พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 649 ในหุบเขาไม่รู้วันเวลา



บทที่ 649 ในหุบเขาไม่รู้วันเวลา

ในหุบเขาไม่รู้วันเวลา วันเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ ใหนแล้ว

สัปดาห์แรกที่รพีพงษ์มาถึงหุบเขาแห่งนี้ เขาได้เริ่มฝึกวิชา หายใจออก และสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการฝึก วิชาหายใจออก

ตามที่อาจารย์บอก ต้องใช้เวลาสามเดือนสำหรับผู้ที่ พรสวรรค์เป็นเลิศในการฝึกฝนวิชาหายใจออก ถึงจะรับรู้ถึงวิชา กําลังภายใน

แต่รพีพงษ์ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ในการฝึกฝนวิชาหายใจ ออก ความรวดเร็ว ทำให้อาจารย์ตกตะลึง ในขณะเดียวกันเขา ก็มีความเชื่อมั่นว่าผู้ที่มีกำลังภายนอกเป็นเลิศ เมื่อมาฝึกกำลัง ภายในจะได้รับผลเป็นทวีคูณ

มาถึงหุบเขาในเดือนแรก เวทัสไม่สบอารมณ์กับการที่ฝนสุดา เอาแต่เดินตามรพีพงษ์ต้อยๆ มันทำให้เขาหงุดหงิดไปหมด และ เอาแต่พูดว่ารพีพงษ์ไม่เหมาะกับนางฟ้าแบบฝนสุดา พวกลูก ศิษย์ก็พากันเห็นด้วยกับคําพูดของเขา

ฝนสุดาไม่เห็นด้วยกับการที่เขาพูดแบบนั้น จึงเถียงกับเวทส ทำให้เวกัสและคนอื่นๆ มั่นใจว่าฝนสุดาโดนรพีพงษ์ทำให้รักจน โงหัวไม่ขึ้น
ดังนั้นเวทีสจึงตัดสินใจประลองฝีมือกับรพีพงษ์อย่างลูกผู้ชาย เขาจะทำให้รพีพงษ์เขาสุดจะทนแล้ว

ครั้ง รพีพงษ์แพ้

เดือนที่สองที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ รพีพงษ์เริ่มเข้าถึงวิชากำลัง ภายใน ผ่านการสั่งสมวิชาการหายใจออก เขาพอจะใช้กำลัง ภายในได้บางส่วน

จากการที่เวทัสชนะรพีพงษ์ เขายิ่งได้ใจขึ้น เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ ฝึกอย่างหนัก เขาจึงใช้ข้ออ้างเรื่องการสอบเข้ามาในโรงเรียน ของรพีพงษ์ ท้าประลองฝีมือกับรพีพงษ์อีกครั้ง

ครั้งนี้ รพีพงษ์ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ไม่สามารถรับมือได้แม้แต่ น้อย การที่เขาเริ่มชำนาญกับกำลังภายใน บวกกับกำลัง ภายนอกที่เป็นเลิศของเขา ทำให้สามารถรับมือกับเวทัสได้แล้ว

แต่ทว่ารพีพงษ์ยังคงเป็นผู้แพ้ในการประลองครั้งนี้

เดือนที่สาม รพีพงษ์ใช้ความรวดเร็วในการฝึกที่น่าตกใจ บวก กับการที่เคยสู้กับเวทัสครั้งก่อน รพีพงษ์ได้ความรู้เป็นอย่างมาก ทำให้เขาเข้าใจการใช้กำลังภายในลึกยิ่งขึ้น อาจารย์เรียกเขา ว่าเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร

เดือนนี้ฝนสุดาพยายามที่จะจัดการกับรพีพงษ์ แต่รพีพงษ์ เอาแต่อยู่ที่หลังภูเขา ทำให้ฝนสุดาไม่มีโอกาสที่จะทำอะไรกับ

เขา

เวทสเห็นว่าฝนสุดาอยากใกล้ชิดกับรพีพงษ์ เขารู้สึกอิจฉาขึ้นมาในใจ และนัดท้าประลองกับรพีพงษ์อีก

ครั้งนี้รพีพงษ์เริ่มต่อกรกับเวทัลได้อย่างสมศักดิ์ศรี

จากที่อาจารย์บอก พรสวรรค์ของเวทัสนับว่าอยู่ในระดับกลาง เขาฝึกกําลังภายในได้ในเวลาสามปี แต่รพีพงษ์ใช้เวลาเพียง สามเดือนก็สามารถเทียบกับอีกฝ่ายได้แล้ว พรสวรรค์นี้ช่างน่า ตกตะลึง และไม่มีใครสามารถทำได้

แต่รพีพงษ์ไม่ได้ต่อสู้กับเวทัสเพื่อหาผู้ชนะ เขาทำเป็นไม่ได้ และพ่ายให้กับเวทัสอีกครั้ง

การที่เขาทำเช่นนี้ เพราะจะได้สู้กับเวทัสต่อไป และได้รับ ประสบการณ์จากการที่ต่อสู้

เดือนที่สี่ รพีพงษ์ท้าประลองกับเวทัสและอีกสองคนที่เหลือ หลายสิบครั้ง เขาพ่ายแพ้ทุกครั้ง จนทำให้กลายเป็นตัวตลกใน สายตาของทุกคน แต่มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ดีว่าความสามารถ ของเขาอยู่เหนือกว่าสามคนนั้นแล้ว โดยอาศัยประสบการณ์ที่ได้ ต่อสู้กับคนมีฝีมือด้านกำลังภายในอย่างสามคนนั้น

จากการคาดเดาของรพีพงษ์ ระดับความแข็งแกร่งของกำลัง ภายใน เขายังไม่สามารถเทียบสามคนนั้นได้ เพราะเขาเพิ่งฝึก ได้เพียงสามเดือน จึงยังสั่งสมความแข็งแกร่งได้ไม่มากพอ แต่ ว่ากำลังภายนอกของเขาได้ถึงจุดสุดยอดทำให้สามารถทดแทน กำลังภายในที่ยังไม่เพียงพอ เมื่อทั้งสองสิ่งผสานกัน ทำให้เขามี ความสามารถเหนือกว่าเวกัส

ในตอนนี้รพีพงษ์ได้เชี่ยวชาญแล้ว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอนันยชอีก เขาจะเป็นเหมือนก่อนแน่นอน

บ่ายวันห่างเรือนไม้ไม่ไกล รพีพงษ์เดินเวกัสพักอยู่

ฝนสุดาเดินตามเขาด้วยหน้ากระวนกระวาย

อยู่ในหุบเขาเป็นเวลาสี่เดือน ฝนสุดาไม่รูปลักษณ์ งดงามเหมือนคุณหนูตอนแรกอีกเขากันชีวิตประจำวัน เธอมวยผม โดยกิ่งปักเอาไว้

ในระยะเวลาสี่เดือน นอกเป็นแล้ว เธอยังล่าสัตว์กับพวกดำเกิงด้วย เธอช่างก่อนโดยสิ้นเชิง

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ความงดงามของเธอยังไม่หายไป พิสูจน์ แล้วว่าผู้หญิงสวยใส่เสื้อผ้าลินินยังสวยวันยังค่ำ

หยุดเดี๋ยวนี้นะรพีพงษ์ เดือนมาหาเวทันหลายแล้ว นายแพ้ให้เขาครั้ง ฉันรู้ว่านายยอมแพ้ แต่นายกลับมา ที่แค่เดือน นายสู้เขาได้เป็นเรื่องปกติ แข็งแกร่งค่อยไปเขาฝนสุดาขึ้น

รพีพงษ์หยุดเดินแล้วหันไปหัวเราะฝนสุดา “เป็นครั้งสุดท้าย ที่จะประลองกับเขา และคนแพ้คือเขา

พูดจบรพีพงษ์เดินต่อไปฝนสุดาหายใจ เธอพงษ์เลย
รพีพงษ์เดินมาหยุดอยู่หน้าเรือนไม้ของเวกัส แล้วตะโกนออก มาว่า “เวทีส ออกมารับคำท้า!!”

เมื่อเขาพูดจบ ลูกศิษย์สิบกว่าคนเดินออกมาจากเรือนไม้ เพื่อ

ออกมาดูเรื่องสนุก

“รพีพงษ์ เดือนนี้นายแพ้ให้เวทสกี่ครั้งแล้ว ทำไม่ยังไม่สำนึก อีก อย่าบอกนะว่านายเสพติดการโดนทําร้ายร่างกาย”

“ไอ้หมอนี่คิดว่าตัวเองมีความสามารถหรือไง ฝึกกำลังภายใน แค่ไม่กี่เดือนก็คิดว่าเทียบกับเวทัสได้แล้ว น่าขำสิ้นดี

เก๋งมองเวกัสอย่างสะใจ แล้วพูดออกมาว่า “นายอย่าสู้กับ เวทสเลย ขึ้นสู้ต่อไป นายจะไม่อยู่ในสายตาของพี่นางฟ้าอีกแล้ว

ทุกคนหัวเราะขึ้นมา

ฝนสุดาจ้องจําเกิง แล้วพูดเสียงดังว่า “ไอ้เด็กเวร แกอยาก

โดนจัดการหรือไง!

ดำเกิงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฝนสุดา

ขณะนั้นเวทสเดินออกมาจากเรือนไม้ เขามองรพีพงษ์อย่าง เย้ยหยัน แล้วพูดว่า “ไม่ว่านายจะทําฉันกี่ครั้ง นายก็หนีความ จริงไม่พ้นหรอก กำลังภายในไม่ใช่เรื่องที่จะเรียนเป็นได้ง่าย อย่างทนายคิด นายอยากชนะฉัน รอไปอีกสามปีเถอะ!”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้ฉันจะชนะนาย
เวทีสอึ้งไป จากนั้นก็หัวเราะออกมาเหมือนได้ยินเรื่องตลก อย่างไรอย่างนั้น

คนโดยรอบต่างก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้

“ไอ้หมอ สมองกลับหรือเปล่า ถึงบอกว่าตัวเองจะชนะเวทีส ลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งก่อนโดนเวทัสสู้จนเขาไม่มีทางสวนกลับ

“ในเมื่อนายมาทํา ฉันก็รับคำท้าของนาย แต่นายมาหาฉัน บ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่อง ฉันไม่ได้มีอารมณ์มาสู้กับนายทุกครั้ง ครั้งนี้ เรามาพนันกันดีไหม” เวทัสเอ่ยถาม

“ได้” รพีพงษ์ตอบไปแบบส่งๆ

“ถ้าครั้งนี้นายแพ้ นายก็น่าจะรู้ตัวเอง และออกไปจากที่นี่ ต่อ จากนี้อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ของอาจารย์อีก นายกล้าพนัน ไหม” เวทัสเอ่ยขึ้น

ทุกคนต่างพากันตกใจ ไม่คิดว่าเวกัสจะพนันขนาดนี้ ถ้าร

พงษ์ตอบตกลง เขาก็ต้องออกจากการเป็นศิษย์ของอาจารย์

“ได้” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงปกติ โดยไม่สนเรื่องการพนัน “ถ้าฉันชนะ…”

เขาคิดไปคิดมา ก็ไม่รู้จะพนันอะไร ขณะนั้นเขาเห็นสีหน้าเป็น กังวลของฝนสุดา จึงยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ถ้าฉันชนะ นายต้อง เป็นเบ๊ของเธอ และฟังคำสั่งของเธอ ว่าไง?”

เวทัสเบะปาก แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหา”
“รพีพงษ์ นายซึมซับบรรยากาศรอบๆ เอาไว้ซะ หลังจากนี้นาย จะได้ใสหัวออกไปจากที่นี่!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ