พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 677 อดีตของดำเกิง



บทที่ 677 อดีตของดำเกิง

ค่าเกิงจ้องชาธิปอย่างสะใจ แล้วกล่าว “ฝีมือไม่ได้ขึ้นอยู่กับ อายุ ผมเป็นรุ่นน้องคนที่สองที่รุ่นพี่ภูมิใจ ถ้าแค่จัดการไอ้นี่ไม่ได้ อับอายขายหน้าเกินไปแล้ว

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของดำเกิง ก็รู้สึกพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่า เด็กนี่จะเอาตัวเองเป็นอันดับสองไปแล้ว เขาน่าจะเลื่อมใสร พงษ์แล้วจริงๆ

“ความภูมิใจลำดับสอง? งั้นลำดับแรกคือใครกัน?” ชลาธิป ถามอีก

“แน่นอนว่าต้องเป็นรุ่นพี่รพีพงษ์ของผมนะสิ” ดำเกิงไม่ลังเลที่

จะตอบ

ชลาธิปมองรพีพงษ์อีกครั้ง เริ่มรู้สึกเดาทางรพีพงษ์ไม่ออก เด็กยี่สิบปีคนนี้เก่งกาจได้ขนาดนี้ ยังเป็นแค่ความภูมิใจลำดับ สองเท่านั้น

รพีพงษ์ในฐานะที่เป็นความภูมิใจลำดับแรกของอาจารย์ ต้อง เก่งมากขนาดไหน?

อาจารย์ของพวกเขาเป็นคนแบบไหน ทำไมถึงได้ฝึกลูกศิษย์ที่ เก่งกาจขนาดนี้ออกมาได้

“พวกเราอย่ามัวแต่ยืนอยู่ด้านนอกอีกเลย เข้าไปคุยด้านใน เถอะ” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
จากนั้นทุกคนก็เดินไปที่ห้องรับแขก หยุดผู้น่าสงสารให้คนตา เขากลับห้อง รพีพงษ์รู้ว่าเกิงไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด พักผ่อน มากสุดก็คือ บนหรือครึ่งเดือน ก็น่าจะได้แล้ว

ในห้องรับแขก ทุกคนนั่งลง ซลายปยังคงจ้องตาเก๋งและเวที สอย่างแปลกใจ กำลังคิดอยู่ว่าเขาจะทำอย่างไรให้ได้บอดี้การ์ด เก่งกาจขนาดนี้มาอยู่คู่กาย

“เวทัส ช่วงนี้ผมจะต้องไปจากเกียวโต ถึงเวลานั้นความ ปลอดภัยของเมียลูกและตระกูลลัดดาวัลย์ ต้องมอบให้คุณแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

เวทสโบกมือ แล้วกล่าว “เกรงใจทำไม อาจารย์บอกว่าหลาย ปีมานี้อยู่แต่ในป่า เข้าใจความเรื่องความสัมพันธ์น้อยนัก ครั้งนี้ มาที่นี่ ก็ให้ผมได้ฝึกฝน

“รุ่นพีรพีพงษ์ เกรงว่าเวกัสต้องรออีกสักสองสามวันจึงจะ มาปกป้องพวกคุณได้ เขากับผม ต้องไปจัดการปัญหานิดหน่อย ดำเกิงกล่าวอย่างกระมิดกระเมี้ยน

รพีพงษ์ชะงัก แล้วถาม “ปัญหาอะไร?”

“แฮ่มๆ คือ ตอนแรกที่ผมเพิ่งจะเข้าฝึก ตอนนั้นอาจารย์ได้พา ผมไปเมืองข้างๆเกียวโตชื่ออำเภอคงเป็นเพื่อหายา ตอนนั้นผม เพิ่งเรียนกับอาจารย์ได้สองท่วงท่า รู้สึกว่าตัวเองก็ถือเป็นยอด ฝีมือแล้ว เลย…….คิดไปเอง”

“แล้วพี่ก็รู้ ว่าผมยังวัยรุ่นอยู่ เห็นสาวๆสวยๆ ก็ละสายตาไม่ได้ ตอนนั้นได้เจอเข้ากับหญิงสาวที่เก่งกาจอำเภอดึงเมน อยากจะจีบเค้า จนไปถึงบ้านเธอ

“หญิงคนนั้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอดึงเมน คุณหนู ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจก็เป็นตระกูลที่เรียน ศิลปะการต่อสู้ใต้บินว่าเป็นอีกสาขาหนึ่งของฝ่ามือสอบพยัคฆ์ เพราะทั้งครอบครัวหมกมุ่นกับการศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นจึงเป็น ตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอถึงเมน

“ตอนนั้นหญิงคนนั้นดูถูกผม บอกว่าผมไม่คู่ควรกับเธอ ผมไม่ เห็นด้วย บอกว่าฝีมือของตนนั้นเก่งกาจ เธอจึงให้ผมประลองกับ พี่ชายของเธอ ถ้าผมชนะ ก็มีสิทธิ์จีบเธอ ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบตกลงในทันใด

“ฝีมือของคนนี้ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจไม่อ่อนด้อย ฝ่ามือสอบ พยัคฆ์ของพี่ชายเธอถือว่าได้เข้าถึงแก่นแท้ ผมที่เพิ่งเรียนท่วงท่า ไปไม่กี่ว่าแน่นอนว่าสู้เขาไม่ได้ ดังนั้นผมจึงแพ้ไป

“หลังจากนั้นหญิงคนนั้นทำให้ผมอัปยศอดสู โดยการบอกทุก คนในตระกูลวิรุฬห์ธนกิจว่าผมเป็นไอ้สวะ ไม่คู่ควรที่จะจีบเธอ ผมอัดอั้นตันใจ แต่เพราะแพ้ จึงทำได้เพียงอดกลั้น แต่ตอนนั้น ผมได้สาบานเอาไว้ว่าอนาคตถ้ามีโอกาส จะต้องล้างแค้นให้ ได้”

“ครั้งนี้ผมมากับรุ่นพี่เวทัส ความจริงก็เพื่อมาล้างแค้นที่ถูก ทำให้อัปยศอดสู ในตอนนั้น ผมจะต้องทำให้หญิงคนนั้นรู้ว่าก ไม่ใช่ไอ้สวะ!”

เมื่อฟังดำเกิงพูดจบ รพีพงษ์ก็ยิ้ม ไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้จะเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

“ด้วยฝีมือแก ในตอนนี้ ไปคนเดียว ก็สามารถล้างแค้นได้แล้ว นะ ทำไมต้องให้เวสตามไปด้วย?” รพีพงษ์ถาม

“ถ้าฟังจากคำพูดของอาจารย์ ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจนี้ถือว่าเป็น ตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณอยู่บ้าง พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของ ฝ่ามือสยบพยัคฆ์ แม้จะเทียบกับฝ่ามือสยบพยัคฆ์ตัวจริงยังห่าง อยู่มาก แต่ก็ไม่ควรประมาท แล้วอาจารย์ยังบอกอีกว่าตระกูล วิรุฬห์ธนกิจน่าจะมียอดฝีมือกำลังภายในอยู่หนึ่งคน ผมกลัวว่า ถึงเวลานั้นที่ผมล้างแค้น ยอดฝีมือกำลังภายในของตระกูลวิรุฬห์ ธนกิจโมโหจะฆ่าผมขึ้นมา จึงเป็นเหตุผลที่ให้เวสตามไปด้วย คําเกิงอธิบาย

รพีพงษ์คิ้วกระตุก ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ในอำเภอหนึ่ง จะมี ยอดฝีมือกําลังภายในแฝงอยู่ด้วย ดูๆแล้วเขายังเข้าใจโลกนี้ไม่ ถ่องแท้เท่าที่ควร

ดำเกิงได้พูดแล้ว ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจที่หมกมุ่นอยู่แต่กับศิลปะ การต่อสู้ ดังนั้นถึงได้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของอำเภอถึงเมน ตระกูลที่มียอดฝีมือกำลังภายในอยู่แบบนี้ ถ้ามาที่เกียวโต เกรง ว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่มีไปนานแล้ว

แน่นอนว่าคนที่มีฝีมือกำลังภายใน จะไม่มีความอยากได้ด้าน สิ่งของ อย่างมาก ก็คือคิดว่าวิธีที่จะทำให้ฝีมือของตัวเองเพิ่มขึ้น

ดังนั้นรพีพงษ์จึงรับรู้ได้ คนจีนทั้งหมด เช่นตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ที่ซ่อนยอดฝีมือกําลังภายในไว้นั้น ต้องมีจำนวนไม่น้อยเป็นแน่เพียงแค่คนเหล่านี้ไม่สนใจชื่อเสียงและเงินทอง ดังนั้นผู้คนจึง ไม่รู้ตัวตนของพวกเขา

คนที่รพีพงษ์เคยรู้จัก ล้วนเป็นพวกประกอบกิจการมากสุดก็ ไปชกมวยที่เวทีใต้ดิน แต่ก็หลังจากที่เรียนกำลังภายในกับ อาจารย์แล้ว ถึงได้เรียนรู้เรื่องแบบนี้

สงบนิ่งอยู่พักหนึ่ง รพีพงษ์ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่งั้นแกอย่า รบกวนเวทัสเลย สู้ไปอำเภองเมนกับฉันดีกว่า สถานการณ์ รอบๆเกียวโตฉันรู้ดี มีหลายเรื่องที่จัดการได้ง่าย

ค่าเกิงได้ยินคําพูดของรพีพงษ์ ก็แววตาเป็นประกาย แล้วรีบ กล่าว “เอาสิ ถ้าพีรพีพงษ์ไปกับผมล่ะก็ ผมก็ยิ่งสบายใจเข้าไป ใหญ่เลย”

รพีพงษ์จ้องไปที่เวกัส ขอความคิดเห็นเขา เวทสไม่สนใจ

เพราะฝีมือของรพีพงษ์ในตอนนี้เก่งกว่าเขา ไปกับดำเกิง ไม่มี

ปัญหาแน่นอน

ทีรพีพงษ์อยากไปกับดำเกิงนั้น ก็เพราะอยากจะทำความ เข้าใจตระกูลที่มียอดฝีมือกำลังภายในอยู่ในตระกูลว่าเป็น อย่างไร ในเวลาเดียวกันก็ไปรับรู้ถึงอานุภาพของศิลปะการต่อสู้ โบราณเสียหน่อย การปกป้องดำเกิงนั้น เป็นสิ่งที่พ่วงไปก็แค่นั้น

หลังจากที่นัดกันแล้ว รพีพงษ์ได้จัดวางสิ่งที่เวกัสต้องทำใน ตระกูลลัดดาวัลย์ และแต่ตั้ง ให้เวทสเป็นหว้หน้าดูแลความ ปลอดภัยของตระกูลลัดดาวัลย์ ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลลัด ดาวัลย์ ต้องฟังคําสั่งของเวทีส
เวทีสไม่เคยมีประสบการณ์ในการควบคุมคนรพีพงษ์ให้เขา เป็นหัวหน้า เขารู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ในใจเขาก็รู้สึกอยากลองเต็มที่ กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนตระกูลลัดดาวัลย์ให้ยากที่จะทําลายยังไง

หลังจากที่พูดคุยเสร็จแล้วนั้น ชลาธิปที่ฟังพวกรพีพงษ์พูดอยู่ ตลอดนั้นก็ยืนขึ้น ได้ไปยังด้านหน้าของเวทัส

จากการคุญเมื่อกี้ ชลาธิปรู้ว่าคนที่ชื่อเวกัส ความสามารถได้ ถึงจุดที่เรียกว่ายอดฝีมือของกำลังภายในแล้ว ฝีมือระดับนี้เป็น อย่างไรเขาไม่รู้ แต่ที่เขาเข้าใจคือแม้แต่ดำเกิงอยู่ต่อหน้าเวทส ยังต้องเคารพนอบน้อม นั่นก็แสดงว่าฝีมือไม่ต่างกันมาก

ดังนั้นเขาจึงอยากคว้าโอกาสนี้ หาอาจารย์ให้กับทยุติ และ หายอดฝีมือกำลังภายในเป็นบอดี้การ์ด

“คุณเวทัส ไม่ทราบว่าคุณสามารถรับทยุติเป็นลูกศิษย์ได้หรือ

ไม่ ถ้าได้ล่ะก็ ผมยอมจ่ายร้อยล้าน เป็นค่าเรียนให้กับคุณ ถ้าคุณ

รู้สึกว่าน้อยไป ผมยังเพิ่มให้ได้อีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ