พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว

บทที่ 401 ท่าไม้ตาย



บทที่ 401 ท่าไม้ตาย

หลังจากที่มรรษกรกับชายสองสามคนได้ยินคำพูดของรพี พงษ์ ต่างพากันหัวเราะออกมา

“ไอ้เด็กน้อย แกยังไม่รู้สินะว่านี่คือที่ไหน เมื่อกี้แกได้ยินที่ ฉันพูดไม่ชัดเหรอ ท่านนี้คือนักมวยระดับเทพของที่นี่ ถึงแก จะมีลูกน้องสองคนแล้วมันยังไง แกคิดว่าจะสู้กับนักมวย ระดับเทพได้งั้นเหรอ ไม่งั้นฉันคงไม่มาขอความช่วยเหลือ จากเขาหรอก” มรรษกรพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

คนที่ถูกเรียกว่านักชกหมาป่ายืนขึ้นต่อหน้าของรพีพงษ์ เขาตัวสูงกว่ารพีพงษ์ กล้ามเนื้อกำยำของเขา มองแล้วรู้สึก เหมือนถูกข่มขู่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

“ไอเด็กน้อย ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะเป็นใคร ขนาดไอ้ผู้ อำนวยการโรงพยาบาลอะไรนั่นยังไม่กล้าหือกับฉันเลย แกก็ แค่ไอ้เด็กน้อย มรรษกรเป็นเพื่อนของฉัน แกทำให้เขา ตกงาน เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว ฉันจะให้แก สัมผัสการที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นไปตลอดชีวิต” หมาป่าพูด ด้วยสีหน้าหยิ่งยโส

รพีพงษ์ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง เขาไม่อยากมีเรื่องกับคน พวกนี้ในตอนนี้ แต่ว่าคนพวกนี้มาขวางทางเอง จะว่าเขาไม่ เกรงใจไม่ได้แล้วล่ะ แต่ทว่าตอนที่เขากำลังจะลงมือ รปภ.ในสนามมวยเดิน เข้ามาพูดว่า “ภายในสนามมวย สามารถต่อสู้กันได้แต่บน เวที ถ้าพวกนายอยากสู้กันก็ขึ้นไปบนเวที หมาป่านายน่าจะ เข้าใจกฎของที่นี่ดี”

หมาป่ากหันไปมองรูปภาพ. แล้วกัดฟันกรอด จากนั้นเขาจึง พูดกับรพีพงษ์ว่า “ไอ้เด็กน้อย แกกล้าขึ้นไปชกกับฉันบนเวที ใหมล่ะ”

รพีพงษ์เห็นว่ามีคนมาห้าม อีกทั้งสนามมวยแห่งนี้มีกฎ ห้ามชกต่อยกันนอกเวที แม้แต่หมาป่าก็ต้องทำตามกฎนี้ ดัง นั้นเขาจึงไม่สนใจหมาป่า แล้วเดินไปที่สำนักงานที่รับผิด ชอบของสนามมวย

หมาป่ากับมรรษกรเห็นรพีพงษ์กำลังจะเดินไป เขาแสดง สีหน้าเยาะเย้ยออกมา

“แกไม่ตอบอะไรเพราะกลัวจนหัวหดล่ะสิ ดูแล้วแกมันก็แค่ ทำเป็นเก่ง!” มรรษกรตะโกนเสียงดังใส่รพีพงษ์

“น่าข่าสิ้นดี พอไอ้เด็กนี้ได้ยินหมาป่าบอกให้ขึ้นไปบนเวที ก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรแล้วเดินหนีไปเฉยๆ”

“เหอะ คนแบบนี้ทำได้แค่เอาฐานะของตัวเองมากดขี่คน อื่นเท่านั้น เอาจริงๆ พวกมันยังสู้ฉันไม่ได้เลย สวะจริงๆ”

คนพวกนั้นพูดประชดประชันรพีพงษ์ หมาป่าคิดว่ารพีพงษ์กลัวจริงๆ จึงมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “บนเวทีมีกฏ ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แต่ข้าง นอกไม่ได้มีกฎแบบนี้ พวกเราดื่มกันต่อเถอะ เดี๋ยวอีกสักพัก พอมันออกไป เราค่อยตามไปสั่งสอนมัน”

มรรษกรพยักหน้า ทุกคนจึงนั่งและดื่มกันต่อ

รพีพงษ์เดินต่อไป เมื่อเขาเจอสำนักงานที่รับผิดชอบสนาม มวย ตรงนั้นมีหน้าต่างบานเล็กๆ รพีพงษ์ยื่นมือออกไปเคาะ หน้าต่างถูกเปิดออก ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดท่าทาง โหดเหี้ยมนั่งอยู่ข้างใน

คนที่อยู่ข้างในมองถามว่า “มีอะไร”

“หาสมบัติ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

คนนั้นเหลือบมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีสมบัติ นาย มาหาผิดที่แล้วล่ะ”

“งั้นผมต้องไปที่ที่ถูกต้องสินะ” รพีพงษ์พูดต่อ

ประโยคนี้เป็นรหัสลับที่เทพยางศุ์บอกเขา เทพยางคุ์บอก ว่าไม่ต้องใส่น้ำเสียงอะไรลงไปและห้ามพูดผิดแม้แต่คำเดียว ไม่งั้นจะทำให้รหัสลับล้มเหลว

เมื่อได้ยินรหัสลับที่รพีพงษ์พูดออกมา คนที่นั่งอยู่ข้างใน เผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา จากนั้นจึงหยิบเศษกระดาษที่อยู่ บนโต๊ะยื่นให้รพีพงษ์ รพิพงษ์สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีเศษกระดาษแบบเดียวกัน อยู่เยอะมาก เขาพอเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นเงื่อนไขในการคัด กรองคนเข้าไปในเทือกเขากิสนา

เทพยางคู่เคยพูดว่า การคัดกรองนี้เหมือนภารกิจที่ต้อง ทำให้สำเร็จ จึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปในเทือกเขากิสนาได้ ส่วนคนที่พ่ายแพ้ก็จะไม่มีคุณสมบัติเข้าไปในเทือกเขากิสนา ได้อีก

รพีพงษ์เปิดเศษกระดาษดู หมาป่า ทำให้เขาตาย” ในนั้นเขียนว่า “ท้าประลองกับ

เมื่อเห็นข้อความบนกระดาษ รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เขารู้ได้ ทันทีว่าคนข้างในเพิ่งจะเขียนแน่นอน ดูเหมือนว่าหมาป่าจะ ซวยแล้วล่ะ

รพีพงษ์พอจะคาดเดาอะไรได้ จากภารกิจที่ต้องทำ คนที่จะ สามารถเข้าไปในเทือกเขากิสนาได้ จำเป็นต้องมีพละกำลัง มาก ไม่งั้นก็จะกลายเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ ทำหน้าที่ ไม่สำเร็จก็ไม่สามารถเข้าไปในเทือกเขากิสนาได้

เมื่อคิดถึงที่เทพยางคุ์บอกว่า คนรวยที่อยู่ในเทือกเขากิ สนาซอบดูคนระดับเทพสู้กัน เพราะฉะนั้นจึงต้องมีภารกิจนี้ น่าจะเป็นการเตรียมตัวในการต่อสู้ของคนที่อยู่ข้างในด้วย

เพราะว่าการต่อสู้ของคนระดับเทพ ล้วนเป็นที่สนใจ “ผมต้องทำภารกิจให้เสร็จวันนี้ใช่ไหม” รพีพงษ์ถามคนที่ อยู่ข้างใน

คนนั้นจ้องรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายพูดอะไรใร้สาระ ฉันก็ แค่เขียนไปงั้นๆ”

เมื่อได้ยินดังนั้น รพีพงษ์ลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าคนในเทือกเขากิสนาที่มา ทำงานข้างนอกค่อนข้างระมัดระวัง นอกจากทำหน้าที่ของตัว เอง พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีก

รพีพงษ์คิดไปคิดมา เขาจึงตัดสินใจได้ เขาเก็บกระดาษไว้ หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปหาพวกมรรษกร

พวกมรรษกรกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ขณะเดียวกันพวกเขา ก็มองมาที่หน้าประตู รอให้รพีพงษ์เดินออกไป

ขณะนั้นเองมรรษกรเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามาหาพวกเขา เขา ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นจึงลุกขึ้นมา

“ไอ้เด็กน้อย ตอนที่แกอยู่ในโรงพยาบาล เก่งนักไม่ใช่ หรือไง ทำไมตอนนี้ไม่กล้ารับคำท้าล่ะ แกอย่าคิดหนีเลย แค่ แกเดินออกไป พวกเราจะทำให้แกเสียใจที่ทำแบบนี้แน่ๆ” มรรษกรพูดแล้วกัดฟันกรอด

รพีพงษ์เดินมาถึงหน้าโต๊ะของพวกมรรษกร เขาไม่มอง มรรษกรแล้วหันไปมองหมาป่า “ฉันรับคำท้าของนาย” หมาป่ากับพวกมรรษกรพากันตั้ง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะ รับคำท้า

แต่ไม่นาน หมาป่าก็แสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “แกรับคำ ท้าก็ดี อีกเดี๋ยวพอขึ้นบนเวที ฉันจะทำให้แกรู้ว่าพละกำลังคือ อะไร”

มรรษกรแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “แกก็ไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้น นะ แกจะได้รู้ฝีมือตัวเอง อีกเดี๋ยวหมาป่าไม่ออมมือแน่ หมาป่าทำให้ไอ้เด็กน้อยนี่ลุกไม่ขึ้นเลยนะ”

“วางใจเถอะ นายไม่ต้องพูด ฉันก็รู้ว่าต้องทำยังไง” หมาป่าจับกำปั้นของตัวเองแล้วยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว จาก นั้นก็ไปจัดการดวลระหว่างรพีพงษ์กับเขา

ไม่นาน หมาป่าก็กวักมือเรียกรพีพงษ์ให้ไปหาพวกเขา

รพีพงษ์เดินผ่านสนามมวยไปหาพวกเขา หมาป่ายืนอยู่บน สนามมวย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน หลัง จากที่รพีพงษ์เดินเข้ามา เขาก้าวขึ้นไปบนเวที แล้วยืนประจัน หน้ากับหมาป่า

“ทุกท่าน วันนี้คนที่จะมาท้าฉันคือไอ้เด็กน้อยผอมแห้งไร้ เรี่ยวแรงคนนี้ มันทำให้เพื่อนของฉันตกงาน วันนี้ฉันจะสั่ง สอนมันเอง!” หมาป่าตะโกนให้คนรอบๆ ได้ยิน

คนโดยรอบต่างพากันส่งเสียงเชียร์ “ฆ่ามัน หมาป่าหนึ่งในใต้หล้า!”

“หมาป่าสุดยอด ให้ไอ้เด็กที่ไม่รู้จักชั่วดีลิ้มรสหมัดของ

นายเลย!”

“หมาป่า! หมาป่า! หมาป่า!”

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้คน มรรษกรแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ในเวทีนี้ หมาป่าคือหนึ่งเดียวไร้เทียมทาน คนที่อยู่บนเวที เดียวกับเขา ไม่เคยมีใครได้เดินออกไปได้ แกเดินมาท้าเขา เองนะ ถ้าเขาต่อยแกจนเละเป็นโจ๊ก แกอย่าไปโทษคนอื่นก็ แล้วกัน!”

หมาป่ามีสีหน้าภูมิใจกับเสียงเชียร์โดยรอบ เขาเปรียบ เหมือนราชาของเวทีแห่งนี้ ที่นี่ไม่เคยมีใครเป็นคู่ต่อสู้ของ

เขา

“เห็นหรือยังไอ้เด็กน้อย ทุกคนพากันเชียร์ฉัน แกมันก็แค่ เด็กน้อยที่จะถูกฉันจัดการ ฉันจะจัดการแกให้ฟันร่วง!” หมาป่าพูดกับรพีพงษ์

รพีพงษ์มองเขาแล้วพูดว่า “บนเวทีสามารถฆ่าคนตายได้ ด้วยเหรอ”

หมาป่าได้ยินคำถามของรพีพงษ์ ตอนแรกเขาอึ้งไป จาก นั้นก็หัวเราะออกมา “อะไรนะ อย่าบอกนะว่าแกกลัวฉันฆ่า ตาย จะบอกให้นะว่าสนามแห่งนี้ การตายเป็นเรื่องปกติ วันนี้ แกอ้อนวอนให้ฉันออมมือให้แกดีกว่า”

รพีพงษ์พยักหน้า แค่สนามแห่งนี้อนุญาตให้ฆ่าคนใด้ก็พอ

เมื่อคนที่อยู่ล่างเวทีได้ยินคำถามของรพีพงษ์ต่างพากัน หัวเราะกันออกมา และสงสัยว่ารพีพงษ์กำลังคำนึงถึงความ ปลอดภัยของตัวเอง

“ไอ้เด็กนี่มันตลกจัง ที่มันถามแบบนี้เพราะไม่อยากให้ หมาป่าฆ่ามันตายใช่ไหม”

“เวทีมวยใต้ดินต้องฆ่าให้ตายเท่านั้น ไม่งั้นมันจะสนุกได้ ยังไง หวังว่าวันนี้หมาป่าจะจัดการไอ้เด็กที่ไม่รู้จักชั่วดีคนนี้ ให้ตาย นี่แหละคือราคาของความประมาท!”

“ดูจากท่าทางของมัน ต้องโดนซัดตายแน่ๆ หวังว่ามันคง

มีประกันชีวิตนะ”

หลังจากที่เสียงพูดคุยค่อยๆ เงียบลง

เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ผู้คนพากันเชียร์หมาป่าที่อยู่บน

เวที

หมาป่าแสยะยิ้มกระหายเลือด จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาร

พีพงษ์ ดูออกว่าเขามั่นใจในหมัดของตัวเองมาก

รพีพงษ์ยืนอยู่กับที่ หลังจากที่เขาเห็นการกระทำของ

หมาป่า ในหัวของเขามีวิธีรับมือหมาป่าแล้ว เขาไม่อยากเสียเวลา จึงจะใช้ท่าไม้ตายจัดการในครั้ง

เดียว

ตอนที่หมาป่าพุ่งเข้ามาหารพีพงษ์ รพีพงษ์กระโดดขึ้น หมุนตัว 360 องศาแล้ว ใช้เท้าถีบไปที่หน้าอกของหมาป่า

หมาป่ายังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาโดนถีบจนกระเด็นออกไป แล้วกระแทกลงบนพื้นจนเลือดไหลออกจากปาก จากนั้นเขา ก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

ทุกคนพากันเงียบเสียงแล้วมองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีด้วย สีหน้าตื่นตระหนก

ทันใดนั้นก็มีคนสองคนวิ่งเข้าไปหาหมาป่า หนึ่งในนั้น ตรวจดูร่างกายและจับที่หน้าอกของหมาป่า เขาก้มลงไปฟัง เสียงหัวใจ คนคนนั้นมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก

“ซะ เขาตายแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ