พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่137 พิสูจน์วัตถุโบราณ



บทที่137 พิสูจน์วัตถุโบราณ

ผู้คนต่างพยักหน้า มอง ไปทางรพีพงษ์

จารุกิตติ์จึงรีบทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้น พูด ว่า”รพีพงษ์ นิสัยคุณผมรู้ดี แต่เรื่องการพิสูจน์วัตถุ โบราณไม่ใช่เรื่องที่คุณจะพูดมั่วได้ ก็อย่าซีซัวะพูด”

รพีพงษ์ยักไหล่ ไม่ยี่หร่า

อารียาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆรพีพงษ์จะเอ่ยปากขึ้น ทำให้เธอนึกถึงงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านฉัตรมงคลใน ตอนนั้น ที่รพีพงษ์มองปราดเดียวก็รู้ว่าภาพที่ธายุกรให้ เป็นของปลอม

กุนลโรจน์กับจารุพิชญ์เบิ่งตาโพลงพร้อมกัน คน อื่นอาจจะคิดว่ารพีพงษ์กำลังพูดจาส่งเดช แต่ว่าทั้งคู่ รู้แก่ใจดีว่ารพีพงษ์พูดไม่ผิดแม้แต่น้อย

จารุพิชญ์มองจารุกิตติอย่างขุ่นเคือง ลูกศิษย์ที่ เขาภาคภูมิใจที่สุด เทียบกับสวะเมืองริเวอร์ไม่ได้ แม้แต่น้อย

“จารุกิตติ้ แกหุบปาก! “จารุพิชญ์ตะโกนด่าทอ จารุกิตติ์ไม่สบอารมณ์ พูดขึ้น”อาจารย์ครับ มัน เป็นแค่สวะนะครับ มีสิทธิ์อะไรมาพูดส่งเดช”

“เขาพูดถูก เป็นเครื่องปั้นดินเผาราชสำนักสมัย เป่ยซ่ง และก็ใช้ในวังด้วย ตามหมู่ชาวบ้านไม่มีหรอก แจกันแบบนี้ แกมันทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ! “จารุพิชญ์พูดเสียงเย็นชา

จารุกิตติ์แสดงสีกหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ารพี

พงษ์จะพูดถูก เขาไม่เข้าใจว่าแค่สวะคนหนึ่ง ทำไมถึงมองประวัติ

ความเป็นมาของแจกันออก เขาเรียนกับจารุพิชญ์มา

ตั้งนาน กว่าจะรู้ประวัติความเป็นมาของแจกันหนึ่งอัน

จารุกิตติ์หันหน้าไปมองกุนลโรจน์ ราวกับอยาก ยืนยันความจริงกับกุนลโรจน์ บางทีอาจารย์ตนเอง อาจจะมองผิดก็ได้

กุนลโรจน์พูดขึ้น”คุณรพีพงษ์สายตาเฉียบคม จริงๆครับ มองปราดเดียวก็รู้ประวัติความเป็นมาของ แจกัน คุณพูดตรงเผ็งเลย แจกันนี้เป็นเครื่องปั้นราชสำ นักสมัยเป่ยซ่ง นักพิสูจน์ก่อนหน้าดูผิดกันไปหลายคน มีแต่คุณกับท่านอาจารย์จางที่ดูออก”

จารุกิตตี้ตกตะลึงในใจ รพีพงษ์กลับพูดถูกต้อง เสียได้

เขากำหมัดแน่น ในใจไม่สบอารมณ์

จะต้องเป็นท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ไว้หน้ารพีพงษ์ แน่ๆ ก็เลยคุยกับเขาไว้ก่อนดิบดี ไม่งั้นสวะอย่างเขา จะดูวัตถุโบราณออกได้ไง

จะต้องกู้หน้ากลับคืนมาให้ได้

เขาหันไปมองจารุพิชญ์ พูดขึ้น”อาจารย์ครับ เมื่อ สีผมประมาทไป ไม่ได้ดูอย่างละเอียด คราวหน้าจะไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้อีกแล้วครับ”

พูดจบ ก็มองไปทางรพีพงษ์ พูดขึ้น”ดูที รพีพงษ์ น่าจะรู้เรื่องโบราณวัตถุ แต่แค่แจกันใบเดียววัดอะไร ไม่ได้ ไม่ทราบว่าเราจะแข่งกันสักตั้งจะได้ไหม ดูสิว่า ใครเก่งกว่ากัน”

จารุพิชญ์ได้ยินคำพูดจารุกิตติ์ จึงเข้าใจความ หมายโดยทันที

แน่นอนว่าเขาต้องเชื่อลูกศิษย์ตัวเองมากกว่า เมื่อ

ก็ที่รพีพงษ์ดูออก อาจจะเป็นความบังเอิญที่เคยเห็น

ก็ได้

ลองให้จารุกิตติ์กับรพีพงษ์แข่งกันดูสักตั้ง กู้หน้า คืนมา ไม่งั้นต่อไปพูดออกไป คนอื่นจะว่าได้ว่าลูกศิษย์ ของจารุพิชญ์สู้สวะคนหนึ่งก็ไม่ได้

“ก็ดีนะ ไหนๆงานเลี้ยงก็ยังไม่เริ่ม ให้พวกเขา ประลองกันสักตั้ง น่าสนุกดี”จารุพิชญ์หัวเราะแล้วพูด กุนลโรจน์มองไปทางรพีพงษ์ ถามขึ้น “คุณรพีพงษ์ ครับ”

รพีพงษ์พยักหน้าพูดขึ้นว่า “งั้นประลองสักตั้งก็ได้ ครับ ไหนๆก็ว่าง” กุนลโรจน์ยิ้มขึ้น พูดว่า “ในเมื่อเป็นแบบนั้น พวก

เรามาดูพวกเขาประลองกันสักตั้งเถอะ เด็กหนุ่ม

ประลองกัน น่าจะสนุกไม่เบา”

จารุกิตติ์รู้สึกประหลาดใจเต็มประดา เมื่อครู่ที่รพีพงษ์อ่านประวัติความเป็นมาของแจกันออกไม่น่าจะ

เพราะเตรียมมาดิบดีกับกุนลโรจน์หรอกมั้ง แต่ทำไม กุนลโรจน์ดูเหมือนจะไม่กลัวว่า รพีพงษ์จะทำขายหน้า เลยแม้แต่น้อย

หรือว่ากุนลโรจน์จะไม่แคร์ว่ารพีพงษ์จะทำขาย หน้าหรือไม่

“ไม่ปิดบัง ตู้โชว์ของผมไปของนี้ วัตถุโบราณทุก ชิ้นไม่ได้เป็นของแท้หมด บางชิ้นเป็น ของก๊อปเกรด เอ มันเหมือนของจริงชนิดที่ว่าแยกไม่ออก ”

“ในเมื่อจะประลองกัน ก็ประลองโดยการหาขอ งก็อปออกมาแล้วกัน ใครหาออกมากได้มากกว่า เป็นผู้ ชนะ ว่าไง”

กุนลโรจน์กล่าว

“แล้วถ้าจำนวนที่เราหาออกมาได้เท่ากันล่ะ

ครับ”จารุกิตติ์ถามขึ้น “ก็มาทดสอบใหม่โดยพิสูจน์วัตถุโบราณ โดยให้ ท่านอาจารย์จางเป็นคนเลือกสิ่งของ ให้พวกคุณ

พิสูจน์”กุนลโรจน์พูดขึ้น

จารุกิตติ์หัวเราะ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาชนะขาดลอย แน่นอน

รพีพงษ์ลุกจากเก้าอี้นั่ง ถามขึ้น”ในเมื่อเป็นการ ประลอง ก็ต้องมีจำกัดระยะเวลาด้วยสิครับ ผมไม่ อยากใช้เวลากับของชิ้นหนึ่งนานเกินไป ไม่งั้นคงได้ตรวจสอบจนถึงสว่าง”

จารุกิตติ์ฟังออกว่ารพีพงษ์เหน็บแนมที่ตนใช้เวลา ในการพิสูจน์สิ่งของนานเกินไป เขาจึงจ้องรพีพงษ์ เขม็ง

“ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มสิบห้า งานเลี้ยงอาหารค่ำ จะเริ่มตอนทุ่มครึ่ง งั้นกำหนดที่สิบนาทีแล้วกัน พวก คุณเขียนรายชื่อของก๊อปที่หาออกมาได้ อีกห้านาทีที่ เหลือเรามาดูผล เป็นไง”กุนลโรจน์กล่าว

“ได้ครับ”จารุกิตติ์ตอบรับทันที

รพีพงษ์พยักหน้าตาม

คนในห้องต่างลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะได้ดูการประลอง ของรพีพงษ์กับจารุกิตติ์ชัดขึ้น

กุนลโรจน์หากระดาษกับปากกาให้คนทั้งคู่ ภาย ใต้สายตาหลายคู่ การประลองจึงเริ่มต้น ขึ้น

สองตาของจารุกิตติ์จ้องเขม็งไปที่วัตถุโบราณ ของตู้โชว์ เนื่องด้วยมีเวลาเพียงสิบนาที แต่ ของโชว์ ในตู้มีจำนวนไม่น้อยเลย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้ เวลากับของชิ้นใดชิ้นหนึ่ง มากเกินไป

อยากจะหาของก๊อปทั้งหมดออกมาในระยะเวลา อันสั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จารุกิตตี้รู้สึกกด ดัน

ต่อให้เป็นจารุพิชญ์ปรมาจารย์ด้านวัตถุโบราณ อันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ ก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะ สามารถหาของก๊อปทั้งหมดออกมาในระยะเวลาเพียงสิบนาที

เวลาช่วงสั้นๆแค่นั้น หน้าผากของจารุกิตติ์เต็มไป

ด้วยเม็ดเหงื่อ

ย้อนกลับไปมองที่รพีพงษ์ เขาเดินดูของในตู้อย่าง สบายอารมณ์ เขาแทบไม่ต้องหยิบ ของในตู้ออกมา

ดูเลย แค่หรี่ตาลง ก็มองออกแล้ว

ทุกคนต่างมองรพีพงษ์ด้วยความตะลึงพรึงเพริด พวกเขาไม่เคยเห็นการพิสูจน์ของ

โบราณด้วยการมองปราดเดียว

คนไม่น้อยคิดว่ารพีพงษ์กำลังวางท่า เขาไม่รู้เรื่อง การพิสูจน์วัตถุโบราณแน่นอน ไม่แน่ว่าเมื่อกี้เขาฉีก หน้าลูกศิษย์ของจารุพิชญ์ไป ตอนนี้อยากจะผูกมิตร กับจารุพิชญ์และจารุกิตตี้ก็เป็นได้ เดาว่าที่ตกลง ประลอง จะได้แพ้ให้แก่จารุกิตติ์ เพื่อที่ครูศิษย์สองคน นี้จะได้ไม่อาฆาตเขา

“เจ้าหนุ่ม การพิสูจน์วัตถุโบราณไม่ได้พิสูจน์กัน แบบนั้น คุณดูเร็วขนาดนี้ ดูไม่ออกหรอกว่าชิ้นไหนจริง ชิ้นไหนปลอม” ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น

“เหอะๆ ผมว่าเขาพิสูจน์ไม่เป็นหรอก แค่วางท่าไป อย่างนั้นเอง”

“นั่นน่ะสิ ถ้าดูลวกๆแบบนี้จะรู้ได้ไงว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม งั้นตาคู่นี้ของเขาก็สุดยอดเกินไปแล้ว ล่ะ”
จารุกิตติ์ได้ยินคนหมู่มากวิพากษ์ จึงหันไปมองรพี พงษ์ เห็นเขาท่าที่ราวกับว่าดูชมไปอย่าง

นั้น จึงแค่นหัวเราะขึ้นมา

“ไอ้สวะนี่ ดูของโบราณไม่เป็นจริงด้วย เสือกยัง

กล้ามาแข่งกับกู ไม่เจียมตัวเลย”จารุกิตติ์พึมพำ เวลาสิบนาทีผ่านไปไวนัก พอถึงเวลากุนลโรจน์จึง ให้ทั้งคู่หยุดลง

“ได้เวลาสิบนาทีแล้ว นำสิ่งที่เขียนมาให้ผม

เถอะ”กุนลโรจน์พูดขึ้น รพีพงษ์กับจารุกิตติ์ทั้งสองคนยื่นกระดาษให้กับ กุนลโรจน์

“รพีพงษ์ ท่าทีสบายอารมณ์ของคุณเมื่อกี้น่ะ เกรง ว่าไม่น่าจะหาของก๊อปได้สักชิ้นมั้ง” จารุกิตติ์พูดขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มให้เขา พูดขึ้น”รอให้ท่านตระกูลกุล สวัสดิ์ประกาศผลดีกว่า เดี๋ยวก็รู้เอง”

จารุกิตติ์แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง ในใจแอบคิดว่า พอผลประกาศออกมา แกยังจะสบาย อารมณ์แบบ นี้ได้อยู่ไหม

กุนลโรจน์เปิดกระดาษของจารุกิตติ์ มองดูแล้วทำ สัญลักษณ์บางอย่างออกมา ยิ้มแล้วพยักหน้าพูดว่า”จา รุกิตติ์ สายตานายไม่เลวเลยทีเดียว ของก๊อปห้าชิ้นที่หาออกมา ถูกต้องหมดทุกชิ้นเลย ท่านอาจารย์จาง ลูก ศิษย์ของคุณไม่ธรรมดาจริงๆ”

จารุกิตติ์ลำพองใจขึ้นมา พูดขึ้นว่า “ท่านตระกูลกุล สวัสดิ์ชมเกินไปแล้ว”

จารุพิชญ์ก็ยิ้มออก สามารถหาของก๊อปออกมาได้ ในเวลาสิบนาที เป็นความสามารถที่ ระดับอาจารย์ ทั่วไปก็แตะไม่ถึงแล้ว เขามองจารุกิตติ์ด้วยความพึงพอใจ พลางคิดว่า

อย่างน้อยเจ้านี่ก็ไม่ทำขายหน้า

หลังจากที่คนทั้งหลายในห้องโถงได้ฟัง ต่างก็ กล่าวชื่นชมจารุกิตติ์กันขึ้นมา จารุกิตติ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ รีบดู

ผลที่รพีพงษ์หาออกมาเถอะครับ”

กุนลโรจน์พยักหน้า หยิบกระดาษรพีพงษ์ขึ้นมา

พูดตามตรง เขาไม่ได้คาดหวังในรพีพงษ์มากนัก แม้ว่ารพีพงษ์จะเป็นคนของตระกูล ลัดดาวัลย์แห่ง เกียวโต แต่ว่าจารุกิตติ์เป็นศิษย์ของจารุพิชญ์ เป็น เรื่องเฉพาะทาง รพีพงษ์ต่อ ให้เก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่น่า จะสู้ผู้เชี่ยวชาญได้หรอก

“ฉันว่านะ เขาไม่น่าจะหาออกมาได้สักชิ้น ดูท่าที่ เขาสำรวจวัตถุโบราณเมื่อกี้ มันเหมือนพิสูจน์วัตถุ โบราณตรงไหน”มีคนพูดขึ้น

กุนลโรจน์เปิดกระดาษของรพีพงษ์ออก หลังจากที่ดูสิ่งของที่เขียนอยู่ด้านใน ไม่กี่วินาทีถัดมา เขาอ้า ปากค้าง ความตะลึงพรึงเพริดฉายเต็มสีหน้า

“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ รพีพงษ์หาได้กี่ชิ้นหรือครับ คงไม่ใช่ว่าหาไม่ได้สักชิ้นนะครับ ตกใจกันเสียขนาด นี้ “จารุกิตติ์ยิ้มแล้วพูด

คนในห้องหัวเราะครืนกันขึ้น

“สิบ..สิบสามชิ้น รพีพงษ์หาออกมาได้สิบสาม ชิ้น”กุนลโรจน์พูดขึ้น

คนที่กำลังหัวเราะอยู่ต่างก็หัวเราะค้าง

ทุกคนมองไปที่กุนลโรจน์ จารุกิตติ์เปิดปากถาม ขึ้น”ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ว่าอะไรนะครับ เขาหาขอ งก๊อป ออกมาได้สิบสามชิ้นเหรอครับ”

กุนลโรจน์พยักหน้า จากนั้นมองไปทางรพีพงษ์ ด้วยความเลื่อมใส

สีหน้าของจารุพิชญ์ดูไม่ได้ขึ้นมาทันที อย่างไร เขาก็ไม่เชื่อ สวะคนหนึ่ง จะหาออกมาได้ มากกว่าลูก ศิษย์เขาได้อย่างไร

“พี่กุนลโรจน์ ของก็อปของคุณ ทั้งหมดมีกี่ ชิ้น”จารุพิชญ์ถามขึ้น

“สิบสามชิ้น” กุนลโรจน์ตอบ

ทุกคนแทบจะหยุดหายใจ คิดไมถึงว่าภายในเวลา สิบนาทีสั้นๆ รพีพงษ์จะหาของก๊อป ออกมาได้ทุกชิ้น
จารุพิชญ์สีหน้าสับสน ต่อให้เป็นเขาก็เถอะ ภายในเวลาสิบนาทีสั้นๆ ให้หาของก๊อปทั้ง หมดออก มา ก็คงเป็นเรื่องยากพอตัว

“รพีพงษ์เป็นอัจฉริยะด้านการพิสูจน์วัตถุโบราณ จริงๆ เมื่อกี้แค่เดินดู ก็หาของก๊อปออกมาได้ทั้งหมด เก่ งกาจจริงๆ”กุนลโรจน์รำพึงรำพัน ในขณะเดียวกันก็ คิดอยู่ในใจว่าคนบ้านตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตไม่ ธรรมดาจริงๆ

“เป็นไปไม่ได้! เขาจะหาของก๊อปออกมาทั้งหมด

ได้ไง พวกคุณจะต้องเตรียมกันมาอย่างดี! “จารุกิตติ์ พูดอย่างมีอารมณ์ จารุพิชญ์สีหน้าเปลี่ยน ตบฉาดใหญ่ลงบนหน้าจา

รุกิตติ์ ด่าทอออกมา”ไอ้ฉิบหาย! พูดส่งเดชอะไร

น่ะ! ”

แม้ว่าจารุพิชญ์เองก็รู้สึกเหลือเชื่อในเรื่องนี้ แต่ เขารู้จักนิสัยกุนลโรจน์ดี ในฐานะประมุข ตระกูล กุลสวัสดิ์ กุนลโรจน์ไม่มีความจำเป็นต้องเตรียมตัว อะไรกับรพีพงษ์

สีหน้าของกุนลโรจน์ดูไม่น่าดูชม พูดเสียงเย็นชา ว่า “ท่านอาจารย์จาง หรือว่าคุณก็คิดว่าผมจะเล่น ตุกติกกับการแข่งขันเล็กๆน้อยๆ พวกคุณจะดูถูกพวก เราตระกูลกุลสวัสดิ์มากไปแล้วนะ”

จารุพิชญ์รีบยิ้มขอโทษ กล่าวว่า”พี่กุนลโรจน์อย่า โกรธเคืองไป ลูกศิษย์ผมสมองมีปัญหาเอง ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน อีกอย่างการประลองนี้จัด แบบกระทันหัน จะมีการทำตุกติกได้ไง”

จารุกิตติ์ถึงได้สงบลง รู้ว่าตัวเองได้พูดในสิ่งที่ไม่ ควรพูดออกไป จึงรู้สึกเสียใจ

“ท่านตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมผิดไปแล้วครับ ผมวู่วาม ไปหน่อย”จารุกิตตี้รีบขอโทษขอโพย

กุนลโรจน์มองจารุกิตติ์อย่างไม่เป็นมิตร จากนั้น จึงหันไปขอโทษรพีพงษ์ “คุณรพีพงษ์ครับ ขอโทษด้วย จริงๆ ถือว่าเป็นการเข้าใจผิดกันนะครับ งานเลี้ยง อาหารค่ำจะเริ่มแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะครับ”

รพีพงษ์พยักหน้า เดินไปดึงมืออารียา

ในตอนที่ออกไป รพีพงษ์มองไปทางจารุพิชญ์กับ จารุกิตติ์ ยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกศิษย์ของคุณคิดว่าผมใช้วิธี สกปรกในการเอาชนะ ถ้าคุณอยากเรียกร้องความ ยุติธรรมให้กับเขา ก็มาแข่งกับผมสักตั้งก็ได้ จะแข่ง อะไรคุณกำหนดเอา คราวนี้ไม่น่าจะถูกสงสัยแล้วล่ะ นะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ