พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 836 ความโดดเดี่ยวของตระกูลวัชรชัย



บทที่ 836 ความโดดเดี่ยวของตระกูลวัชรชัย

ไม่นาน รพีพงษ์กลับมาจากซื้อของกิน ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุ ค่อนข้างหิว นั่งด้านหน้าโต๊ะแล้วกินของที่รพีพงษ์ซื้อมา

กินไปได้ครึ่งนึง ฝนสุดามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “รพีพงษ์ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราไปผับกันดีกว่า อุเอสึงิ ฮารพูดว่าไม่ได้กิน เหล้ามานานแล้ว อยากไปกินสักหน่อย

อุเอสึงิ ฮารุประหลาดใจ เธอไม่เคยพูดคำพูดแบบนี้เลย

ฝนสุดาหันไปมองอุเอสึงิ ฮารุ แล้วส่งสายตาให้เธอ อุเอสึงิ ฮา รุนึกถึงเมื่อกี้ที่ได้ตกลงกับฝนสุดาไว้ ถ้าตอนนี้เปิดเผยอะไรออก ไปคงไม่ดี จึงได้แต่พยักหน้า กล่าว “ถูก…….ถูกต้อง ฉันอยาก เห็นยามค่ำคืนของเมืองโตเกียว ฉันไม่ได้ไปผับแบบนี้มานาน แล้ว”

เห็นทั้งสองอยากไป รพีพงษ์ก็ไม่อยากขัดขวางความสุขของ พวกเธอ จึงตกลงหลังกินข้าวเสร็จไปผับ

ฝนสุดาดีใจ จากนั้นได้แนะนำคลับโกเบริเวอร์ให้รพีพงษ์ เพราะเธอรู้ว่าผับนั้นมีเหล้าพิเศษอยู่ ค่อนข้างใช้ได้ แม้จะกิน แอลกอฮอล์เก่ง ก็ต้องเมา

หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสามออกจากโรงแรมซากุระ ไปผับที่ชื่อคลับโกเบริเวอร์

ทั้งสามเพิ่งเข้าไป ข้างๆมีคนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วกดโทรออก
“คุณชาย พบที่อยู่ของคุณหนูแล้ว เธอไปกลับโกเบริเวอร์กับ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งตอนนี้ผมจะเข้าไป คุณชายรีบๆมา

พูดจบ ก็วางสาย เข้าไปในคลับโกเบริเวอร์

ในขณะเดียวกัน ณ ร้านสปาเท้าแห่งหนึ่งในโตเกียว

ในห้องรับรองพิเศษ พี่ชายของฝนสุดา ฮารุฮิ กันตะ กำลังนั่ง อยู่บนโซฟา พนักงานหญิงกำลังนวดเท้าให้เขา และเขาก็เพิ่ง งจะ วางสายโทรศัพท์

คนที่นั่งข้างฮารุฮิ กันตะ คือผู้เฒ่าผมขาวโพลนคนหนึ่ง อีกข้าง เป็นวัยรุ่นหลายคน แต่ดูจาการแต่งกาย ก็ดูออกทันทีว่าใครมา จากประเทศจีน

ถ้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่ในตอนนี้ล่ะก็ ต้องตกใจแน่ๆ เพราะผู้เฒ่าที่ นั่งอยู่ข้างๆฮารุฮิ กันตะ เป็นนายใหญ่ของตระกูลวัชรชัยที่เป็นหัว เรือหลักของหกตระกูลใหญ่ บดีศวร

หลังจากที่ห้าตระกูลร่วมมือกันแต่ยังแพ้รพีพงษ์แล้วนั้น ใน วงการก็มีชื่อเสียไปทั่ว บดีศวรฉวยโอกาสตอนที่รพีพงษ์ อ่อนแอ สั่งให้ห้าตระกูลล้อมรพีพงษ์ไว้ ทำให้จิตวิญญาณของ วงการพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง

อย่างที่วฤนท์ธมพูดไว้ทั้งหมด เขาไม่ฆ่าบดีศวร เพื่อให้เขาได้ เห็นตระกูลใหญ่เหล่านี้เพราะความโง่ของจึงต้องพ่ายแพ้ไป ภายในเวลาไม่กี่เดือน ตอนนั้นที่ตระกูลใหญ่ทั้งหก ในวงการ ได้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนด่ากันไม่หยุด
มีคนจํานวนไม่น้อยที่ร่วมมือกัน แบนหกตระกูลใหญ่ พวกเขา อยากฉวยโอกาสนี้ ขับไล่หกตระกูลใหญ่ออกจากประเทศจีน

หกตระกูลใหญ่ มีสี่นายใหญ่เสียชีวิตไป อีกคนกลายเป็นคน พิการบดีศวรพึ่งยาของตระกูลวัชรชัย ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง หา ตระกูลใหญ่ในขณะนั้น ไม่มีน้ำยาอีกต่อไป ไม่สามารถที่จะต่อกร กับสำนักศิลปะการต่อสู้ที่ร่วมมือกันได้อีก

ผ่านความวุ่นวายในช่วงเวลานั้นมา ทั้งหกตระกูลถูกกดดัน จนกระทั่งกลายเป็นตัวตลกในวงการ พวกเขาถูกพวกสำนัก ศิลปะการต่อสู้ที่ร่วมมือกันบีบจนไร้หนทาง จึงทำได้ยอมทิ้งสิ่งที่ เคยสร้างไว้ทั้งหมดในประเทศ แล้วหนีออกจากประเทศไป

บดีศวรพาคนของตระกูลวัชรชัย มาประเทศญี่ปุ่น วางแผนจะ ตั้งหลักปักฐานที่นี่

เพราะที่ประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีฐานที่มั่น ทรัพย์สินของตระกูล วัชรชัยก็ถูกสำนักศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นแบ่งแยกไปจนหมด ดัง นั้นตระกูลวัชรชัย ในตอนนี้ถือได้ว่ายากจนข้นแค้น ดังนั้นบดีศวร ต้องไตร่ตรองที่จะพึ่งตระกูลใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกกับ การเจริญก้าวหน้าของตระกูลวัชรชัย

บดีศวรที่ตอนแรกไม่ชอบทางโลก แต่ปัจจุบันนี้กลับต้องมา เลียขาตระกูลใหญ่ สำหรับบดีศวร เจ็บปวดกว่าการที่ฆ่าเขาเสีย อีก

แต่ชีวิตของทั้งตระกูลวัชรชัยอยู่ในมือของเขา ดังนั้นเขาตาย ไม่ได้ แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ต้องทน
วันนี้ เขาได้มาหาคนของตระกูลฮารุฮิเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ ไม่ว่าจะยังไง บดีศวรก็เป็นยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ ตระกูลฮารุ ไม่โง่ ถ้ามียอดฝีมือระดับนี้ สำหรับตระกูลฮารุฮิแล้วถือว่าเป็น ตัวช่วยที่เยี่ยมเลยทีเดียว

ดังนั้นฮารุฮิ สินให้ลูกชายของตนไปมาหาสู่กับบดีศวรไว้ เพื่อ จะได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ

“ปรมาจารย์บดีศวร การที่คุณร่วมมือกับตระกูลฮารุฮิของผม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เงินสำหรับตระกูลฮารุฮิแล้ว เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ พวกเราให้ ได้ทั้งหมด แต่อนาคตถ้าพวกเราต้องการให้ปรมาจารย์บดีศวร ทำอะไรให้ หวังว่าอาจารย์บดีควรจะสามารถลงมือได้” ฮารุฮิ กัน ตะยิ้มพลางคุยกับปรมาจารย์บดีศวร

บดีศวรรีบพยักหน้า กล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อร่วมมือกัน ตระกูลวัชรชัยของผมก็ทำตามที่ให้สัญญาไว้อยู่แล้ว”

“ดี ในเมื่อคุยกันลงตัวแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน ผมเพิ่งได้ รับข้อความจากน้องสาวเมื่อกี้ ผมต้องไปหาเธอในตอนนี้ ถ้ามี ปัญหาอะไร ผมจะโทรหาปรมาจารย์บดีศวร หวังว่าถึงตอนนั้น ปรมาจารย์จะรีบมา” อารุฮิ กันตะยืนขึ้น

บดีศวรพยักหน้า ตอนนี้เขาถือเป็นการ์ดของตระกูลฮารุฮิไป แล้ว ถ้าคนของตระกูลฮารุฮิต้องการให้เขาลงมือ เขาต้องลงมือ ในทันใด

แม้ฮารุฮิ กันตะจะดีต่อเขา แต่ทุกคนล้วนรู้ดี ที่เรียกว่าปรมาจารย์ ก็แค่เกรงใจเท่านั้น

นักๆเขานายใหญ่ของตระกูลวัชรชัย ต้องตกมาเป็นการ์ดให้ กับคนอื่น พระเจ้าชั่งเล่นตลกกับชะตาชีวิตของเขาจริงๆ “เงินที่ตกลงกันว่าจะให้พวกคุณเดี๋ยวผมจะให้เลขาโอนไปให้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน” ฮารุฮิ กันตะกล่าว จากนั้นก็เดินออกไป

ด้านนอก

บดีศวรยิ้มพลางส่งฮารุฮะ กันตะออกไป จากนั้นก็บ่นกับตัวเอง ว่า “ฟังๆเขา น่าจะต้องใช้คนของฉันในเร็วๆนี้ ลงมือครั้งแรก ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น ต้องให้คนของตระกูลฮารุฮะเห็น ฝีมือของตระกูลวัชรชัยของเรา แบบนี้พวกเขาจึงจะให้ความ สําคัญกับพวกเรา”

“ดีที่ที่นี่เป็นประเทศญี่ปุ่น ไม่มีใครรู้ความเป็นอยู่ของตระกูล วัชรชัย ถ้ารพีพงษ์รู้ว่าตอนนี้ฉันอยู่ในสภาวะแบบนี้ มันจะต้อง หัวเราะฝันอย่างมากแน่ๆ

“พื้นฐานศิลปะการต่อสู้ของคนญี่ปุ่นกับคนจีนต่างกันมาก แต่ หวังว่าที่นี่ จะไม่มีปีศาจแบบรพีพงษ์อีกนะ”

บดีศวรส่ายหัวอย่างเซ็ง ถอนหายใจ นึกถึงการต่อสู้ครั้งนั้น กับรพีพงษ์ ก็กลัวขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ