตัวเอง เขาผู้ชายคนนี้ก็จะดื้อรั้น เหมือนกับศศินัดดา

ได้ ถ้าอย่างนั้นแกก็เรียกมาเถอะ”รพีพงษ์กล่าว

นีกรหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา ด่าไปพูดไป และ หลังจากวางสาย ก็จ้องไปรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ถ้าแกแน่จริงแกก็ รอดูได้เลย เดี๋ยวคนของฉันก็มาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นแกอย่าหวาด กลัวจนฉี่ราดใส่กางเกงล่ะ!”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย หาเก้าอี้ มานั่งลง และถามว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉันก็เรียกคนมาหน่อยดีกว่า แกก็ไม่รังเกียจใช่มั้ย?”

นักรเบะปาก หัวเราะเยาะพูดว่า: “แกแม่งก็แค่เศษสวะ จะ เรียกคนอะไรมาได้ แกเรียกได้ตามใจชอบ ถึงยังไงเรียกมาก็ คงจะเศษสวะแบบเดียวกันกับแก สำหรับฉันแล้วไม่มีภัยใดๆ

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาธฤต

ญาณ

“เรียกลูกน้องมาที่กาสิโนถนนวินิกหนึ่งร้อยคน เร็วที่สุด”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ