พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่410 หากชาติหน้ามีจริง



บทที่410 หากชาติหน้ามีจริง

ครองอาตมได้ยินเสียงจากปลายทาง ก็แข็งทื่อทันใด รู้สึก มึนงง ราวกับเป็นท่อนไม้ไปแล้ว แข็งที่ออยู่นานแสนนาน

“พ่อ พ่อ……พ่อไม่ได้ล้อเล่นผมใช่ไหม ตระกูลของเราเป็น ตระกูลรองของเมืองเกียวโต ทำไมโดนทำลายง่ายแบบนิ้ว ไม่นาน ครองอาตมถามต่ออีก

“มึงไม่เข้าใจตระกูลลัดดาวัลย์กับหอการค้าสมนหรอ?

ตามหน้าพวกเขา ตระกูลพงศ์บุณยภาเป็นแค่มดตัวหนึ่ง มอบทรัพย์สินของตระกูลให้เค้าอาจไม่ต้องการ จึงนี่สิ กลับ ทำผิดต่อสองตระกูลเลยเสียอย่างนั้น จึงไม่ต้องกลับมาอีก จากนี้ไป กูไม่มีลูกชายอย่างยิ่ง

หลังจากเสียงเกรี้ยวกราดเงียบ สายถูกตัดไปแล้วนั้น ครองอาตมได้แต่มองไปข้างหน้า ไม่ได้จับมือถือในมือไว้ แน่นๆ จึงทำให้มันหล่นลงไป

“คุณหนูหอการค้าสมน, คนของตระกูลลัดดาวัลย์ นี่มัน เมืองริเวอร์ไม่ใช่หรอ? นี่มันก็แค่เมืองเล็กๆไม่ใช่หรอ ทำไม ถึงได้มีคนแบบนี้อยู่?”

ครองอาตม์พูดกับตัวเอง แล้วหันไปดูรพีพงษ์และจารุณี กลืนน้ำลายลง แล้วตัวสั่นไปด้วยความกลัว
คนที่อยู่รอบๆ ให้ปฏิกิริยาของครองอาตม์แล้ว ก็ไม่ได้ ตกใจอะไรมากนัก พวกเขาคิดว่า การที่หาเรื่องรพีพงษ์ ไม่มี ทางที่จะจบโดยดี แม้ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ทำอะไรกับครองอาตม แต่ต้องเป็นสิ่งที่กระทบกับเขาอย่างมากแน่นอน

ต่อมา ครองอาตม์คุกเข่าลง มองไปที่รพีพงษ์อย่างเสียใจ แล้วอ้อนวอน “พี่ชาย ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดปล่อยตระกูลผม ไปเถอะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่พูดกับพี่สาวคนนั้น ไม่ดีเท่านั้นเอง ผมยโสโอหังจริง คุณลงโทษผมก็ได้ ไม่เห็น ต้องทำลายตระกูลของผมเลย ตระกูลของพวกเรามาถึงนี้ได้ งั้นไม่ง่ายเลย ผมไม่อยากให้มันพังในมือของผม

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของครองอาตม์แล้วนั้น ก็ ตกใจ มองไปที่รพีพงษ์อย่างตะลึง เกิดเป็นความหวาดกลัว ขึ้นมาในใจ

เมื่อพวกเขาเห็นแค่รพีพงษ์คุยโทรศัพท์ ไม่ได้ยินว่าร พงษ์พูดว่าอะไร ตอนนี้ครองอาตม์คุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าร พงษ์ พวกเขาเพิ่งจะได้รับรู้ว่ารพีพงษ์ได้ทำลายตระกูลพงศ์ บุญยภาแล้ว

“พระเจ้า นี่มันเจ๋งเกินไปหรือเปล่าเนี่ย แค่โทรหา ตระกูล พงศ์บุญยภา โดยกวาดล้างเลยหรอ?”

….นี่มันแม่งเจ๋งสัดๆ เมื่อคนนี้พูดว่าเขาเป็นคุณชาย ของตระกูลรองแห่งเมืองเกียวโตไม่ใช่หรอ หรือแค่รพีพงษ์โทรหา ก็สามารถกวาดล้างตระกูลได้เลยหรอ?”

“ถ้าตระกูลพงศ์บุญยภาอยู่เมืองริเวอร์ล่ะก็ ต้องเก่งกว่า ตระกูลสุขสวัสดิ์แน่เลย? รพีพงษ์แค่พูดว่ากวาดล้าง กวาดล้างเลยหรอเนี่ย? เท่ห์เกินไปแล้ว!

“ไม่แปลกที่ตระกูลสุขสวัสดิ์เคารพรพีพงษ์ขนาดนี้ ดูๆแล้ว ความสัมพันธ์ของรพีพงษ์กับตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ธรรมดา เลยนะ แค่สายเดียวก็ทำลายตระกูลพงศ์บุญยภาได้เลยนะ หรือเขาจะเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์

ทุกคนทั้งตะลึง ทั้งแปลกใจ ล้วนอยากรู้ความสัมพันธ์ ระหว่างรพีพงษ์และตระกูลลัดดาวัลย์ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ คนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่าเขาคือทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์

ถ้าพวกเขารู้ว่ารพีพงษ์คือนายใหญ่คนปัจจุบันของตระกูล ลัดดาวัลย์แล้วล่ะก็ เกรงว่าจะตกใจจนอ้าปากค้างกันเลยที เดียว

“กูเคยให้โอกาสถึงแล้ว เสียดายถึงไม่รับไว้บนโลกนี้ ไม่มียาแก้ความเสียใจ จึงเลือกทางเดินเอง งั้นก็ต้องยอมรับ ผลของมัน” รพีพงษ์พูดกับครองอาตม์แย่างเยือกเย็น

ครองอาตย์สงสัย ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ได้เคยให้โอกาสตนตอน ไหน ไม่นาน เขาก็นึกขึ้นได้ ตอนที่รพีพงษ์เพิ่งมาถึง ให้เขา ขอโทษผู้หญิงคนนั้น
เขาเสียใจขึ้นมาทันที ถ้าตอนนั้นขอโทษเลยล่ะก็ ก็ไม่มี ปัญหาตามมามากมายขนาดนี้แล้ว

ครองอาต ใจแทบจะสลาย เขายอมรับว่าปกติตนเอง ค่อนข้างเจ้าสําราญ แต่คุณชายคุณหนูเหล่านั้นของเกียวโต มีใครบ้างที่ใจเย็น แต่เหมือนกับเขา เพราะคำพูดไม่กี่คำ ก็ ทำให้ตระกูลพังลงกับมือ

เขาอ้อนวอนรพีพงษ์อีกครั้ง รพีพงษ์ไม่สนใจเขาแม้แต่ น้อย ตอนนี้เขาคิดมากเหลือเกินว่าจะทําอย่างไรให้จารณียก โทษให้ตน จึงไม่มีกะจิตกะใจฟังการพรรณนาของครองอา

เขาเกินไปที่จารุณี รวบรวมคำพูด อยากจะขอโทษจารุณี

อย่างเป็นทางการ

“นี ผม……………”

จารุณีหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมา แล้วสาดไปที่หน้าของร

พงษ์

ใครคือนีของแก ไอ้ลามก เราสนิทกันหรอ?”

ทําเสร็จ จารุณีก็เดินออกจากบาร์ไป

เสื้อผ้าและใบหน้าของรพีพงษ์เปียกปอนไปหมด แม้จะ อับอาย แต่เขาก็ไม่ได้โกรธจารุณี ตอนนี้ไม่ว่าจารุณีจะทำ อะไรเขา เขาก็ไม่มีทางโกรธ เขาคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องรับให้ได้

ทุกคนมองไปที่เหตุการณ์นั้น ล้วนรู้สึกเหมือนในรายการ ทีวี คนจํานวนไม่น้อยหยิบมือถือขึ้นมา แล้วอัดคลิปตอนนั้น เอาไว้

ตอนนี้รพีพงษ์เหมือนชายผู้ต้อยต่ำกำลังตามจีบจารุณีอยู่ แต่จารุณีกลับไม่รู้สึกใดๆต่อรพีพงษ์ แล้วยังสาดเหล้าไปบน ตัวเขาอีก

รพีพงษ์สูดหายใจเข้า ไม่นาน ก็เดินตามไป ตอนนี้จารุณี ดื่มมากขนาดนั้น เดินบนถนนคนเดียว อันตรายเป็นอย่าง

มาก

ธฤตญาณเห็นครองอาตม์ที่คุกเข่าลงกับพื้น ก็รีบตามไป

ถนนด้านนอกของบาร์ จารุณีเดินเซไปเซมาไปข้างหน้า ดู เหมือนจะล้มได้ทุกเวลา

รพีพงษ์กลัวว่าเธอจะล้ม รีบตามไปพยุงตัวไว้

จารุณีผลักเขาออก แล้วตะคอก “แกไสหัวไปซะ! จับตัวฉัน ทําไม!!

“แบบนี้คุณจะล้มเอาได้นะ” รพีพงษ์กล่าว

“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เดี๋ยวถึงตอนนั้นแกก็จะว่าฉันอีกว่า เสแสร้งให้ดูน่าสงสาร!” จารุณีตะคอก
รพีพงษ์ค่อนข้างเบื่อหน่าย รู้ว่าคำพูดในวันนั้น ทำให้จา รุณีเจ็บใจจริงๆ

“ผมไปส่งคุณนะ คุณอยู่คนเดียวอันตรายเกินไป แล้วยัง ดื่มเยอะขนาดนี้อีก โดนลมพัดจะไม่สบายได้นะ” รพีพงษ์ กล่าว

“เรามีความสัมพันธ์กันด้วยหรอ ฉันไม่สบายก็ไม่ใช่ธุระ อะไรของแก” จารุณีเดินไปข้างหน้าต่อ

“นี พอได้แล้ว เรื่องนั้นผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ ผมไปส่ง คุณ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปผมจะชดเชยให้คุณเอง” รพีพงษ์เดือน ไปด้านหน้า ดึงเสื้อของจารุณีไว้ แล้วหันหน้าไปเรียกรถ

“แกจะชดเชยให้ฉันหรอ? ได้ เพียงแค่คืนนี้แกกลับไปกับ ฉัน แกนอนกอดฉัน แล้วฉันจะยกโทษให้ แล้วฉันรับรองว่า จะไม่โกรธแกอีก และจะไม่มีทางมาบาร์คนเดียวอีกต่อไป ฉัน จะเชื่อฟังคุณ ชาตินี้จะรักแค่คุณคนเดียว” จารุณีเงยหน้าขึ้น มา นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา มองออกว่าเธอกำลังพูดกับพี พงษ์อย่างตั้งใจ

รพีพงษ์ชะงัก มือที่จับจารุณีอยู่นั้นก็ปล่อยลง ถึงแม้เขาจะ รู้สึกผิดต่อจารุณี อยากจะชดเชยให้เธอ แต่ไม่ใช่ใช้วิธี ชดเชยแบบนี้ ทำแบบนี้ ก็เหมือนกับทำผิดต่ออารียา

จารุณีเห็นการกระทําของรพีพงษ์ ก็เข้าใจความหมายเขา ในทันที เธอรู้สึกผิดหวัง พูดให้ถูกคือสิ้นหวัง
เธอพยักหน้าให้รพีพงษ์ น้ำตาที่อยู่ในตากลั่นไม่ไหวจึง ไหลออกมา จากนั้นก็เดินต่อไป แขนทั้งสองกอดอกเอาไว้

ยังเดินไปไม่ถึงสองก้าว จารุณีก็ชะงัก แล้วล้มไปด้านหน้า

รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็รีบเดินไป พยุงจารุณีขึ้นจากพื้น เห็น เธอเป็นลมไป

รพีพงษ์หันไปมองธฤตญาณ แล้วกล่าว “รีบไปเรียกรถมา ธฤตญาณรีบขวางรถคันหนึ่งไว้ รพีพงษ์อุ้มจารุณีขึ้นรถ พูดกับคนขับรถว่าไปที่คอนโดที่จารุณีพักอยู่

ไม่นาน ก็มาถึงคอนโด รพีพงษ์อุ้มจารุณีขึ้นไป พาเธอไป นอนบนเตียงในห้อง

แม้จารุณีจะเป็นลมไป แต่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล ริมฝีปาก ก็ขยับไม่หยุด

“รพีพงษ์ อย่าไปจากฉันได้ไหม ไม่มีคุณ ฉันอยู่ไปก็ไม่มี ความหมาย ฉันอยากอยู่กับคุณ คุณสัญญากับฉันนะ ได้ ไหม”

จารุณีพูดอย่างอื่นๆ หลังจากที่รพีพงษ์มั่นใจแล้วว่าเธอ ละเมอ ก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“ถ้าชาติหน้ามีจริง หวังว่าคุณจะเจอผมเร็วกว่านี้ ผมจะ ทําให้คุณพอใจ ชาตินี้ผมทำได้เพียงขอโทษเท่านั้น” รพีพงษ์ มองไปที่จารุณีแล้วกล่าว
ชาตินี้มีหลายอย่างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่มีทางแก้ไขได้ ในใจของรพีพงษ์มีแต่อารียา สิ่งที่ทำได้ ก็แค่เพียงคิดกับจา รุณีเป็นน้องสาวเท่านั้น

หลังจากที่จารุณีนอนอยู่บนเตียงอยู่สักพักใหญ่ ตัวที่ ขมวดได้คลายลง แลดูเหมือนหลับลึกแล้ว

แน่ใจแล้วว่าจารุณีไม่มีปัญหาอะไรอีก เขาจึงได้วางแก้ว น้ำไว้ที่หัวเตียง จากนั้นก็ปิดไฟ ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

หลังจากที่ออกจากคอนโดแล้วนั้น รพีพงษ์ให้ธฤตญาณ จัดคนมาเฝ้าดูสถานการณ์ที่นี่ไว้ ถ้าจารุณีมีอะไรเปลี่ยนไป ให้บอกเขาในทันที

หลังจากที่มาเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว รพีพงษ์เพิ่งกลับถึง ชุมชนค่าแหง เมื่อถึงบ้าน

อารียาเห็นรพีพงษ์กลับมา ก็รีบมารับ ถามรพีพงษ์ว่าไม่อยู่ บ้านทั้งวัน ไปไหนมา

รพีพงษ์ยิ้มกับอารียาอย่างฝืนยิ้ม แล้วบอกว่ามีปัญหานิด หน่อย เขาไม่ได้เล่าเรื่องของจารุณีให้อารียาฟัง กลัวว่าจะ กระทบกับเธอ

อารียาไม่ได้ถามอะไรมาก พยักหน้าให้รพีพงษ์ แล้วไป หยิบรองเท้าให้รพีพงษ์

ตอนที่เธอหันหลังไปนั้น สายตาเธอผิดหวัง เธอได้กลิ่นน้ำหอมบางๆบนตัวของรพีพงษ์ กลิ่นนี้เป็นกลิ่นของผู้หญิง แต่ทว่ารพีพงษ์กลับไม่ได้อธิบายให้เธอฟัง

เธอรู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ แต่รพีพงษ์ไม่ อยากเล่าเรื่องนี้ ให้เธอฟัง นั่นหมายถึงรพีพงษ์กำลังกังวล เรื่องนี้อยู่

ตอนนอน ทั้งสองนอนบนเตียง แม้จะปิดไฟ แต่ทั้งสองก็ยัง คงลืมตาอยู่ จ้องไปที่เพดาน คิดในเรื่องของตัวเอง

ไม่นาน ทั้งคู่ก็ตะโกนชื่อของอีกฝ่ายออกมา

“รพีพงษ์”

“อารี”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ