พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่783 เตะให้ตายก็ไม่รับผิดชอบ



บทที่783 เตะให้ตายก็ไม่รับผิดชอบ

ชั่วพริบตา วันประลองก็มาถึง

แต่เวลานี้ไม่มีใครเป็นห่วงเรื่องงานประลองอีกต่อไป ผู้คนต่าง กระวนกระวาย ต่างก็พุ่งสายตามาจับ

จ้องรพีพงษ์ ทุกคนต่างอยากเห็นว่ารพีพงษ์จะท้าทายวงการ แห่งหัวเซียอย่างไร

โรงยิมธารไนน์ เป็นสถานที่จัดงานประลอง

บัดนี้ในห้องมีเวทีต่อออกมาเวทีหนึ่ง เมื่อคิดถึงอำนาจทําลาย ล้างของเหล่าปรมาจารย์ ในตอนทีรพีพงษ์ให้คนต่อเวที จึงได้หา เหล็กชนิดพิเศษมาไว้ ต่อทั้งเวทีให้กลายเป็นโครงสร้างเหล็ก เพื่อป้องกัน

เวทีล้มขณะการประลอง

ชั้นที่สองของสนามกีฬา มีเวทีอยู่เวทีหนึ่ง เป็นเวทีประลองที่ ห้าตระกูลใหญ่จัดตั้งขึ้น

หากแต่ตอนนี้ชั้นที่สองไม่มีคน ทุกคนจึงมารวมตัวกันที่ชั้น หนึ่ง รอการปะทะกับรพีพงษ์

โรงยิมธารไนน์เป็นสนามกีฬาทางการค้าที่ขึ้นชื่อของเมืองเกีย วโต ด้านในคิดออกเลยว่าคงจะใหญ่แค่ไหน เพียงแค่ชั้นแรกก็ สามารถจุผู้ชมได้ถึงสองหมื่นคนแล้ว
สนามกีฬา นหนึ่งผู้คนแน่นขนัด ไม่มีที่นั่งหลงเหลือสักที ทาง ระบายออกต่างๆก็ท่วมไปด้วยน้ำ หลายคนที่ซื้อตั๋วไม่ได้ต่างก็ อยากจะเบียดเข้ามาดูการประลองของรพีพงษ์

อย่างไรเสียเหตุกาณ์แบบนี้ใช่ว่าหลายๆปีจะเห็นกันได้ง่ายๆ หลายๆคนจึงไม่อยากพลาด

คนห้าตระกูลใหญ่ต่างก็นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เวทีมากที่สุด

รอจนรพีพงษ์ปรากฏตัว

ฉายสุดานั่งอยู่ในตำแหน่งตนเอง มองดูสีหน้าของคนรอบๆ ใบหน้าไม่ปรากฏรอยยิ้มแม้เพียงน้อย

แม้ว่าเรื่องแขนของบดีควรจะทำให้เธอตกใจ แต่ว่าในใจเธอ รพีพงษ์ก็ยังคงไม่มีสิทธิ์ท้าทายวงการแห่งหัวเสียอยู่ดี

“ไม่รู้ว่ารอบนี้รพีพงษ์จะทนได้สักเท่าไหร่ ที่จะไปต่อกรกับ

ปรมาจารย์ทั้งหลายของวงการแห่งหัวเซียแค่ความกล้าแบบนี้

ก็ทําให้คนเลื่อมใสได้แล้ว”ผู้ชมที่นั่งข้างฉายสุดาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ก็จริงนะ ตอนที่บ้านลัดดาวัลย์จัดงานเลี้ยง ฉันก็อยู่วันนั้น ตอนที่รพีพงษ์ปะทะฝีมือ ทำให้ฉันเห็นถึงศักยภาพของรพีพงษ์ ที่ จริงรพีพงษ์เก่งมากเลยนะ ต่อให้เขาเอาชนะคนในทั้งวงการหัว เซียไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังยืนกรานได้นาน อีกคนเปิดปาก พูด

พอฉายสุดาได้ฟังคำสนทนา จึงรีบเบ้ปาก พูดขึ้น“ถ้าพวกคุณ คิดแบบนี้ งั้นก็ดูแคลนวงการหัวเซียมากไปหน่อยแล้ว รพีพงษ์ เก่งกาจก็จริง แต่ว่าถ้าทั้งวงการรวมตัวกัน เขายังห่างไกลนัก
“อย่างนั้นเหรอ สาวน้อยรู้เรื่องราวดีนะ หรือว่าเป็นสมาชิก วงการ”คนๆนั้นยิ้มถาม

ฉายสุดาเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนง พูดว่า “แต่ว่าหนูเป็นลูก หลานสกุลวัชรชัยหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ วิทยายุทธของคุณปู่ ไม่อ่อน อีกไม่กี่ปี ฉันยืนยันว่าเก่งกาจว่ารพีพงษ์แน่นอน

สองคนนั้นได้ยินคำพูดฉายสุดาจึงรู้สึกขนลุก ช่วงนี้พวกเขา เองก็ได้ยินเรื่องราวของห้าตระกูลใหญ่มาไม่น้อย รู้ว่าห้าตระกูล ใหญ่ค่อนข้างเก่งกาจ ดังนั้นจึงไม่กล้าดูแคลนฉายสุดา

ผ่านไปไม่นาน เงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ทางเข้าสนามกีฬา ทุกคน ต่างโห่เสียงต้อนรับ

รพีพงษ์ย่างเท้าเข้า พริบตาก็มาหยุดตรงหน้าเวที เขากระโดด เบาๆ ก็มาตกอยู่หน้าเวที

คนที่เห็นรพีพงษ์ชัดๆก็มีเพียงประมุขของห้าตระกูลใหญ่ไม่กี่ คน ที่เหลือก็เห็นเพียงรพีพงษ์ปรากฏกายขึ้นตรงทางเข้า จากนั้น จึงขึ้นมาอยู่บนเวที

“หึ ก็แค่ฝีมือเล็กๆ ฉันว่าตานี่นอกจากอวดอ้างเล็กๆน้อยๆ ก็ ไม่ได้มีปัญญาอะไรมากมายประมุกตระกูลตะกั่วทุ่งพูดออกมา อย่างดูแคลน

ส่วนประมุกคนอื่นต่างก็ไม่ได้เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา พวก เขาได้กลายเป็นประมุขของห้าตระกูล

ใหญ่ ต่างก็มีความลำพองใจของตนเอง แม้ว่ารพีพงษ์จะเคยมีประวัติฆ่าจิรภาส แต่พวกเขาไม่คิดว่า รพีพงษ์จะประลองชนะ พวกเขา

มีเพียงบดีควรคนเดียวเท่านั้นที่เงียบในตอนนี้ หลังจากที่ได้ สัมผัสถึงศักยภาพของรพีพงษ์ในวันนั้น เขายิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ กล้าสู้รบกับรพีพงษ์ตัวต่อตัว สำหรับเขาแล้ว การที่จะกำจัดร พงษ์ได้ จะต้องเป็นห้าตระกูลใหญ่รวมตัวกัน

หลังจากที่รพีพงษ์ลงจากเวที กวาดตาไปรอบๆ ตะโกนว่า “วัน นี้ ผมรพีพงษ์ขอลงจากเวที ขอท้าประลองกับยอดฝีมือวงการ แห่งหัวเซียทุกท่าน วันนี้ทุกคนที่อยู่ในงาน กระผมขอเรียนรู้ฝีมือ ด้วย ผมรพีพงษ์ จะไม่ลงจากเวที จนกว่าจะชนะ! ”

“ขอคําชี้แนะจากยอดฝีมือทุกท่าน! ”

รพีพงษ์เอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องจากนักรบชุดโบราณ กึกก้องมากมาย พวกเขาไม่ได้สังเกตว่าพวกเขาไม่เคยได้เห็น ฝีมือรพีพงษ์ จึงคิดว่าชื่อเสียงรพีพงษ์นั้นเป็นการโม้ทั้งเพ

ไม่นานนัก คนแขนกำยำคนหนึ่งกระโดดขึ้นเวที จ้องมองรพี พงษ์ด้วยแววตาดุดัน สีหน้าไม่สบอารมณ์”หุ่นบางๆแบบนี้เหรอ กล้าที่จะท้าทายวงการแห่งหัวเซีย วันนี้ขอลองดูฝีมือสักตั้ง

“หวังว่าคำท้าทาย จะจบลงตั้งแต่เริ่ม!

พูดจบ สองหมัดปะทะกัน กล้ามเนื้อแขนปะทุ ให้ความรู้สึก จู่โจมแก่ผู้พบเห็น

ทุกคนต่างมองทั้งคู่บนเวทีด้วยสายตาที่คาดหวัง ทุกคนต่างรู้สึกพวกเขากําลังจะต่อสู้กันอย่างดุ

เดือด

“คนแข็งแรงเหลือเกิน รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าเขาลงมา พงษ์อาจแหลกเป็นผง คงอะไรๆ ให้กันคราวนี้ทั่วไปต่างแบบนี้ ในตอนพวกเขารู้ตัว เหมือนเก่งกาจ คงเก่งกาจจริงๆ

ทาพุ่งทางรพีพงษ์ แล้วทุบไปทางรพีพงษ์แรง

รพีพงษ์จองพวกเขาเขม็ง ยกเท้าขึ้น แล้วกระโดดขึ้นไปบนเวที การทุกคนรอคอยยังไม่ปรากฏ คนที่ขึ้นเวทีโดนรพีพงษ์เสียหมอบ

สนามกีฬาเงียบลงโดยพลัน

รพีพงษ์เสียงเบาพูดขึ้นเพื่อเลี่ยงการเสียเวลา ให้คนปรมาจารย์ขึ้นเวทีแล้วกัน อย่างนั้นถ้าโดนผมเตะไม่รับผิดชอบ”

เดิมพวกลูกศิษย์ที่มั่นใจนักหนาพอเห็นความเก่งกาจของพงษ์ จึงคิดขึ้นเวที

ทาตฤที่ขึ้นเมื่อครู่ เป็นยอดฝีมือมีพลังสามารถนี้ผูกรพีพงษ์กระเด็น

เห็นได้ว่ารพีพวกที่ระดับฝีมือต่ำกว่าปรมาจารย์ต่างตกใจไปทั่ว ทำให้คนอดอุทานอย่างตกใจไม่ได้

พอสั่งสอนคนไปคนหนึ่ง คนอื่นๆ ที่อยากท้าทายรพีพงษ์ต่างก็ สงบไป จากนั้นคนที่ขึ้นเวทีไม่มีคนไหนที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ พวกเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้รพีพงษ์ บนเวที ในมุมหนึ่ง คนสวมชุดคนหนึ่ง สวมหมวกอยู่บนหัว คนที่ปกคลุมร่างกายพวกนี้กำลังจ้อง

เขม็งขึ้นมาบนเวที

คนๆที่มีกลิ่นยาแผกําจายออกมา คนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็รู้ สึกแปลกๆ แต่เห็นคนๆนี้ดูลึกลับ ก็ไม่รู้ว่าทำอะไร เลยไม่กล้าพูด อะไรมาก

เมื่อการต่อสู้กับรพีพงษ์สิ้นสุด ชายเสื้อคลุมดำจึงหัวเราะขึ้น

“เป็นอัจฉริยะที่หาตัวได้ยาก อัจฉริยะระดับนี้ ดูแล้วน่าอิจฉาจัง น่าเสียดาย เวลาของแกไม่มากแล้ว จะอัจฉริยะแค่ไหน เดี๋ยวเงา หัวก็หาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ