พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 466 เป็นหนทางตายที่ไม่เลว



บทที่ 466 เป็นหนทางตายที่ไม่เลว

ธฤตญาณได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด เขาไม่ได้พูดกับศิวะศักดิ์ต่อ ธฤต ญาณมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “พละกำลังของศิวะศักดิ์น่ากลัวมาก ผมกับไตรทศรวมกันยังสู้มันไม่ได้เลย ถ้าคุณจะต่อกรกับเขา คุณ จําเป็นต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก

“วางใจเถอะ ฉันไม่ทำเรื่องที่เกินตัวหรอก” รพีพงษ์พูดจบ ก็ เดินเข้าไปหา ศิวะศักดิ์

ไตรทศมองธฤตญาณแล้วพูดว่า “เราตามพรไปดีไหม กลับ กันขอแค่ชนะก็จบแล้ว เราไม่จำเป็นต้องให้พีรพีไปคนเดียว”

ธฤตญาณสับสนเล็กน้อย เขารู้ว่ารพีพงษ์แข็งแกร่งมาก แต่ว่า พละกำลังศิวะศักดิ์ก็ไม่ได้ด้อยเช่นกัน อีกทั้งพวกเขายังรู้สึกว่า พละกำลังของศิวะศักดิ์แข็งแกร่งกว่ารพีพงษ์เมื่อก่อนอยู่เล็กน้อย เพราะฉะนั้นการที่ให้รพีพงษ์ไปต่อกรกับศิวะศักดิ์เพียงลำพัง ตัว เขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

พวกเขาไม่รู้ว่าที่กิสนารพีพงษ์เจออะไรมาบ้าง ถ้าพวกเขาได้รู้ ข่าวคราวที่กิสนาบ้าง ความคิดแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

ตอนนี้รพีพงษ์ได้ปลดปล่อยพละกำลังที่มีออกมาทั้งหมดแล้ว คนที่บอกให้รพีพงษ์ปกปิดพละกำลังของตัวเองเอาไว้คืออาจารย์ รพีพงษ์ไม่เคยมีความคิดแบบนั้น แต่เมื่อทุกอย่างได้รับการเปิด เผย เขาจึงไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้อีก
อีกอย่างฝีมืออย่างรพีพงษ์ ก็ไม่มีความจําเป็นอะไรต้องปกปิด รพีพงษ์ในตอนนี้ สามารถออกปลดปล่อยพละกำลังได้ทุกเมื่อ

ตอนนี้ใครที่อยากเอาชนะเขา ต้องเป็นดัมพ์รงค์ห้าคน ไม่กี่สิบ นักรบในอันดับเทพเจ้าแห่งสงครามมาต่อกรกับเขาทีละคนๆ ไม่ งั้นล่ะจะไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะพีพงษ์ในตอนนี้ได้อย่างแน่นอน

คิดไปคิดมา ธฤตญาณจึงเอ่ยขึ้นว่า “ให้พวกเขาลองสู้กันก่อน ถ้าเขารับมือไม่ได้ พวกเราค่อยขึ้นไป ตามหลักการแล้วรพีพงษ์ จะไม่ทําเรื่องผลีผลาม อาจจะเป็นเพราะเรื่องของอารียาที่ทำให้ เขาหมดความอดทน ให้เขาระบายมันออกมาสักหน่อยก็น่าจะดี

ไตรทศพยักหน้าแล้วหันไปมองรพีพงษ์

ศิวะศักดิ์เห็นรพีพงษ์เดินเข้ามา ก็แบะปากแล้วพูดว่า “ไอ้เด็ก น้อย แกมาเดินขวางหูขวางตาฉันเหรอ แกใสซื่อไปหน่อยหรือ เปล่า”

“ฉันมาสอนความเป็นคนให้พวกแก” รพีพงษ์ยืนอยู่ต่อหน้า พวกศิวะศักดิ์

ศิวะศักดิ์แสยะยิ้ม เขาไม่พอใจกับคำพูดของรพีพงษ์อย่างเห็น ได้ชัด

พวกลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาก็มองรพีพงษ์ด้วยสายตา เหยียดหยาม ต่างคิดว่ารพีพงษ์กำลังพูดเรื่องตลก

“แกน่ะเหรอ อยากสอนความเป็นคนให้พวกฉัน พวกแกสาม คนไม่ใช่คู่ต่อกรของลูกพี่พวกเราหรอกเว้ย ฉันว่าแกเรียกคนที่เหลืออีกสองคนมาด้วยดีกว่า ลูกพี่ของเราจะได้จัดการทีเดียว จะได้ไม่เสียเวลา”

ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ศิวะศักดิ์ ตะโกนขึ้นมา

“ฉันแค่คนเดียวก็พอ” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แล้วกวาดตามองพวกนั้น

“แกนี่ขี้โม้จริงๆ อย่าบอกนะว่าแกคิดว่าแกคนเดียวจะสามารถ สู้กับลูกพี่ของพวกเราได้น่ะ? แกคงไม่ได้ยินฉายามือซูราสินะ!”

“ไอ้หมอนี่มันโผล่มาจากไหนกัน อวดเก่งจริงๆ ดูท่ามันเหมือน คนไม่มีฝีมืออะไรเลยแม้แต่น้อย ฉันว่าแค่ฉันก็จัดการมันให้ฟัน ร่วงได้แล้ว!”

“ฉันเจอคนอวดเก่งมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันเจอฝีมือของลูกพี่ ก็

คงไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมาอีก

ศิวะศักดิ์มองรพีพงษ์อย่างประเมิน จากนั้นเขาจึงก้าวขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กน้อย ฉันล่ะนับถือความกล้าของแกจริงๆ แต่มี แค่ความกล้า ไม่มีฝีมือ มันก็แค่คนโง่

“ฉายามือชราของฉันน่ะ ไม่ใช่ได้มาเล่นๆ นะ สิ่งที่ฉันชอบ ที่สุดคือการบดขยี้คู่ต่อสู้ให้ตายคามือ ฉันจำได้เมื่อครั้งก่อนมีคน มาพูดโอ้อวดต่อหน้าฉัน สุดท้ายก็โดนฉันหักขาหักแขน ร่วงลง ไปนอนมองฉันหักกระดูกมันบนพื้น มันไม่ได้ถูกฉันฆ่าตายหรอก นะ แต่มันตกใจกับสิ่งที่ฉันทรมานมัน แกคิดว่าวิธีการตายแบบนี้เป็นยังไง?”

รพีพงษ์หรี่ตามองศิวะศักดิ์ แล้วพูดว่า “หนทางตายแบบนี้ก็ไม่ เลวนะ”

ศิวะศักดิ์อึ้งกับคำตอบของรพีพงษ์ จึงถามขึ้นทันที “อะไรนะ แกอยากตายแบบนั้นเหมือนกันเหรอ”

คนที่อยู่ข้างหลังศิวะศักดิ์พากันหัวเราะออกมา หนึ่งในนั้นพูด ออกมาว่า “น่าขาสิ้นดี ไอ้หมอนี่มันมาหาที่ตายหรือไง ถึงกล้าพูด ว่าหนทางตายแบบนั้นก็ไม่เลว มันกลัวลูกพี่จนเสียสติไปแล้วหรือ ไง”

“ฉันหมายความว่า แกก็สามารถสัมผัสรสชาติของความตาย แบบนั้นได้เหมือนกัน”

รพีพงษ์พูดประโยคนี้กับศิวะศักดิ์ จากนั้นเขาก็ไม่พูดพร่ำทำ เพลง พุ่งเข้าไปจู่โจมที่หน้าอกของศิวะศักดิ์

ศิวะศักดิ์เห็นเช่นนั้นจึงแสยะยิ้มออกมา เขารีบโต้กลับอย่าง รวดเร็ว เขากะว่าจะกันหมัดของรพีพงษ์เอาไว้ก่อน จากนั้นจึง ค่อยรวบตัวเขากดลงพื้น แล้วค่อยจัดการทีเดียว

ศิวะศักดิ์ยื่นมือออกไปกันหมัดของรพีพงษ์เอาไว้ เขาได้เตรียม การตอบโต้เอาไว้แล้ว แต่ทว่าเมื่อเขาได้สัมผัสกับหมัดของร พงษ์ หมัดที่ทรงพลังเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ฝ่ามือของ เขางอไปตามแรงต่อยของรพีพงษ์ จนหมัดของรพีพงษ์กระแทก เข้ากับหน้าอกของเขา กระดูกมือของเขาหักทันที ร่างกายของ เขาราวกับว่าวที่เชือกขาดอย่างไรอย่างนั้น ตัวเขากระเด็นไปข้างหลังทันที

หลังจากที่กระเด็นลงบนพื้น เลือดทะลักออกมาจากปากของ ศิวะศักดิ์ เขามีสีหน้าทรมานร่างกายของเขาพังทลายจากการรับ หมัดของรพีพงษ์

เดิมทีพวกลูกน้องที่เอาแต่หัวเราะรพีพงษ์ เมื่อเห็นภาพตรง หน้าตาก็พากันตาค้าง เขามองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะ เชื่อ คนจํานวนมากพากันถอยหลังด้วยความกลัว ราวกับเห็น ปีศาจที่เพิ่งขึ้นมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น

“ทะ ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น แค่หมัดเดียวรุ่นพี่ก็ กระเด็นไปแล้ว”

ธฤตญาณกับไตรทศก็ต่างค้างกับภาพนั้นเช่นกัน เมื่อครู่พวก เขาเตรียมตัวจะขึ้นไปช่วยรพีพงษ์ เพราะพวกเขาคิดว่าพละกำลัง ของศิวะศักดิ์น่ากลัวมาก รพีพงษ์อาจจะไม่สามารถรับมือได้เพียง คนเดียว

แต่ความจริงไม่เหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้ รพีพงษ์ใช้เพียง หมัดเดียว จัดการคนมีฝีมือที่ขนาดพวกเขาทั้งสองคนแทบจะไม่ สามารถรับมือได้จนกระอักเลือด

นี่มันน่ากลัวมาก!

“พระเจ้าช่วย พรพีลึกอะไรมา ทำไมถึงเก่งขนาดนี้ ผมจำได้ว่า แต่ก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ ไม่งั้นผมคงโดนเขาฆ่าแล้วฟื้นมา ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง” ไตรทศพูดพึมพำ
“ฉันว่าที่เขาจากไปนาน คงจะไปเจอเรื่องที่เราคาดไม่ถึงมาพอ สมควรเลยล่ะ คิดไม่ถึงว่าพละกำลังของเขาจะเปลี่ยนไปมาก ขนาดนี้ คงมีไม่กี่คนบนโลกที่จะเอาชนะเขาได้” ธฤตญาณพูด ด้วยสีหน้าตกตะลึง

พวกเขาไม่รู้เลยว่าฝีมือของรพีพงษ์จะพัฒนาจนถึงระดับนี้แล้ว

เพียงแค่เมื่อก่อนเขาไม่ได้ใช้พละกำลังออกมาทั้งหมดเท่านั้นเอง

รพีพงษ์เดินเข้าไปหาศิวะศักดิ์ ลูกน้องของศิวะศักดิ์มองรพี พงษ์ด้วยสีหน้าหวาดกลัว แล้วมองหน้ากันเลิกลัก

“พวกแกจะยืนทำหอกอะไรกัน รีบขึ้นไปสิ ศิวะศักดิ์ที่นอนอยู่ บนพื้นตะโกนใส่ลูกน้องของตัวเอง

พวกลูกน้องต่างพากันสูดหายใจลึก บางคนพุ่งเข้าไปหาร

พงษ์ บางคนก็เลือกที่จะหนีไป

รพีพงษ์ใช้มือตบลูกน้องของศิวะศักดิ์ทีละคนๆ คนพวกนี้ไม่ สามารถทำอะไรเขาได้ ผ่านไปไม่นานก็มีคนนอนแผ่อยู่บนพื้น เต็มไปหมด

ลูกน้องที่เหลือของ ศิวะศักดิ์ เห็นความดุดันของรพีพงษ์ ต่างก็ ตกใจจนไม่กล้าขึ้นไป พวกนั้นรีบวิ่งออกจากสถานบันเทิงสตาร์ กาย โดยไม่มีใครสนใจชะตากรรมของศิวะศักดิ์เลยแม้แต่คน เดียว

รพีพงษ์เดินเข้าไปแล้วก้มหน้ามองศิวะศักดิ์ สีหน้าของเขาเต็ม ไปด้วยความหวาดกลัว รพีพงษ์เหมือนซูราที่เพิ่งขึ้นมาจากนรก ส่วนฉายามือชูราที่เขาได้มานั้นเป็นแค่ฉายาไร้สาระเท่านั้น
“นายปล่อยฉันไป ฉันรับรองว่าออกจากเมืองริเวอร์และจะ มาสร้างความวุ่นวายให้พวกนายอีกศิวะศักดิ์ พูดด้วยน้ำ เสียงสั่นระรัว

“แกไม่มันอย่างหน้าตาย วิธีการตายที่พูดก็เลวนะ ในเมื่อแก ยอมรับว่าคนตายอย่างอนาถคามือแกมาไม่น้อย ฉันฆ่า ถือทําตามบัญชาสวรรค์นะ”

“ยะ อย่านะ ปล่อยฉันเถอะ แค่แกปล่อยตามแกทุกอย่าง ฉันถวายชีวิตให้นายเลย” ศิวะศักดิ์รีบพูด

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ต้องการหมา

รพีพงษ์พูดจบ ก้มตัวแล้วมือจับข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บ ของศิวะศักดิ์ เขาแรงบิดจน

ศิวะร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เขามีหน้าสิ้นหวัง คิด การมาวันจะแย่งฉายาบอสใหญ่แห่งเมืองริเวอร์มาได้ ไอ้หมอนี่

แถมหมอมันพูดตายเขาพูดอีก ตอนเขา รู้สึกเสียใจมากทำอวดเก่งต่อหน้ารพีพงษ์

แน่นอนว่าเมื่อผิดแล้วมีทางแก้ไขได้อีก คนศิวะ ศักดิ์ปล่อยเขารอดไปแน่นอน ถึงว่าศิวะศักดิ์กับโยษิตาจะรู้จัก กัน รพีพงษ์ทางเขาแน่นอน
“นายปล่อยฉันไป ฉันรับรองว่าออกจากเมืองริเวอร์และจะ มาสร้างความวุ่นวายให้พวกนายอีกศิวะศักดิ์ พูดด้วยน้ำ เสียงสั่นระรัว

“แกไม่มันอย่างหน้าตาย วิธีการตายที่พูดก็เลวนะ ในเมื่อแก ยอมรับว่าคนตายอย่างอนาถคามือแกมาไม่น้อย ฉันฆ่า ถือทําตามบัญชาสวรรค์นะ”

“ยะ อย่านะ ปล่อยฉันเถอะ แค่แกปล่อยตามแกทุกอย่าง ฉันถวายชีวิตให้นายเลย” ศิวะศักดิ์รีบพูด

“ขอโทษด้วย ฉันไม่ต้องการหมา

รพีพงษ์พูดจบ ก้มตัวแล้วมือจับข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บ ของศิวะศักดิ์ เขาแรงบิดจน

ศิวะร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด เขามีหน้าสิ้นหวัง คิด การมาวันจะแย่งฉายาบอสใหญ่แห่งเมืองริเวอร์มาได้ ไอ้หมอนี่

แถมหมอมันพูดตายเขาพูดอีก ตอนเขา รู้สึกเสียใจมากทำอวดเก่งต่อหน้ารพีพงษ์

แน่นอนว่าเมื่อผิดแล้วมีทางแก้ไขได้อีก คนศิวะ ศักดิ์ปล่อยเขารอดไปแน่นอน ถึงว่าศิวะศักดิ์กับโยษิตาจะรู้จัก กัน รพีพงษ์ทางเขาแน่นอน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ