พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่697 เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง



บทที่697 เน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสอง

“เป็นไปไม่ได้!” ได้ยินคําพูดของรพีพงษ์ อนันย ชก็ตกใจ มองไปยังคนที่ตัวเองมองว่าเป็นมดด้วย ความคาดไม่ถึง

ครึ่งปีก่อนหน้านี้ เด็กนี้ไม่มีพลังที่จะต่อกรกับ ตัวเองได้เลย เขาสามารถฆ่าเด็กนี่ได้อย่างง่ายดาย ความจริง มันควรจะตายแล้วสิถึงจะถูก

แต่ทว่าตอนนี้เด็กนี่ยังคงมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา แล้วยังมีระดับเน่ยจิ้ง สิ่งที่ทำให้เขาจินตนาการไม่ ออกที่สุดคือ ไอ้เด็กนี่จะมีฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางอีก

ห้าปีก่อน ได้เริ่มฝึกฝนกับชินาธิป ชินาธิปบอก ว่าเขามีพรสวรรค์ แล้วใช้เพียงแค่หนึ่งปี ก็สามารถ เป็นเน่ยจิ้งขั้นต้นได้

ปกติ ถ้าต้องการขยับจากเน่ยจิ้งขั้นต้นเป็นเน่ย จิ้งขั้นกลาง มีสองข้อ ข้อแรกคือมีสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม หาคนที่จะมีเน่ยจิ้งได้นั้น เพียงแค่ตั้งใจ ใช้เวลาพอ ก็มี โอกาสที่จะเป็นเน่ยจิ้งขั้นต้นได้นั้นได้

แต่ระหว่างเน่ยจิ้งขั้นต้นและเน่ยจิ้งขั้นกลาง ถูก ขั้นไว้ด้วยความยากลำบาก ไม่ใช่แค่ตั้งใจก็จะผ่านไป ได้

ดังนั้นคนที่เป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้นั้น ไม่ใช่เป็น คนมีพรสวรรค์หนึ่งในล้านเท่านั้น แม้จะเป็นแบบนี้ คน ที่จากเน่ยจิ้งขั้นต้นไปเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต้องใช้เวลาสิบ ปีถึงจะทำได้

อนันยชใช้เวลาจากเน่ยจิ้งขั้นต้นไปเน่ยจิ้งขั้น กลาง เป็นเวลาสี่ปี แม้จะเป็นชินาธิป ก็บอกว่าหาได้ยากแล้ว มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

ดังนั้นอนันยชจึงภูมิใจ ในใจเขา ในโลกนี้ คนที่ จะเทียบกับเขาได้ มีเพียงตระกูลพวกที่มีพรสวรรค์ ด้านศิลปะการต่อสู้แบบโบราณเท่านั้น

แต่ทว่ารพีพงษ์ที่ตายและกลับมามีชีวิตใหม่ที่ อยู่ตรงหน้าเขานั้น ไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ยังใช้ เวลาอันสั้น เป็นเน่ยจิ้ง แล้วยังมีฝีมือเท่ากับเขาอีก

พรสวรรค์แบบนี้ อนันยชหาคำที่จะมาอธิบาย ไม่ได้อีกแล้ว เกรงว่าแม้แต่อาจารย์ของเขา ก็ไม่น่า จะเคยเห็นคนที่ใช้เวลาเพียงครึ่งปีแล้วเป็นเน่ยจิ้งขั้น กลางได้

นี่ทําให้อนันยชไม่เพียงตะลึง แต่ยังอิจฉาอย่าง มากอีกด้วย

ขณะนี้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นิ่งสงบ ได้อีกแล้ว ในสายตาเต็มไปด้วยเลือด เต็มไปด้วย ความเคียดแค้น

“ตอนนั้นที่เกาะพระจันทร์ ฉันควรจะตัดคอแก ซะ แกในตอนนั้น ในสายตาฉันก็เป็นแค่หมดเท่านั้น แหละ!” อนันยชกล่าวอย่างกัดฟัน

รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “ตอนนี้พูดเรื่องนี้ ก็ไม่มี ความหมายใดๆแล้ว ฉันไม่เหมือนกับแก วันนี้ ฉันจะให้ แกกระอักเลือดออกมา จึงจะจากไป”

อนันยชดูแคลน แล้วกล่าว “ใครแพ้ใครชนะยัง ไม่รู้เลย แม้แกจะเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลาง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะ ชนะฉันได้หนิ!”

รพีพงษ์หลับตาลง ไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นก็พุ่งไปที่อนันยช แล้วเริ่มต่อสู้

ตอนนี้อนันยชและรพีพงษ์ล้วนอยู่ในระดับเนี่ย จิ้งขั้นกลาง แต่ทว่าอนันยชกลับไม่รู้ ว่าหลังจากที่รพี พงษ์ถึงจุดแรงภายนอก ของเน่ยจิ้ง เพราะถ้าแรง ภายนอกเพิ่ม ฝีมือของเขาก็จะเก่งกว่าคนในระดับ เดียวกันอย่างมาก

การปะทะกันระหว่างยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ได้ดึงดูดผู้คน คนที่อยู่ด้านล่างล้วนไม่เข้าใจอารมณ์ ของทั้งคู่ เพียงแค่เห็นแล้วสุดยอด ก็พอใจแล้ว

บนเวทีถือว่าไม่เลวเลยล่ะ แต่พลังของเน่ยจิ้ง ขั้นกลางคนทั่วไปพอจะนึกออก ดูจากการปะทะกัน ของทั้งสอง บนเวทีเริ่มมีรอยแตกร้าว หลังจากการ ต่อสู้ครั้งนี้ เกรงว่าเวทีนี้จะพังแน่นอน

ตอนนี้ผลบุญรู้สึกแข็งทื่อ เขายืนอยู่กับที่ ตา สองดวงจ้องไปยังคนสองคนบนเวที ซึ่งตรงกันข้ามกับ เสียงเชียร์ที่ดุเดือดรอบกาย

“เน่ย…… เนยจิ้งจั่นกลางทั้งสอง ฉัน…ฉันกำลัง

ฝันไปใช่ไหม?”

ตอนแรกที่รพีพงษ์แสดงฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้นนั้น ผลบุญก็รู้สึกตะลึง เขายังปลอบตัวเองว่าตนคือเน่ยจิ้ง ชั้นต้น เด็กนี่ดีกว่าเขาแค่นิดหน่อย

แต่ทว่าไม่นาน อนันยชก็ระเบิดพลังเน่ยจิ้งขั้น กลาง ทำเอาผลบุญอเาปากค้าง ในข้อมูลของผู้ดูแล นั้น อนันยชน่าจะเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น แต่ไม่มีใครรู้ว่า อนันยชจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ มาเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ เพราะนี่คือความคิดเบื้องต้น

“หลับไปแล้วจะต้องรีบรายงานให้กลุ่มทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเน่ยจิ้งชั้นกลางคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น น่สจะเป็นข่าวดังของไชน่าทาวน์อเมริกาในช่วงเวลานี้ แล้ว จากนี้ไป ไอ้เด็กที่เข้าข้างตัวเองนั่นต้องโชคร้าย แล้วล่ะ” นี่เป็นความคิดของผลบุญเมื่อก่อน ในตอนที่ ความคิดนี้ของเขาเพิ่งผุดเข้ามา รพีพงษ์ก็ระเบิดพลัง เน่ยจิ้งขั้นกลางออกมา ทำเอาเขาตะลึงไปเลยทีเดียว

ในหนึ่งวัน ไชน่าทาวน์อเมริกา ปรากฏยอดฝีมือ ของเน่ยจิ้งขั้นกลางขึ้นสองคน แล้วอายุก็แค่ยี่สิบกว่า ปี ถ้าข่าวนี้ไปถึงผู้ดูแล ผู้ดูแลทั้งหมดจะต้องแตกตื่น เป็นแน่

เพราะในกลุ่มผู้ดูแลของอเมริกา มียอดฝีมือ เน่ยจิ้งขั้นกลางเพียงสองคนเท่านั้น จากกำลังของผู้ ดูแล ไม่มีทางต่อกรกับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางสอง คนได้ในเวลาเดียวกัน

“ไม่แปลกที่ไอ้เด็กนั่นไม่สนใจฉัน ที่แท้ความ สามารถของมันก็ถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้วนี่เอง แล้วฉัน ยังสั่งเน่ยจิ้งขั้นกลางอีก เมื่อคืนในตรอก เขาไม่ฆ่าฉัน ก็ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว” ผลบุญพึมพำคนเดียว หลังเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด

“เน่ยจิ้งขั้นกลาง! นี่มันสิ่งล้ำค่านี่หน่า ทำไม แป๊ปๆก็โผล่ออกมาสองคน แล้วให้ฉันได้เจอกับตัวอีก ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ให้ตายยังไงก็จะไม่ตอบรับหัวหน้า มาสังเกตการณ์แต่แรก”

ผลบุญพึมพำในใจ เขาคิดอยากจะออกไปแล้ว เพียงแค่ยังมีภารกิจ เขาจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ หากสอง ยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางกระทบกับผู้คนที่อยู่ด้านล่าง เขาต้องเข้าไปควบคุมตั้งแต่แรก
แน่นอน ถ้าตอนนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เขา ต้องติดต่อหัวหน้าของพวกเขา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะ ขวางยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางทั้งสองได้

บนเวที รพีพงษ์และอนันยชระเบิดพลังจนเวทีดู ไม่ออกว่าเป็นเวทีแล้ว ตอนนี้อนันยชเหงื่อไหลเต็มหัว ไปหมด ต่อกรกับรพีพงษ์นานขนาดนี้ เขาเริ่มรู้สึก หมดพลังแล้ว

อีกครั้งกับการต่อกร อนันยชไม่หวั่นรพีพงษ์ ถูกรพีพงษ์ตบเข้าไปที่หลัง จนกระอักเลือดออกมา ทันใดนั้นพลังของอนันยชก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

เขาจ้องรพีพงษ์อย่างไม่คาดคิด แล้วถาม “ทำไมพลังของแกแข็งแกร่งได้ขนาดนี้? ฉันก็เป็นเน่ย จิ้งขั้นกลาง ทำไมพลังต่างจากแกได้มากขนาดนี้?”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ฉันมีพรสวรรค์ แกเชื่อ ไหมล่ะ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ